简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

เจาะลึกราคาน้ำมันพรุ่งนี้ คาดการณ์ทิศทาง WTI และเบรนท์

2025-08-11

ตั้งแต่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ไปจนถึงกลไกอุปสงค์และอุปทาน สำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุน การคาดการณ์ราคาน้ำมันพรุ่งนี้จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึกทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานของตลาดและอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เมื่อเข้าสู่การซื้อขายในวันพรุ่งนี้ ปัจจัยสำคัญอย่างการตัดสินใจของ OPEC+ การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานของสหรัฐฯ และข้อมูลเศรษฐกิจโลก จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของราคาน้ำมัน WTI และเบรนท์


ข้อมูลราคาล่าสุดและระดับสำคัญของน้ำมัน WTI และเบรนท์


ข้อมูลล่าสุด (สิงหาคม 2025):


การเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน WTI ในช่วงเดือนที่ผ่านมา


  • ราคาน้ำมัน WTI วันนี้: 63.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

  • ระดับแนวรับ: 64.71 ดอลลาร์

  • ระดับแนวต้าน: 70.47 ดอลลาร์


การเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันเบรนท์ในช่วงเดือนที่ผ่านมา

  • ราคาน้ำมันเบรนท์วันนี้: 66.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

  • ระดับแนวรับ: 67.76 ดอลลาร์

  • ระดับแนวต้าน: 73.64 ดอลลาร์


มุมมองจากกราฟราคา

ทั้ง WTI และเบรนท์กำลังเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าแนวรับสำคัญ ซึ่งในเชิงเทคนิคถือเป็นสัญญาณเชิงลบ แต่ระดับนี้ก็มักทำหน้าที่เป็น "พื้น" ที่สำคัญซึ่งอาจกระตุ้นแรงซื้อกลับเข้ามาได้


  • การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ WTI:

การซื้อขายต่ำกว่าแนวรับ 64.71 ดอลลาร์ อาจทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวลงต่อไปยังระดับจิตวิทยาประมาณ 60 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้าน 70.47 ดอลลาร์ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องผ่านให้ได้เพื่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน


  • การวิเคราะห์ทางเทคนิคของเบรนท์:

เบรนท์อยู่ภายใต้แรงกดดันและทดสอบแนวรับ 67.76 ดอลลาร์ หากไม่สามารถยืนได้ อาจเปิดทางให้ราคาลงไปสู่ช่วง 64–65 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้าน 73.64 ดอลลาร์เป็นเป้าหมายสำคัญหากตลาดพลิกกลับเป็นขาขึ้น


นักลงทุนควรติดตามพฤติกรรมราคาบริเวณแนวรับเหล่านี้อย่างใกล้ชิ ดเพื่อดูสัญญาณการดีดกลับหรือการหลุดลง ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางต่อไป


รายงานสต็อกน้ำมันและแนวโน้มอุปสงค์-อุปทาน

สต๊อกน้ำมันดิบแบ่งตามเขต PAD และสต๊อกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม - รวมของสหรัฐฯ

  • รายงานสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯ

ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ (EIA) ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 สิงหาคม 2025


  1. ปริมาณการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 17.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (+213,000 บาร์เรลจากสัปดาห์ก่อน) โดยโรงกลั่นเดินเครื่องที่ 96.9%

  2. การผลิตน้ำมันเบนซินลดลงเล็กน้อยเหลือ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่การผลิตน้ำมันกลั่นลดลง 104,000 บาร์เรล เหลือ 5.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

  3. การนำเข้าน้ำมันดิบลดลง 174,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือ 6.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 9.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน

  4. สต็อกน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ลดลง 3 ล้านบาร์เรลเหลือ 423.7 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีราว 6%

  5. สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีประมาณ 1%

  6. สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 0.6 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีราว 16%

  7. ความต้องการใช้น้ำมันรวมเฉลี่ย 20.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในรอบ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.6% จากปีก่อน


  • แนวโน้มอุปทานโลก:

สำหรับน้ำมันดิบเบรนท์ แนวโน้มการผลิตทั่วโลกยังคงได้รับอิทธิพลอย่างมากจากปัจจัยด้านอุปทานทั่วโลก ซึ่งควบคุมโดยนโยบายการผลิตของกลุ่ม OPEC+ เป็นหลัก


การลดการผลิตของ OPEC+:

OPEC+ ยังคงจำกัดการผลิตราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเพื่อควบคุมอุปทาน ท่ามกลางการฟื้นตัวของอุปสงค์ที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งช่วยคงสภาพอุปทานตึงตัวและสนับสนุนราคาน้ำมันเบรนท์ให้อยู่ใกล้ระดับปัจจุบัน


การลดกำลังผลิตเพิ่มเติมของซาอุดีอาระเบีย:

ซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังผลิตเพิ่มเติมโดยสมัครใจ เพื่อเสริมความตึงตัวของอุปทานและช่วยรักษาเสถียรภาพราคา


การนำเข้าและสต็อกน้ำมันทั่วโลกลดลง:

EIA ระบุว่าการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงเกือบ 10% เมื่อเทียบปีต่อปี และสต็อกน้ำมันเชิงพาณิชย์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีราว 6% สะท้อนถึงภาวะอุปทานตึงตัว ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันเบรนท์


การประชุม OPEC+ ที่จะมาถึง:

ตลาดคาดว่า OPEC+ อาจขยายหรือเพิ่มการลดกำลังผลิตในการประชุมครั้งถัดไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันเบรนท์และอาจดันให้ราคาขึ้นเหนือ 70 ดอลลาร์


ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์:

สถานการณ์ตึงเครียดยังคงเป็นปัจจัยสร้างความผันผวนของราคาน้ำมันเบรนท์ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาสันติภาพสหรัฐฯ-รัสเซียที่ยังไม่แน่นอน ภาษีนำเข้าน้ำมันของสหรัฐฯ ต่ออินเดียที่สร้างความกังวลด้านอุปทาน รวมถึงความเสี่ยงในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะบริเวณช่องแคบฮอร์มุซซึ่งมีความสำคัญต่อการขนส่งน้ำมัน


อิทธิพลของดัชนีดอลลาร์สหรัฐต่อราคาน้ำมัน

การเปลี่ยนแปลงราคาดัชนีดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดือนที่ผ่านมา

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 98.18 โดยมีแนวรับที่ 97.22 และแนวต้านที่ 100.03


  • หากดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเหนือ 100.03 ราคาน้ำมันรวมถึง WTI และเบรนท์อาจเผชิญแรงกดดันให้ปรับตัวลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้น้ำมันมีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ใช้สกุลเงินอื่น

  • ในทางกลับกัน หากดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงต่ำกว่า 97.22 ก็อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น เพราะทำให้น้ำมันมีราคาถูกลงในตลาดโลก

  • ในช่วงที่เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบกลาง (neutral range) ดัชนีดอลลาร์ไม่น่าจะก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ เว้นแต่จะมีการทะลุแนวรับหรือแนวต้านหลักดังกล่าว


ภาวะตลาดและกลยุทธ์การซื้อขาย


ภาวะตลาดยังคงระมัดระวัง เนื่องจากราคาน้ำมันเคลื่อนไหวใกล้ระดับแนวรับสำคัญ นักลงทุนมักรอให้มีสัญญาณชัดเจนก่อนเข้าทำการซื้อขาย เพื่อชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงจากการปรับตัวลงต่อ กับโอกาสในการดีดตัวกลับ


กลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้นอาจเน้นการติดตามพฤติกรรมราคาบริเวณแนวรับและแนวต้าน เช่น การซื้อเมื่อยืนยันว่าแนวรับยังคงอยู่ หรือการขายเมื่อราคาหลุดต่ำกว่าแนวรับสำคัญ การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากอาจมีความผันผวนเกิดขึ้นอย่างฉับพลันจากข่าวสาร รายงานสต็อกน้ำมัน หรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ การติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดและปรับกลยุทธ์ให้ยืดหยุ่นจะช่วยให้รับมือกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วได้


บทสรุป: แนวโน้มราคาน้ำมันพรุ่งนี้


ด้วยราคาน้ำมัน WTI ที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวรับ 64.71 ดอลลาร์ และเบรนท์ต่ำกว่า 67.76 ดอลลาร์ ราคาน้ำมันพรุ่งนี้อาจยังเผชิญแรงกดดันขาลง เว้นแต่จะมีปัจจัยกระตุ้นสำคัญเข้ามาเปลี่ยนทิศทางแรงซื้อ ปัจจัยที่ต้องจับตาคือ ข้อมูลสต็อกน้ำมันและความคืบหน้าของ OPEC+ ควบคู่กับทิศทางดัชนีดอลลาร์สหรัฐและข่าวสารทางภูมิรัฐศาสตร์


สำหรับ WTI หากราคายืนต่ำกว่าแนวรับอย่างต่อเนื่อง อาจมีการทดสอบระดับราคาที่ต่ำกว่าใกล้ 60 ดอลลาร์ ส่วนเบรนท์หากไม่สามารถรักษาแนวรับได้ อาจถอยลงสู่ช่วงกลาง 60 ดอลลาร์


อย่างไรก็ตาม หากผู้ซื้อสามารถป้องกันระดับแนวรับเหล่านี้ได้ อาจเห็นการดีดตัวขึ้น โดยมีแนวต้านเป้าหมายที่ 70.47 ดอลลาร์สำหรับ WTI และ 73.64 ดอลลาร์สำหรับเบรนท์


นักลงทุนและเทรดเดอร์ควรติดตามพฤติกรรมราคาบริเวณระดับสำคัญเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในวันพรุ่งนี้


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
เจาะสถิติราคาน้ำมันดิบ WTI ย้อนหลัง พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มปี 2025
ทำไมราคาน้ำมันนิ่ง ในเดือนสิงหาคมปี 2025?
เปิดปมราคาน้ำมันตก 2025 เทียบยุควิกฤต
เทรดน้ำมันแบบมือโปร กำไรพุ่งด้วยแผนขั้นเทพ!
ควร Buy or Sell น้ำมันดิบ? ท่ามกลางความผันผวนตลาด