Hidden Divergence คืออินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่ช่วยระบุแนวโน้มที่อาจต่อเนื่อง นักเทรดนิยมใช้เพื่อหาโอกาสในการเข้าซื้อหรือขายในจังหวะที่แม่นยำ
Hidden Divergence คือแนวทางการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้นักเทรดมองเห็นว่าแนวโน้มราคาที่กำลังเกิดขึ้นน่าจะยังดำเนินต่อไป แตกต่างจาก Divergence ปกติที่มักบอกใบ้ถึงการเปลี่ยนทิศทางราคา Hidden Divergence จึงช่วยให้นักเทรดมีโอกาสเข้าเทรดด้วยความมั่นใจมากขึ้นในช่วงที่ตลาดกำลังเป็นแนวโน้ม
บทความนี้จะอธิบายความหมายของ Hidden Divergence ความแตกต่างจาก Divergence แบบทั่วไป วิธีการสังเกต และการนำไปใช้วางแผนเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้เข้าใจ Hidden Divergence อย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ความหมายของ Divergence ในการเทรดก่อน Divergence เกิดขึ้นเมื่อราคาสินทรัพย์เคลื่อนไหวไปในทิศทางหนึ่ง ขณะที่อินดิเคเตอร์ เช่น Relative Strength Index (RSI) หรือ Moving Average Convergence Divergence (MACD) เคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้าม ความไม่สอดคล้องนี้อาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางราคาที่เป็นไปได้
Divergence มีอยู่ 2 ประเภทหลัก คือ Regular Divergence และ Hidden Divergence โดย Regular Divergence มักเตือนนักเทรดถึงโอกาสการกลับตัวของแนวโน้ม ขณะที่ Hidden Divergence ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มเดิมมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป
Hidden Divergence จะปรากฏเมื่อราคาเกิดจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นในขาขึ้น หรือจุดสูงสุดที่ต่ำลงในขาลง แต่อินดิเคเตอร์กลับสร้างจุดต่ำสุดที่ต่ำลง หรือจุดสูงสุดที่สูงขึ้นตามลำดับ ซึ่งบ่งบอกว่าแรงขับเคลื่อนของราคายังคงแข็งแกร่งแม้จะมีการพักตัวหรือแก้ไขราคาชั่วคราว
ในขาขึ้น Hidden Bullish Divergence จะเกิดขึ้นเมื่อราคาสร้างจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น แต่อินดิเคเตอร์สร้างจุดต่ำสุดที่ต่ำลง ซึ่งส่งสัญญาณว่าแนวโน้มเดิมยังคงอยู่และราคาน่าจะขึ้นต่อไป
ในทางกลับกัน ในขาลง Hidden Bearish Divergence จะเกิดขึ้นเมื่อราคาสร้างจุดสูงสุดที่ต่ำลง แต่อินดิเคเตอร์สร้างจุดสูงสุดที่สูงขึ้น ซึ่งบ่งบอกว่ามีแรงขายยังคงแข็งแกร่ง และแนวโน้มขาลงน่าจะดำเนินต่อไป
นักเทรดมักใช้อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เช่น RSI, MACD หรือ Stochastic Oscillator เพื่อค้นหา Hidden Divergence โดยการเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของราคาและอินดิเคเตอร์เหล่านี้
ตัวอย่างเช่น ในแนวโน้มขาขึ้น นักเทรดจะมองหาจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นของราคา แต่อินดิเคเตอร์กลับสร้างจุดต่ำสุดที่ต่ำลง ความไม่สอดคล้องนี้คือสัญญาณของ Hidden Bullish Divergence ซึ่งอาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหรือเพิ่มสถานะซื้อ
ในแนวโน้มขาลง นักเทรดจะสังเกตจุดสูงสุดที่ต่ำลงของราคา ขณะที่อินดิเคเตอร์สร้างจุดสูงสุดที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณของ Hidden Bearish Divergence อาจเป็นโอกาสในการเปิดสถานะขายหรือเพิ่มสถานะขาย
การระบุ Hidden Divergence ต้องอาศัยความรอบคอบและการฝึกฝน เนื่องจากสัญญาณปลอมอาจเกิดขึ้นในตลาดที่มีความผันผวนสูงหรือเคลื่อนไหวในกรอบราคา การใช้เครื่องมือยืนยันเพิ่มเติม เช่น การวิเคราะห์ปริมาณซื้อขาย หรือระดับแนวรับแนวต้าน จะช่วยเพิ่มความแม่นยำได้มากขึ้น
Hidden Divergence ช่วยให้นักเทรดติดตามแนวโน้มราคาได้อย่างแม่นยำมากขึ้น แทนที่จะรีบคาดการณ์ว่าราคาจะกลับตัวเร็วเกินไป ในช่วงที่ตลาดกำลังเป็นแนวโน้ม การเข้าเทรดในช่วงที่ราคาพักตัวเล็กน้อยช่วยให้ได้ราคาที่ดีกว่าและลดความเสี่ยงได้มากขึ้น
โดยต่างจาก Regular Divergence ที่มักเตือนว่ากำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม Hidden Divergence กลับบอกว่าแนวโน้มเดิมยังแข็งแกร่งและยังไปต่อได้ เหมาะกับนักเทรดที่ชอบใช้กลยุทธ์ตามแนวโน้ม
นอกจากนี้ Hidden Divergence ยังใช้งานได้กับตลาดหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นฟอเร็กซ์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือคริปโต ช่วยให้นักเทรดในสินทรัพย์ต่าง ๆ สามารถนำไปใช้เพิ่มโอกาสทำกำไรได้ง่ายขึ้น
การนำ Hidden Divergence มาใช้ในแผนการเทรดมักจะทำควบคู่กับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ และเทคนิคการบริหารความเสี่ยง เช่น การใช้ร่วมกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หรือเส้นแนวโน้ม เพื่อยืนยันทิศทางของแนวโน้ม
จุดเข้าซื้อขายที่อิงกับ Hidden Divergence มักตรงกับช่วงราคาปรับตัวหรือพักตัวภายในแนวโน้ม ทำให้นักเทรดสามารถเข้าเทรดได้ในราคาที่เหมาะสมมากขึ้น การตั้งคำสั่งหยุดขาดทุน (Stop-Loss) ไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดหรือสูงสุดล่าสุดจะช่วยจำกัดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ควรจำไว้ว่าไม่มีอินดิเคเตอร์ใดที่รับประกันความสำเร็จได้ Hidden Divergence จึงควรเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเทรดที่ครบถ้วน ซึ่งรวมถึงการบริหารเงินทุนและวินัยในการเทรดอย่างเคร่งครัดด้วย
แม้ว่า Hidden Divergence จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน หนึ่งในความท้าทายคือสัญญาณเท็จที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน ทำให้นักเทรดอาจเข้าเทรดในจังหวะที่ราคากลับตัวอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ Hidden Divergence ยังขึ้นอยู่กับอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่มักเป็นข้อมูลย้อนหลัง ทำให้สัญญาณล่าช้า และเหตุการณ์ข่าว หรือปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอาจทำให้สัญญาณเหล่านี้ไร้ผล
ด้วยเหตุนี้ นักเทรดจึงควรใช้ Hidden Divergence ร่วมกับวิธีวิเคราะห์อื่น ๆ และควรทดลองกลยุทธ์ในบัญชีทดลองก่อนเพื่อเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยงในการสูญเสียทุน
Hidden Divergence เป็นแนวคิดที่มีประโยชน์มากในการช่วยบอกว่าตลาดยังคงเดินตามแนวโน้มเดิมอยู่ นักเทรดสามารถใช้ข้อมูลจากการเปรียบเทียบราคากับสัญญาณทางเทคนิคเพื่อหาจังหวะเข้าเทรดหรือเพิ่มพอร์ตในช่วงที่ราคาปรับตัว
ข้อดีของ Hidden Divergence คือช่วยยืนยันว่ากำลังซื้อหรือขายยังแข็งแรงอยู่ ไม่เหมือนสัญญาณทั่วไปที่มักบอกถึงการเปลี่ยนแนวโน้ม แต่ก็เหมือนกับเครื่องมืออื่น ๆ ที่ไม่ได้สมบูรณ์ 100% จึงควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นและบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
หากฝึกฝนและใช้ Hidden Divergence อย่างถูกวิธี มันจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักเทรดจับจังหวะและตัดสินใจเทรดได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เรียนรู้ว่าญี่ปุ่นใช้สกุลเงินอะไร บทบาทของญี่ปุ่นในฐานะสกุลเงินอย่างเป็นทางการ และเหตุใดจึงเป็นสกุลเงินที่ผู้ค้าสกุลเงินทั่วโลกชื่นชอบ
2025-06-13ค้นพบว่า SWPPX ของ Schwab มอบการเข้าถึง S&P 500 ต้นทุนต่ำได้อย่างไร พร้อมมอบประสิทธิภาพที่มั่นคงและความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอในระยะยาว
2025-06-13มือใหม่ในการซื้อขาย? เริ่มต้นอย่างแข็งแกร่งด้วยหนังสือเกี่ยวกับการซื้อขาย 10 เล่มสำคัญที่ผู้เริ่มต้นทุกคนควรอ่านในปี 2025 เพื่อสร้างทักษะและความมั่นใจ
2025-06-13