2025-09-29
การเชี่ยวชาญกลยุทธ์ Break and Retest จะช่วยให้นักเทรดมองเห็นจุดเข้าออเดอร์ที่มีความน่าจะเป็นสูง พร้อมทั้งเพิ่มความสม่ำเสมอในการทำกำไรในตลาด
ด้วยการทำความเข้าใจว่า ราคาเบรกทะลุระดับสำคัญแล้วกลับมาทดสอบซ้ำ คุณจะได้รับสัญญาณที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับทิศทางของตลาด
ในบทความนี้ เราจะอธิบายว่า Break and Retest คืออะไร วิธีสังเกตในสถานการณ์เทรดจริง และเทคนิคปฏิบัติที่จะช่วยให้คุณนำไปใช้สร้างผลกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
กลยุทธ์ Break and Retest ถือเป็นหัวใจสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ถูกออกแบบมาเพื่อให้นักเทรดได้จุดเข้าออเดอร์ที่มีความน่าจะเป็นสูง
Breakout เกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุผ่านแนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) สำคัญ สะท้อนถึงโอกาสที่แนวโน้มราคาอาจเปลี่ยนแปลง ขณะที่ Retest คือการที่ราคากลับมาทดสอบระดับที่เพิ่งถูกทะลุอีกครั้ง เพื่อยืนยันความถูกต้องของ Breakout นั้น
นักเทรดใช้กลยุทธ์นี้เพื่อกรองสัญญาณหลอก (False Breakouts) เข้าตลาดในจุดราคาที่ดีกว่า และจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยึดตามหลักการ “ซื้อเมื่อราคาต่ำ ขายเมื่อราคาสูง” และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจแบบหุนหัน
แนวรับและแนวต้านคือระดับราคาที่มีความสำคัญ แนวรับคือระดับที่อุปสงค์มากกว่าอุปทาน ทำให้ราคาหยุดร่วง ขณะที่แนวต้านคือระดับที่อุปทานมากกว่าอุปสงค์ ทำให้ราคาหยุดขึ้น
เมื่อเกิด Breakout นั่นคือสัญญาณว่า จิตวิทยาตลาดเปลี่ยนไป ส่วน Retest ทำหน้าที่เป็นการยืนยัน ราคาที่กลับมาทดสอบระดับเดิม จะชี้ชัดว่า Breakout ครั้งนั้นแท้จริงหรือหลอก
จิตวิทยาตลาด (Market Psychology) มีบทบาทสำคัญมาก โดยนักเทรดที่พลาดโอกาสในตอน Breakout มักจะเข้าตลาดเมื่อเกิด Retest ทำให้มีสภาพคล่องและแรงส่งต่อเนื่องไปในทิศทางเดียวกัน
เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จ ควรโฟกัสไปที่ปัจจัยต่อไปนี้:
แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance): มองหาพื้นที่ที่ราคากลับตัวซ้ำ ๆ
เส้นเทรนด์และช่องราคา (Trendlines & Channels): แนวทแยงที่สร้างเป็นแนวรับ-แนวต้านแบบไดนามิก
รูปแบบกราฟ (Chart Patterns): Triangles, flags และ rectangles มักเกิดก่อนการ Breakout
ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis): การ Breakout ที่แข็งแรงมักมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
กรอบเวลา (Timeframes): กรอบเวลายิ่งใหญ่ (เช่น Daily, Weekly) มักให้สัญญาณที่น่าเชื่อถือกว่า ส่วนกรอบเวลาสั้นเหมาะกับการเก็งกำไรระหว่างวัน
ประเภทรูปแบบ | คำอธิบาย | ผลกระทบต่อตลาด | สัญญาณตัวอย่าง |
Support Break & Retest | ราคาทะลุแนวรับ แล้วกลับมาทดสอบจากด้านล่าง | แนวโน้มขาลงต่อเนื่อง | เข้าขาย (Short) หาก Retest ไม่ผ่าน |
Resistance Break & Retest | ราคาทะลุแนวต้าน แล้วกลับมาทดสอบจากด้านบน | แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง | เข้าซื้อ (Long) หาก Retest ยืนได้ |
False Break | ราคาเบรกออกเพียงชั่วคราวแล้วกลับมา | ตลาดยังไม่ชัดเจน | หลีกเลี่ยงการเข้า จนกว่าจะมีสัญญาณยืนยัน |
Trendline Retest | ราคาทะลุเส้นเทรนด์ แล้วกลับมาทดสอบ | แนวโน้มต่อเนื่อง | เข้าตามทิศทางของเทรนด์ |
ทำเครื่องหมายแนวรับ–แนวต้านทั้งแนวนอนและแนวทแยง ที่ราคาเคยมีการกลับตัวหรือให้ปฏิกิริยาในอดีต
สังเกตการเคลื่อนไหวของราคาที่ทะลุระดับเหล่านี้ โดยควรมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่สูงขึ้น
ปล่อยให้ราคากลับมาทดสอบระดับที่ถูกเบรก ตรวจสอบว่าระดับนั้นยังคงยืนอยู่ได้
ใช้รูปแบบแท่งเทียน เช่น Pin Bar, Engulfing Candle หรืออินดิเคเตอร์อย่าง RSI, MACD เพื่อช่วยยืนยันก่อนเข้าออเดอร์
ตั้ง Stop Loss ใต้แนวรับหรือเหนือแนวต้าน กำหนดเป้าหมายกำไรโดยใช้สัดส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ขั้นต่ำ 1:2
เข้าออเดอร์ ติดตามการเคลื่อนไหวของราคา และขยับ Stop Loss ตามความเหมาะสม
การใช้หลายอินดิเคเตอร์ประกอบ: ใช้ RSI, MACD หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อเสริมการยืนยัน
ตลาดที่มีเทรนด์ vs. ตลาดไซด์เวย์: กลยุทธ์ Retest ใช้ได้ผลดีกว่าในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน ส่วนตลาดไซด์เวย์ควรระวัง False Breakouts
การรับมือกับ False Breakouts: รอการยืนยันด้วยแท่งเทียนบน Retest ก่อนเข้าออเดอร์
การเพิ่มขนาดการถือครอง: เข้าบางส่วนเมื่อ Retest ยืนยัน และเพิ่มขนาดเมื่อโมเมนตัมเดินหน้าต่อ
การวิเคราะห์หลายกรอบเวลา: ยืนยันการเบรกในกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้นเพื่อความน่าเชื่อถือ
เข้าเร็วเกินไป: อย่ารีบเข้าทันทีหลังจาก Breakout แต่ควรรอ Retest
การละเลยปริมาณ: การเบรกที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำมักไม่น่าเชื่อถือ
การเทรดมากเกินไป: ควรเลือกเฉพาะสัญญาณที่มีคุณภาพสูง
การบริหารความเสี่ยงที่ไม่ดี: ต้องมี Stop Loss, Take Profit และขนาดการเทรดที่เหมาะสมเสมอ
Forex: คู่เงิน EUR/USD เบรกทะลุแนวต้านที่ 1.1000 รีเทสต์ แล้วพุ่งต่อขึ้นไป
หุ้น: บหุ้นบริษัท XYZ ทะลุแนวต้านระยะยาวที่ $50 รีเทสต์ แล้วดีดขึ้นไปถึง $55
สกุลเงินดิจิทัล: BTC/USD เบรกออกจากช่องราคา รีเทสต์ แล้วกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง
Retest คือการที่ราคากลับไปทดสอบแนวรับหรือแนวต้านที่เพิ่งถูกทะลุ เพื่อยืนยันสัญญาณ Breakout ก่อนเข้าทำการเทรด
สังเกตราคาที่ทะลุระดับสำคัญโดยมีปริมาณการซื้อขาย (Volume) สูงขึ้น และต้องให้ Retest ยืนอยู่ได้ที่ระดับเดิม
ได้ สามารถใช้ได้ทั้ง Forex หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล ตราบใดที่มีระดับราคาที่ชัดเจนให้สังเกต
ใช้ Stop Loss กำหนดขนาดการเทรดที่เหมาะสม และเข้าออเดอร์เฉพาะเมื่อมีการ Retest ที่ได้รับการยืนยัน
สามารถใช้ได้หลายกรอบเวลา แต่กรอบเวลาที่ใหญ่กว่ามักให้สัญญาณ Breakout ที่แข็งแรงและน่าเชื่อถือกว่า
รอการยืนยันในช่วง Retest และตรวจสอบ Volume เพิ่มเติม หลีกเลี่ยงการเข้าเทรดทันทีหลัง Breakout
RSI, MACD, เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) และอินดิเคเตอร์ Volume ช่วยยืนยันความแข็งแรงของสัญญาณ
ใช้ได้ แต่ทำงานได้ดีที่สุดในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน (Trending Market) ส่วนในตลาดไซด์เวย์มักมี False Breakouts เกิดขึ้นบ่อย จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
กลยุทธ์ Break and Retest ช่วยให้นักเทรดเข้าตลาดด้วยโอกาสที่มีความน่าจะเป็นสูง และลดความเสี่ยงได้ หากมี ความอดทน วินัย และการจัดการความเสี่ยงที่ดี
เมื่อผสานการวิเคราะห์ทางเทคนิค การสังเกต Volume และการยืนยัน Retest เข้าด้วยกัน นักเทรดจะสามารถพัฒนาการตัดสินใจ และเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ