เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-29
ADX คืออินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่ใช้ในการประเมินว่า ตลาดกำลังอยู่ในภาวะมีแนวโน้ม (Trending) หรือเคลื่อนไหวในกรอบ (Sideways / Range-bound) โดย ADX ย่อมาจาก Average Directional Index ซึ่งไม่ได้บอกทิศทางของราคาว่าขึ้นหรือลง แต่จะใช้วัดความแข็งแรงของแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น
การนำ ADX มาใช้งานช่วยให้นักเทรดสามารถคัดกรองสภาวะตลาดที่แนวโน้มอ่อนหรือผันผวนแบบไร้ทิศทางออกไป และโฟกัสเฉพาะการเคลื่อนไหวของราคาที่มีแรงส่งชัดเจนและมีแนวโน้มต่อเนื่องมากกว่า
Average Directional Index หรือ ADX คือเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้วัดว่าแนวโน้มของตลาดมีความแข็งแรงมากน้อยเพียงใดเมื่อเวลาผ่านไป ถูกพัฒนาโดย J. Welles Wilder Jr. และถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในตลาดฟอเร็กซ์ หุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ เพื่อประเมินสภาวะแนวโน้มของตลาด

ADX แสดงค่าในช่วง 0 ถึง 100 โดยค่าที่ต่ำแสดงถึงแนวโน้มที่อ่อนแอหรือไม่มีแนวโน้ม ในขณะที่ค่าที่สูงแสดงถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งและมั่นคงกว่า ADX วัดเฉพาะความแรงของแนวโน้มเท่านั้น ไม่ได้บอกทิศทางราคาว่ากำลังขึ้นหรือลง
ในกราฟส่วนใหญ่ ADX จะปรากฏเป็นเส้นเดียวอยู่ด้านล่างของกราฟราคา และมักจะแสดงร่วมกับเส้น +DI และ −DI เพื่อช่วยให้เห็นบริบทของแนวโน้มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
+DM = ราคาสูงสุดของวันนี้ − ราคาสูงสุดของเมื่อวาน (ถ้ามากกว่าการลดลง)
−DM = ราคาต่ำสุดเมื่อวาน − ราคาต่ำสุดวันนี้ (ถ้ามากกว่าการเคลื่อนไหวขึ้น)
TR คือค่าที่มากที่สุดจาก:
ราคาสูงสุดวันนี้ − ราคาต่ำสุดวันนี้
|ราคาสูงสุดวันนี้ − ราคาปิดเมื่อวาน|
|ราคาต่ำสุดวันนี้ − ราคาปิดเมื่อวาน|
+DI = 100 × (ค่า +DM ที่ปรับแล้ว ÷ ค่า TR ที่ปรับแล้ว)
−DI = 100 × (ค่า −DM ที่ปรับแล้ว ÷ ค่า TR ที่ปรับแล้ว)
DX = 100 × |(+DI − −DI) ÷ (+DI + −DI)|
ADX = ค่าเฉลี่ยที่ถูกทำให้เรียบ (Smoothed Average) ของ DX โดยปกติจะคำนวณจาก 14 ช่วงเวลา
ค่า ADX จะเปลี่ยนแปลงตามลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาหนึ่ง
เมื่อราคาปรับตัวแรงและต่อเนื่อง ADX มักจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ถ้าราคาเคลื่อนไหวเล็กน้อย หรือผันผวนแบบไร้ทิศทาง ค่า ADX มักจะลดลง
แนวโน้มที่ราบรื่น มีจุดสูงใหม่ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ หรือจุดต่ำใหม่ที่ต่ำลงต่อเนื่อง จะผลักดันให้ ADX สูงขึ้น ในทางตรงกันข้าม การกลับทิศบ่อย ๆ จะทำให้ค่า ADX อ่อนลง
ความผันผวนเพียงอย่างเดียวไม่ทำให้ ADX สูงขึ้น ราคาต้องเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวและมีแรงต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวเร็วแต่สุ่มหรือไร้ทิศทาง มักทำให้ ADX อยู่ในระดับต่ำ
สรุปง่าย ๆ ADX จะสูงขึ้นเมื่อแนวโน้มชัดเจน และจะลดลงเมื่อตลาดไม่แน่นอนหรือไร้ทิศทาง
ADX ช่วยให้นักเทรดตัดสินใจว่า ควรเทรดหรือไม่ ไม่ใช่ควรเทรดตรงไหน
เมื่อ ADX ต่ำ กลยุทธ์ตามแนวโน้มมักทำงานได้ไม่ดี เพราะราคาเคลื่อนไหวในกรอบ ในทางกลับกัน เมื่อ ADX ปรับตัวสูงขึ้น แสดงว่าแนวโน้มกำลังแข็งแรง เหมาะกับการใช้กลยุทธ์แบบตามเทรนด์
นักเทรดยังใช้ ADX เพื่อบริหารความเสี่ยง การเข้าเทรดตอนที่ ADX สูงมากอยู่แล้ว อาจหมายถึงแนวโน้มใกล้ปลายทาง แต่การเข้าเมื่อ ADX เริ่มไต่ขึ้นจากระดับต่ำ มักให้จังหวะที่ดีกว่า
ADX กำลังปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำ
ราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ชัดเจน
กลยุทธ์ที่ใช้สอดคล้องกับสภาวะเทรนด์
ADX แบนและอยู่ในระดับต่ำ
ราคาแกว่งตัวผันผวนไร้ทิศทาง
ใช้กลยุทธ์ตามเทรนด์ในตลาดไซด์เวย์
แม้ ADX จะไม่มีค่าตายตัว แต่โดยทั่วไปนักเทรดมักใช้แนวทางคร่าว ๆ ดังนี้
ต่ำกว่า 20: แนวโน้มอ่อนแอหรือตลาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบ
20 ถึง 25: อาจเริ่มมีแนวโน้มเกิดขึ้นแล้ว
มากกว่า 25: สภาพแวดล้อมแนวโน้มที่แข็งแกร่ง
มากกว่า 40: แนวโน้มแข็งแกร่งมาก แต่ก็อาจถึงจุดอ่อนได้
ระดับเหล่านี้ใช้เพื่อประเมินสภาพตลาด ไม่ใช่เพื่อทำนายการกลับทิศของราคา
ADX สามารถใช้ได้กับทุกกรอบเวลา แต่พฤติกรรมของอินดิเคเตอร์จะต่างกันตามความเร็วของตลาด ในกรอบเวลาที่สูงกว่า เช่น กราฟรายวัน (Daily) หรือ 4 ชั่วโมง (H4) ADX จะมีความเรียบและให้สัญญาณความแข็งแรงของแนวโน้มโดยรวมที่น่าเชื่อถือ เหมาะกับนักเทรดแบบ Swing และ Position
ในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า ADX จะตอบสนองเร็ว แต่เปลี่ยนทิศทางบ่อย นักเทรดระยะสั้นมักใช้ ADX เป็น ตัวกรอง (Filter) มากกว่าการให้สัญญาณเข้าเทรด เพื่อหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่แนวโน้มอ่อน การเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสมจะช่วยให้ ADX สอดคล้องกับสไตล์การเทรด และลดสัญญาณหลอกได้
ลองจินตนาการถึงคู่สกุลเงินคู่หนึ่งที่เคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์เป็นเวลาหลายสัปดาห์ ค่า ADX อยู่แถวประมาณ 15 ซึ่งสะท้อนว่าแทบไม่มีแรงของแนวโน้ม กลยุทธ์เบรกเอาต์มักล้มเหลว และราคากลับทิศไปมาอยู่บ่อยครั้ง
ต่อมาราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้น โดยมีการย่อตัวน้อยลง ค่า ADX ค่อย ๆ ขยับจาก 15 ขึ้นมาเป็น 25 สิ่งนี้บอกนักเทรดว่าแนวโน้มกำลังก่อตัว กลยุทธ์แบบตามเทรนด์จึงเริ่มทำงานได้ดีขึ้น
ในช่วงหลัง ค่า ADX ปรับตัวขึ้นเหนือ 40 แนวโน้มขาขึ้นแข็งแรงมาก แต่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะเริ่มระมัดระวังมากขึ้น พวกเขาอาจขยับจุดตัดขาดทุนให้แคบลง หรือหลีกเลี่ยงการเข้าออเดอร์ใหม่ เพราะรู้ว่าแนวโน้มอาจเดินมาไกลแล้ว
ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า ADX ช่วยให้นักเทรดประเมินความแข็งแรงของแนวโน้ม ไม่ใช่ทิศทางของราคา
การใช้ ADX เพื่อทำนายทิศทาง: ADX ไม่ได้บอกว่าราคาจะขึ้นหรือลง บอกเพียงความแรงของแนวโน้ม
ละเลยบริบทของตลาด: ADX ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ราคา ไม่ควรใช้เพียงอย่างเดียว
เข้าเทรดช้าเกินไป: ค่า ADX ที่สูงมากอาจบ่งบอกว่าแนวโน้มเริ่มแก่ตัวแล้ว
ยึดระดับค่าตายตัวมากเกินไป: ระดับ ADX เป็นเพียงแนวทาง ไม่ใช่กฎตายตัว
ควรใช้ ADX เฉพาะในกรอบเวลาที่สั้นมากเท่านั้น: โดยทั่วไป ADX จะทำงานได้ดีกว่าในกรอบเวลาที่สูงกว่า
แนวโน้ม: ทิศทางโดยรวมที่ราคาตลาดเคลื่อนไหวไปตามกาลเวลา
ดัชนี DMI: ระบบอินดิเคเตอร์ที่รวม ADX, +DI และ −DI เพื่อประเมินทั้งความแข็งแรงและทิศทางของแนวโน้ม
ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ: ข้อมูลทางเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงานหรือเงินเฟ้อ ที่ใช้ประเมินภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาด
Indicator Lag: ระยะเวลาที่อินดิเคเตอร์ใช้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของราคา
อินดิเคเตอร์โมเมนตัม: เครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้วัดความเร็วและความแรงของการเคลื่อนไหวของราคา
ADX ใช้วัดความแข็งแรงของแนวโน้มตลาด ไม่ได้บอกว่าราคากำลังขึ้นหรือลง แต่ช่วยให้นักเทรดรู้ว่าแนวโน้มอ่อนหรือแข็งแรง และเหมาะกับการใช้กลยุทธ์ตามเทรนด์หรือไม่
ADX ถูกออกแบบมาสำหรับตลาดที่มีแนวโน้ม ค่า ADX ต่ำจะเตือนว่าตลาดกำลังไซด์เวย์ ส่วนค่า ADX ที่เพิ่มขึ้นหรืออยู่ในระดับสูง บ่งบอกว่าแนวโน้มกำลังแข็งแรงและเชื่อถือได้มากขึ้น
นักเทรดจำนวนมากมองหาค่า ADX ที่สูงกว่า 20 หรือ 25 เพื่อยืนยันความแข็งแรงของแนวโน้ม อย่างไรก็ตาม ไม่มีค่าที่สมบูรณ์แบบ ADX ควรใช้ควบคู่กับพฤติกรรมราคาและเครื่องมืออื่นเสมอ
สามารถใช้ได้ แต่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ราคา หรืออินดิเคเตอร์อื่น ๆ เพราะ ADX เพียงอย่างเดียวไม่ให้สัญญาณเข้า–ออกตลาด
เหมาะสม เพราะ ADX ตอบคำถามง่าย ๆ ว่า “ตลาดมีแนวโน้มหรือไม่” สิ่งสำคัญคือเข้าใจข้อจำกัดของมัน และไม่คาดหวังให้ ADX ทำนายทิศทางราคา
ADX หรือ Average Directional Index เป็นอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่ใช้ประเมินความแข็งแรงของแนวโน้มตลาด ช่วยให้นักเทรดเข้าใจว่าการเคลื่อนไหวของราคามีโครงสร้างและความหมาย หรืออ่อนแรงและไร้ทิศทาง
ADX ไม่ได้บอกทิศทางของราคาว่าขึ้นหรือลง แต่ใช้วัดความแรงของแนวโน้ม เพื่อช่วยให้นักเทรดเลือกสภาวะตลาดและกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ