简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

รู้จัก Futures คืออะไร ปลดล็อกสัญญาซื้อขายล่วงหน้าครบทุกมิติ

เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-14

Futures คือ กลไกสำคัญที่มีบทบาทในการบริหารจัดการความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนแก่นักลงทุนและธุรกิจต่าง ๆ ท่ามกลางภาวะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความผันผวนครั้งใหญ่ ทั้งจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ บทความนี้จะเจาะลึกทุกมิติของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดังกล่าว ตั้งแต่ความสำคัญ การเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันอย่าง Option ไปจนถึงการทำความเข้าใจความเสี่ยงที่ตามในการใช้ลงทุน


ถอดรหัสสัญญา Futures คือเครื่องมือบริหารความเสี่ยงการลงทุน


Futures คือสัญญาทางการเงินที่บังคับให้ผู้ถือสัญญาซื้อหรือขายสินทรัพย์ในราคาที่กำหนด ณ วันครบกำหนดล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน ทองคำ หรือแม้แต่ดัชนีหุ้น สัญญานี้ช่วยให้นักลงทุนล็อกต้นทุนหรือคาดการณ์กำไร/ขาดทุนได้ล่วงหน้า


ลักษณะเด่นของ Futures คือมีตลาดลิสต์และมีมาตรฐานการซื้อขาย ทำให้สามารถซื้อขายได้สะดวกและมีสภาพคล่องสูง อีกทั้ง Futures ยังสามารถใช้ในการทำ Hedging เพื่อป้องกันความเสี่ยงราคาสินทรัพย์ผันผวน เช่น บริษัทน้ำมันสามารถล็อกต้นทุนการขายล่วงหน้าได้โดยไม่ต้องเสี่ยงราคาตลาด


สำหรับนักเก็งกำไร Futures ให้โอกาสทำกำไรทั้งขาขึ้นและขาลงของตลาด เนื่องจากสามารถใช้ Leverage หรือการลงทุนด้วยเงินทุนเพียงส่วนหนึ่งของมูลค่าสัญญา แต่ต้องระวังว่าการใช้ Leverage สูงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการขาดทุนอย่างรวดเร็ว


Futures คือ - EBC


ก่อนลงทุนต้องรู้ Futures แตกต่างจาก Option อย่างไร


แม้ Futures และ Option จะอยู่ในกลุ่ม Derivatives เหมือนกัน แต่การทำงานและระดับความเสี่ยงแตกต่างกันอย่างชัดเจน สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าใจตลาดล่วงหน้า การแยกความต่างเหล่านี้จะช่วยให้วางกลยุทธ์ได้เหมาะสมกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยง


Futures เป็นสัญญาผูกมัดที่บังคับให้ผู้ถือสัญญาซื้อหรือขายสินทรัพย์ตามราคาที่ตกลงไว้ล่วงหน้า การทำกำไรหรือขาดทุนเกิดขึ้นทันทีตามราคาตลาดในช่วงเวลาที่สัญญาเคลื่อนไหว นักลงทุนต้องวางเงิน Margin เพียงบางส่วนของมูลค่าสัญญา ทำให้สามารถใช้ Leverage เพื่อเพิ่มกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงขาดทุนอย่างรวดเร็ว


ขณะที่ Option เป็นสัญญาที่ให้สิทธิ แต่ไม่บังคับในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ ผู้ถือสัญญาสามารถเลือกใช้สิทธิหรือไม่ใช้สิทธิได้ตามสถานการณ์ โดยต้องจ่าย Premium ล่วงหน้าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเรียกคืน การลงทุนด้วย Option มีความยืดหยุ่นสูง และเหมาะสำหรับการสร้างกลยุทธ์ที่ซับซ้อน เช่น การป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตหุ้นหรือการเก็งกำไรตามความผันผวนของราคา


ข้อแตกต่างหลัก ๆ ที่นักลงทุนควรเข้าใจมีดังนี้ 


  • สัญญาผูกมัด vs สิทธิในการเลือก – Futures บังคับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ส่วน Option ให้สิทธิแต่ไม่บังคับ

  • ต้นทุนเริ่มต้น – Futures ใช้ Margin เพียงส่วนเล็กของมูลค่าสัญญา ขณะที่ Option ต้องจ่าย Premium ล่วงหน้า

  • ความเสี่ยงและผลตอบแทน – Futures มี Leverage สูง ความเสี่ยงสูง แต่กำไร/ขาดทุนชัดเจน ขณะที่ Option มีความเสี่ยงจำกัดอยู่ที่ Premium แต่ต้องคาดการณ์แม่นยำเพื่อทำกำไร


ยกตัวอย่างเช่น บริษัทน้ำมันอาจใช้ Futures เพื่อป้องกันความผันผวนของราคาน้ำมัน ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยอาจใช้ Option เพื่อสร้างกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตหุ้น โดยไม่ต้องผูกมัดซื้อขายสินทรัพย์จริง


Futures - EBC


Futures กับความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจเพื่อป้องกันขาดทุนหนัก


การลงทุนใน Futures เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่เปิดโอกาสสร้างกำไรสูง แต่ก็ซ่อนความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องเข้าใจอย่างละเอียดเพื่อป้องกันการขาดทุนอย่างหนัก ความเสี่ยงเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงปัจจัยด้านสภาพคล่อง การใช้ Leverage และการบริหารพอร์ตที่ผิดพลาด


1. ความเสี่ยงจากตลาด (Market Risk)


ความเสี่ยงจากตลาดคือการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ที่อาจทำให้สัญญา Futures ขาดทุนอย่างรวดเร็ว ราคาสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นทองคำ น้ำมัน หรือดัชนีหุ้น อาจผันผวนสูงในระยะเวลาอันสั้นเนื่องจากข่าวเศรษฐกิจ การเมือง หรือปัจจัยภายนอกอื่น ๆ


นักลงทุนที่ถือสัญญา Futures จะต้องเผชิญกับการขาดทุนทันทีหากราคาวิ่งสวนทิศทางของสัญญา แม้จะใช้กลยุทธ์ Hedging ก็ตาม การติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดและการวิเคราะห์แนวโน้มราคาจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์ได้ทันเวลา


2. ความเสี่ยงจาก Leverage (Leverage Risk)


หนึ่งในข้อดีของ Futures คือการใช้ Leverage ทำให้นักลงทุนสามารถถือสัญญาได้ด้วยเงินทุนเพียงส่วนเล็กของมูลค่าสัญญา แต่ข้อดีนี้มาพร้อมกับความเสี่ยงสูง เพราะการขาดทุนสามารถเกิดขึ้นเต็มมูลค่าสัญญาได้อย่างรวดเร็ว


Leverage ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ แต่ในทางกลับกันก็ทำให้ความผันผวนเล็ก ๆ ของราคาเปลี่ยนเป็นผลขาดทุนขนาดใหญ่ นักลงทุนจึงควรกำหนดระดับ Leverage ที่เหมาะสมและเผื่อเงินทุนสำรองสำหรับการเรียก Margin


3. ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk)


สภาพคล่องในตลาด Futures อาจไม่เท่ากันในทุกช่วงเวลา บางสัญญาอาจมีผู้ซื้อขายจำนวนจำกัด ทำให้ไม่สามารถปิดสัญญาได้ตามราคาที่ต้องการในทันที ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องส่งผลให้ราคาขายหรือซื้อจริงอาจแตกต่างจากราคาตลาด (Slippage) นักลงทุนต้องตรวจสอบความหนาแน่นของตลาดและเลือกสัญญาที่มีสภาพคล่องสูงเพื่อลดความเสี่ยงด้านนี้


4. ความเสี่ยงจากการบริหารพอร์ตและ Margin (Operational & Margin Risk)


Futures ต้องมีการติดตามและปรับพอร์ตอย่างต่อเนื่อง การไม่บริหาร Margin หรือไม่ตั้ง Stop Loss อาจทำให้เกิดการขาดทุนเกินความคาดหมาย ในบางกรณี การเรียก Margin เพิ่ม (Margin Call) อาจเกิดขึ้นทันทีหากตลาดผันผวน นักลงทุนต้องเตรียมเงินทุนสำรองและมีกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง เพื่อไม่ให้ถูกบังคับปิดสัญญาโดยไม่พร้อม


5. ความเสี่ยงด้านปัจจัยภายนอก (External Risk)


นอกจากความเสี่ยงจากตลาดและ Leverage แล้ว ปัจจัยภายนอก เช่น ข่าวเศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงนโยบายธนาคารกลาง หรือเหตุการณ์ทางการเมือง สามารถส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ได้ทันที ความเสี่ยงประเภทนี้ค่อนข้างควบคุมได้ยาก นักลงทุนจึงต้องติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องและวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสัญญา Futures ของตน เพื่อปรับกลยุทธ์และลดความเสี่ยงอย่างมีระบบ


pexels-weekendplayer-187041.jpg


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)


Q: Futures คืออะไร และแตกต่างจากหุ้นตรงไหน?

A: Futures คือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสินทรัพย์ต่าง ๆ แตกต่างจากหุ้นตรงที่เป็นสัญญาผูกมัดและสามารถใช้ Leverage ได้สูง


Q: Futures ต่างจาก Option อย่างไร?

A: Futures เป็นสัญญาผูกมัดให้ซื้อขายตามราคาที่กำหนด ส่วน Option ให้สิทธิซื้อหรือขายโดยไม่บังคับ


Q: การลงทุนใน Futures มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

A: มี Market Risk, Leverage Risk, และ Liquidity Risk ซึ่งนักลงทุนควรเข้าใจและวางแผน Risk Management


สรุป


Futures คือสัญญาทางการเงินที่กำหนดให้ผู้ถือสัญญาซื้อหรือขายสินทรัพย์ในราคาที่ตกลงล่วงหน้า ณ วันครบกำหนด การทำงานของ Futures มีความชัดเจนและมาตรฐานสูง ทำให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์กำไรหรือขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ได้อย่างเป็นระบบ ทั้งยังสามารถใช้ Leverage เพื่อเพิ่มศักยภาพในการถือสัญญา แม้ว่าจะเพิ่มความเสี่ยงขึ้นด้วยเช่นกัน


ความแตกต่างระหว่าง Futures กับ Option อยู่ที่ความผูกมัดและสิทธิการซื้อขาย Futures เป็นสัญญาผูกมัดให้ดำเนินการตามราคาที่กำหนด ขณะที่ Option ให้สิทธิแต่ไม่บังคับ การเข้าใจความแตกต่างนี้ช่วยให้สามารถประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เกิดจากการถือสัญญาได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ Futures ยังใช้ได้กับสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น สกุลเงิน และตราสารหนี้


การลงทุนใน Futures มีความเสี่ยงหลายด้านที่ควรรับรู้ ได้แก่ ความเสี่ยงจากตลาด การใช้ Leverage สภาพคล่อง และปัจจัยภายนอกที่อาจกระทบราคาสินทรัพย์ การวิเคราะห์แนวโน้มราคาผ่าน Technical, Fundamental และ Quantitative Analysis ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของตลาดและการเคลื่อนไหวของสัญญา Futures ได้ชัดเจนขึ้น ทำให้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสรุปและทำความเข้าใจเครื่องมือนี้


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
Pattern Day Trader กฎที่ควรรู้ก่อนเทรดหุ้นสหรัฐ
ดัชนี Altcoin Season ปี 2025 เราอยู่ในช่วงนั้นหรือไม่?
ความแตกต่างและความเชื่อมโยงของการเก็งกำไรและการลงทุน
ดัชนี US30 คืออะไร? องค์ประกอบ กลยุทธ์ และวิธีเทรด
Spot Trading คืออะไร? คู่มือสำหรับมือใหม่