เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-14
Relative Volume (RVOL) เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้เปรียบเทียบระดับความเคลื่อนไหวของหุ้นกับพฤติกรรมการซื้อขายตามปกติของมัน ซึ่งถือเป็นเบาะแสสำคัญในการทำความเข้าใจความเชื่อมั่นของตลาดและการมองหาโอกาสในการเทรด
แตกต่างจากปริมาณการซื้อขายทั่วไปที่แสดงเพียงจำนวนหุ้นที่ถูกซื้อขาย RVOL จะเผยให้เห็นถึง “ความสำคัญ” ของกิจกรรมนั้นอย่างแท้จริง โดยช่วยให้นักเทรดทราบว่าเมื่อใดที่หุ้นอยู่ในภาวะที่มีการซื้อขายผิดปกติ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงโมเมนตัมที่กำลังเกิดขึ้นหรือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของความเชื่อมั่นในตลาด
บทความนี้จะอธิบายแนวคิดของ Relative Volume วิธีการคำนวณและการตีความ รวมถึงแนวทางที่นักเทรดสามารถนำไปประยุกต์ใช้เชิงกลยุทธ์ ตั้งแต่การจับสัญญาณเบรกเอาต์ การยืนยันแนวโน้ม ไปจนถึงการผสานเข้ากับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เพื่อการตัดสินใจเทรดที่ชาญฉลาดและมั่นใจยิ่งขึ้น
Relative Volume (RVOL) เป็นอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่ใช้วัดปริมาณการซื้อขายของหุ้นในปัจจุบันเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของปริมาณการซื้อขายในอดีต
สำหรับนักเทรดแล้ว RVOL ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยระบุได้ว่าหุ้นใดกำลัง “อยู่ในความสนใจของตลาด” และตลาดกำลังให้ความสำคัญกับหุ้นตัวใดมากเป็นพิเศษ
สูตรการคำนวณ RVOL คือ
RVOL = ปริมาณการซื้อขายปัจจุบัน ÷ ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยในอดีต
ตัวอย่างเช่น หากหุ้นตัวหนึ่งมีปริมาณการซื้อขายวันนี้จำนวน 2 ล้านหุ้น ขณะที่ค่าเฉลี่ยปริมาณการซื้อขายรายวันในช่วง 20 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 1 ล้านหุ้น ดังนั้นค่า RVOL จะเท่ากับ
RVOL = 2,000,000 / 1,000,000 = 2.0
นั่นหมายความว่าปริมาณการซื้อขายของหุ้นในวันนี้สูงกว่าระดับปกติถึง 2 เท่า นักเทรดสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของตลาด ซึ่งมักเป็นสัญญาณของโอกาสในการเบรกเอาต์หรือความผันผวนที่เพิ่มขึ้น
RVOL > 1: ปริมาณการซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ย สะท้อนถึงความสนใจของตลาดที่เพิ่มขึ้น
RVOL < 1: ปริมาณการซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย บ่งชี้ถึงการชะลอตัวหรือช่วงสะสมของตลาด
ค่าพุ่งสูงของ RVOL (เกิน 2 หรือ 3): มักเกิดขึ้นพร้อมกับข่าวสารสำคัญ ผลประกอบการ หรือเหตุการณ์ที่เป็นตัวกระตุ้นราคาหุ้น
ปริมาณการซื้อขายแบบสัมบูรณ์เป็นเพียงการนับจำนวนหุ้นที่ถูกซื้อขายโดยไม่คำนึงถึงบริบท ในขณะที่ RVOL ให้มุมมองแบบ “สัมพัทธ์” โดยเปรียบเทียบกับพฤติกรรมในอดีตของหุ้นนั้น ๆ ความแตกต่างนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้นักเทรดสามารถระบุการเคลื่อนไหวที่ “มีนัยสำคัญจริง” ในตลาดได้ดียิ่งขึ้น
การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของค่า RVOL มักเกิดขึ้นพร้อมกับเหตุการณ์ที่มีผลต่อทิศทางตลาด เช่น การประกาศข่าวสารของบริษัท หรือข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญ ค่า RVOL ที่สูงสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น และสามารถบ่งชี้ถึงภาวะตลาดขาขึ้นหรือขาลงได้ ขึ้นอยู่กับทิศทางของการเคลื่อนไหวของราคา
RVOL สามารถใช้เป็นเครื่องมือยืนยันแนวโน้มได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นพร้อมกับค่า RVOL ที่เพิ่มขึ้น แสดงถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งและมีความต่อเนื่อง ในทางกลับกัน หากราคามีการเคลื่อนไหวในขณะที่ค่า RVOL ต่ำ อาจเป็นสัญญาณของแนวโน้มที่อ่อนแรงหรือขาดความยั่งยืน
หุ้นที่มีค่า RVOL สูงมักมีสภาพคล่องที่ดีกว่า ทำให้นักเทรดสามารถเปิดและปิดสถานะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับนักเทรดรายวัน (Intraday Traders) ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการเลื่อนหลุดของราคา (Slippage) และความล่าช้าในการส่งคำสั่งซื้อขาย
นักเทรดมักใช้ค่า RVOL เพื่อระบุจุดที่อาจเกิดการเบรกเอาต์ การกลับทิศทางของราคา หรือกิจกรรมการซื้อขายที่ผิดปกติ หุ้นที่มีค่า RVOL เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันอาจกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวของราคาที่มีนัยสำคัญ ซึ่งสามารถเป็นโอกาสในการเทรดที่จับต้องได้
นักเทรดแบบ Day Trade มักติดตามค่า RVOL เพื่อค้นหาหุ้นที่ “อยู่ในความสนใจของตลาด” หรือมีปริมาณการซื้อขายสูงผิดปกติ ซึ่งมักจะมีการแกว่งตัวของราคาตลอดทั้งวัน RVOL จึงช่วยให้นักเทรดสามารถระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเข้าและออกจากการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับนักเทรดสาย Swing การใช้ RVOL สามารถช่วยระบุหุ้นที่มีแนวโน้มจะเกิดการเบรกเอาต์ หรือมีแนวโน้มต่อเนื่องของราคา การติดตามค่า Relative Volume ต่อเนื่องหลายวันจะช่วยยืนยันได้ว่าการเคลื่อนไหวของราคานั้นมีแรงสนับสนุนจากความสนใจของตลาดอย่างแท้จริง
RVOL จะให้ผลดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เช่น
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: ยืนยันทิศทางแนวโน้ม
ดัชนี RSI: ประเมินสภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
MACD: ยืนยันโมเมนตัมแนวโน้ม
Bollinger Bands: ใช้แสดงระดับความผันผวนเมื่อเกิดการพุ่งของปริมาณการซื้อขาย
รูปแบบของค่า RVOL ภายในวันมักจะพุ่งสูงในช่วงเปิดตลาดและช่วงปิดตลาด การทำความเข้าใจรูปแบบเหล่านี้ช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ช่วงเวลาที่จะเกิดกิจกรรมการซื้อขายเข้มข้น และหลีกเลี่ยงสัญญาณหลอกในช่วงที่ตลาดเงียบได้
ตัวอย่างที่ 1: หุ้นขนาดกลางตัวหนึ่งมีค่า RVOL สูงถึง 3.5 ภายหลังการประกาศผลประกอบการที่เป็นบวก ส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 12% ภายในวันเดียว
ตัวอย่างที่ 2: หุ้นที่มีค่า RVOL ต่ำมีการเคลื่อนไหวขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านได้ แสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคาขาดความแข็งแรง
นักเทรดสามารถใช้เครื่องมือสแกนหุ้นบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น TradingView, ThinkorSwim และ NinjaTrader เพื่อเฝ้าติดตามหุ้นที่มีค่า RVOL สูงแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและสามารถระบุโอกาสในการเทรดที่มีศักยภาพได้อย่างรวดเร็ว
การปรับช่วงเวลาที่ใช้คำนวณค่าเฉลี่ยของปริมาณการซื้อขายสามารถทำให้ RVOL เหมาะสมกับลักษณะของหุ้นแต่ละประเภทได้มากขึ้น
หุ้นขนาดเล็ก (Small-cap) มักต้องการช่วงเวลาย้อนหลังที่สั้นกว่า เพื่อให้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ไวขึ้น
หุ้นขนาดใหญ่ (Large-cap) ควรใช้ช่วงเวลาย้อนหลังที่ยาวกว่า เพื่อลดสัญญาณรบกวนและความผันผวนในระยะสั้น
เหตุการณ์ข่าวสำคัญ การควบรวมกิจการ หรือการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค มักเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่า RVOL พุ่งสูงขึ้น เหตุการณ์ข่าวสำคัญ การควบรวมกิจการ หรือการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค มักเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่า RVOL พุ่งสูงขึ้น
แม้ว่าค่า RVOL ที่สูงจะบ่งบอกถึงโอกาสในการเทรด แต่ก็อาจสะท้อนถึงการตอบสนองเกินจริงของตลาดได้เช่นกัน นักเทรดจึงควรกำหนดระดับ Stop Loss ให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการไล่ซื้อในจังหวะที่ราคาพุ่งโดยไม่มีบริบทประกอบ และควรใช้สัญญาณจาก RVOL ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ
แม้ว่า RVOL จะเป็นตัวชี้วัดที่มีประโยชน์อย่างมาก แต่การใช้เพียงตัวเดียวโดยไม่พิจารณาปัจจัยอื่นอาจทำให้เกิดการตีความที่คลาดเคลื่อนได้ ควรใช้ RVOL ร่วมกับการวิเคราะห์พฤติกรรมราคา (Price Action) อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค และบริบทของตลาดโดยรวมเสมอ
ค่า RVOL ที่ต่ำไม่ได้หมายความว่าตลาดไม่มีโอกาสเสมอไป บางครั้งช่วงที่ RVOL ต่ำอาจเป็นช่วงของการสะสมกำลัง (Consolidation) ก่อนที่ราคาจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ การทำความเข้าใจบริบทของตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ
การพุ่งสูงของค่า RVOL อาจเกิดขึ้นในระดับกลุ่มอุตสาหกรรมหรือทั้งตลาด การเปรียบเทียบค่า RVOL ของหุ้นรายตัวกับแนวโน้มของกลุ่มอุตสาหกรรมหรือดัชนีตลาดจะช่วยป้องกันความเข้าใจผิดและทำให้การวิเคราะห์มีความแม่นยำยิ่งขึ้น
TradingView: แสดงกราฟ RVOL แบบเรียลไทม์และตั้งการแจ้งเตือนได้
ThinkorSwim: มีเครื่องมือสแกนหุ้นที่สามารถปรับแต่งได้สำหรับหุ้นที่มีปริมาณซื้อขายสูง
NinjaTrader: รองรับการกรองขั้นสูงและการติดตามค่า RVOL แบบอัตโนมัติ
Screeners และ Alerts: ช่วยทำให้การติดตามค่า RVOL เป็นระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการตัดสินใจเทรด
Relative Volume (RVOL) เป็นอินดิเคเตอร์ที่ขาดไม่ได้สำหรับนักเทรดที่ต้องการเข้าใจพฤติกรรมของตลาดให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น มากกว่าการดูเพียงแค่ราคาหุ้นเพียงอย่างเดียว
โดยการระบุช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายสูงหรือต่ำผิดปกติ การยืนยันแนวโน้ม และการตรวจจับโอกาสในการเกิดเบรกเอาต์ RVOL จึงกลายเป็นเครื่องมือที่มอบข้อมูลเชิงลึกซึ่งสามารถนำไปใช้ในการเทรดได้จริง
เมื่อผสาน RVOL เข้ากับอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค การบริหารความเสี่ยง และบริบทของตลาด นักเทรดจะสามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพในทุกสภาวะตลาด
โดยทั่วไป ค่า RVOL ที่มากกว่า 2 บ่งชี้ถึงความสนใจของตลาดที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย และมีแนวโน้มที่จะเกิดการเคลื่อนไหวของราคาที่มีนัยสำคัญ
แตกต่างกัน หุ้นขนาดเล็ก (Small-cap) มักมีความผันผวนมากกว่าและแสดงค่าการพุ่งขึ้นของ RVOL ที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่ (Large-cap)
ไม่สามารถบ่งบอกได้โดยตรง แต่หากค่า RVOL พุ่งสูงผิดปกติบริเวณแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของการกลับตัวของแนวโน้ม โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ