2025-09-05
การสะสมทองคำสำรองของจีนมีความสำคัญมาก เนื่องจากส่งผลต่ออำนาจสำรอง ทำให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น และขับเคลื่อนตลาดทองคำและสกุลเงินโลก
จีนถือครองทองคำราว 2,300 ตัน โดยมีการซื้อติดต่อกัน 9 เดือน
การสะสมมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาดอลลาร์ ป้องกันความเสี่ยง และหนุนเงินหยวน
นักวิเคราะห์ระบุว่าคลังสำรองที่แท้จริงอาจมากกว่า 5,000 ตัน สูงกว่าตัวเลขทางการอย่างมาก
การรายงานที่ไม่โปร่งใสสร้างความไม่แน่นอนในตลาด แต่ช่วยเสริมแรงขับเคลื่อนทองคำในระดับโลก
ทองคำไม่ใช่เพียงสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงทางการเงินและอิทธิพลระดับโลก
สำหรับจีน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ทองคำสำรองถือเป็นเสาหลักที่สำคัญของกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปักกิ่งเร่งสะสมทองคำ ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับเจตนารมณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการเคลื่อนไหวของตลาดโลก
บทความนี้อ้างอิงจากข้อมูลธนาคารกลาง งานวิจัยตลาด และการวิเคราะห์จากองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อนำเสนอภาพรวมที่ชัดเจนและเชื่อถือได้เกี่ยวกับทองคำสำรองของจีน เหตุใดจึงสำคัญ และแนวโน้มในอนาคตเป็นอย่างไร
ตามข้อมูลของธนาคารประชาชนจีน (PBOC) ณ เดือนกรกฎาคม 2025 จีนถือทองคำอย่างเป็นทางการประมาณ 2,300 ตัน การซื้อทองคำเพิ่มขึ้นครั้งล่าสุดเป็นจำนวน 2 ตัน นับเป็นการซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ของจีน ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของจีนในการสะสมทองคำแท่ง
แม้ว่าจีนจะอยู่ในอันดับที่ 6 ของโลก ตามหลังสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และประเทศอื่นๆ แต่แนวโน้มการสะสมทองคำของจีนมีความเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและโดดเด่นกว่า
ตัวเลขเบื้องต้น (ก่อนปี 2015): จีนรายงานยอดทองคำเพียงเป็นครั้งคราว ในปี 2009 รายงานว่ามีทองคำ 1,054 ตัน
การเปิดเผยข้อมูลในปี 2015: ยอดเพิ่มขึ้นเป็น 1,658 ตัน ทำให้ตลาดตกใจ และสะท้อนถึงความโปร่งใสมากขึ้น
การเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2023–2025: ธนาคารประชาชนจีนเพิ่มทองคำมากกว่า 225 ตันในปี 2023 เพียงปีเดียว และแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อเนื่อง
การเร่งสะสมอย่างรวดเร็วนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายเชิงกลยุทธ์ โดยมุ่งให้ทองคำเป็นรากฐานของความมั่นคงทางการเงิน
แรงจูงใจของจีนในการสะสมทองคำมีรากฐานจากความมั่นคงทางการเงินระยะยาว:
1) การกระจายความเสี่ยงจากดอลลาร์สหรัฐ
ทองคำช่วยลดการพึ่งพาสินทรัพย์ที่กำหนดมูลค่าเป็นดอลลาร์ ป้องกันจีนจากความเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินต่างประเทศ
2) การป้องกันความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
ทองคำไม่สามารถถูกอายัดหรือถูกคว่ำบาตรได้ จึงมีคุณค่าอย่างยิ่งในโลกที่การเงินถูกใช้เป็นอาวุธมากขึ้น
3) การใช้ประโยชน์จากการผลิตในประเทศ
ในฐานะผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จีนสามารถสะสมทองคำสำรองในปริมาณมากและต้นทุนต่ำ
4) สนับสนุนบทบาทระหว่างประเทศของเงินหยวน
ฐานทองคำที่ใหญ่ขึ้นช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อเงินหยวน สอดคล้องกับเป้าหมายของปักกิ่งในการสร้างระบบสกุลเงินหลายขั้ว
สหรัฐอเมริกา: ~8.133 ตัน (ผู้นำโลก)
เยอรมนี: ~3.352 ตัน
จีน: ~2,300 ตัน (อันดับที่ 6)
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเป็นรายหัวแล้ว จีนยังคงตามหลังอยู่มาก สะท้อนถึงทั้งขนาดของประชากรและขอบเขตของความทะเยอทะยาน
นักวิเคราะห์เตือนว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการอาจเปิดเผยเพียงส่วนหนึ่งของภาพรวม ข้อมูลการค้าบ่งชี้ว่าจีนอาจสะสมทองคำเพิ่มเติมอย่างลับ ๆ ทำให้ยอดสำรองที่แท้จริงอาจใกล้ 5,000 ตัน
สิ่งนี้มีผลกระทบหลัก 3 ประการ:
ราคาทองคำมีแนวโน้มขาขึ้น: ความต้องการของธนาคารกลางที่นำโดยจีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นในปัจจุบัน
ความน่าเชื่อถือของเงินหยวนที่แข็งแกร่งขึ้น: ทองคำสำรองที่มากขึ้นสนับสนุนความพยายามระยะยาวของจีนในการสร้างบทบาทสากลให้เงินหยวน
ความเสี่ยงด้านความโปร่งใสที่ลดลง: การเปิดเผยข้อมูลจำกัดทำให้การคาดการณ์ยากขึ้น เพิ่มความไม่แน่นอนในตลาดโลก
ทองคำสำรองของจีนเป็นเรื่องยากต่อการวัดอย่างแม่นยำ ต่างจากธนาคารกลางตะวันตกที่เผยแพร่บัญชีอย่างละเอียด ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) รายงานข้อมูลเพียงจำกัด
การรายงานแบบเลือกสรรนี้สร้างความไม่แน่นอนและเปิดโอกาสให้เกิดการคาดเดาเกี่ยวกับขนาดที่แท้จริงของทองคำสำรองจีน
ตัวเลขอย่างเป็นทางการ: PBOC ระบุว่าถือทองคำประมาณ 2,300 ตัน ณ กรกฎาคม 2025
แนวโน้มการซื้อ: การซื้อทองคำต่อเนื่องเก้าเดือนชี้ชัดถึงเจตนาที่จะสะสมต่อไป
ข้อได้เปรียบในการทำเหมือง: ในฐานะผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุด จีนสามารถซื้อทองคำจากแหล่งภายในประเทศในปริมาณมาก
คลังสำรองที่ไม่ได้ประกาศ: อาจมีทองคำเก็บโดยกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติหรือธนาคารของรัฐ นอกเหนือจากตัวเลขทางการ
สำรองจริง: ข้อมูลการนำเข้าและการค้าบ่งชี้ว่ายอดรวมอาจเกิน 5,000 ตัน
แรงจูงใจด้านนโยบาย: การรายงานแบบค่อยเป็นค่อยไปอาจออกแบบมาเพื่อปกปิดเป้าหมายสำรองระยะยาว
สำหรับตลาด การเปิดเผยข้อมูลที่จำกัดมีผลกระทบในวงกว้าง:
การคาดการณ์: การซื้อทองคำที่ซ่อนอยู่ทำให้สมดุลอุปสงค์–อุปทานเปลี่ยน ส่งผลต่อราคาทองคำโลก
ความเชื่อมั่นของสกุลเงิน: ความน่าเชื่อถือของเงินหยวนขึ้นอยู่กับการสนับสนุนด้วยสำรองที่ชัดเจน
ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: ตัวเลขที่ไม่โปร่งใสทำให้ประเมินความเป็นอิสระทางการเงินของจีนและความท้าทายต่อดอลลาร์ยากขึ้น
ดังนั้น ทองคำสำรองของจีนจึงอยู่ในสถานะสีเทา แม้จะยึดโยงกับตัวเลขทางการ แต่กลับถูกบดบังด้วยการคาดเดาที่น่าเชื่อถือ การขาดความชัดเจนนี้บีบให้นักลงทุน นักวิเคราะห์ และรัฐบาลต้องพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ ขณะเดียวกันก็เตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นจริงที่ซ่อนอยู่
1. ประเทศจีนมีทองคำอย่างเป็นทางการอยู่เท่าไหร่?
ประมาณ 2,300 ตัน ณ กลางปี 2025 ตามข้อมูลของธนาคารประชาชนจีน (PBOC)
2. ทำไมจีนถึงเพิ่มทองคำสำรอง?
เพื่อลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ ป้องกันความเสี่ยง และสนับสนุนบทบาทสากลของเงินหยวน
3. ทองคำสำรองจริงของจีนสูงกว่าที่รายงานหรือไม่?
มีความเป็นไปได้ นักวิเคราะห์ประเมินว่ายอดที่ไม่ได้ประกาศอาจทำให้รวมทั้งหมดเกิน 5,000 ตัน
4. ประเทศจีนเปรียบเทียบกับประเทศอื่นเป็นอย่างไร?
จีนอยู่อันดับ 6 ของโลก แต่กำลังขึ้นมาอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง
ทองคำสำรองของจีนไม่ใช่เพียงสินทรัพย์ทางการเงิน แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ ทุกตันที่สะสมช่วยลดการพึ่งพาดอลลาร์ เพิ่มอำนาจทางการเงินของประเทศ และเสริมอิทธิพลของจีนในตลาดโลก
สำหรับผู้กำหนดนโยบาย นักวิเคราะห์ และนักลงทุน สิ่งที่ชัดเจนคือ ขณะที่จีนยังคงสร้างรากฐานทองคำของตน ความสมดุลของอำนาจทางการเงินโลกกำลังเปลี่ยนไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่มั่นคง
หมวดหมู่ | ประเด็นสำคัญ |
ยอดถือครองทางการ | ~2,300 ตัน (กรกฎาคม 2025); ซื้อทองต่อเนื่อง 9 เดือน; อันดับ 6 ของโลกแต่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว |
แนวโน้มทางประวัติศาสตร์ | 2009: ~1,054 ตัน; 2015: 1,658 ตัน; 2023–2025: เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (+225 ตันในปี 2023 เพียงปีเดียว) |
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ | ลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ; ป้องกันการคว่ำบาตร; ใช้ประโยชน์จากการผลิตในประเทศ; เสริมความน่าเชื่อถือของเงินหยวน |
สถานะระดับโลก | สหรัฐฯ: ~8,133 ตัน; เยอรมนี: ~3,352 ตัน; จีน: ~2,300 ตัน; ต่อหัวประชากรต่ำสะท้อนความทะเยอทะยานระยะยาว |
ผลกระทบต่อตลาด | สำรองจริงอาจเกิน 5,000 ตัน; ความต้องการจากธนาคารกลางหนุนราคาทองคำ; การรายงานไม่โปร่งใสเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาด |
ช่องว่างความโปร่งใส | PBOC รายงานข้อมูลจำกัด; สงสัยว่ามีคลังสำรองซ่อนเร้น; การรายงานไม่ชัดเจนทำให้การคาดการณ์ตลาดโลกซับซ้อน |
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ