เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-23

เปิดตลาดเช้านี้ (23 ธ.ค. 68) อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์วันนี้ มีการเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง โดยค่าเงินบาทเปิดตัวที่ระดับ 31.12 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งถือว่าแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับราคาปิดของเมื่อวาน (31.18 บาท) การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงกระแสเงินทุนที่ไหลกลับเข้ามาเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงและการปรับฐานของค่าเงินดอลลาร์
สำหรับนักลงทุนและผู้ที่ติดตามตลาด Forex สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่มีปัจจัยเบื้องหลังที่ซับซ้อนและน่าสนใจ ทั้งจากฝั่งอเมริกาและสถานการณ์โลก ซึ่งวันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า "ทำไมบาทถึงแข็ง?" และ "เราจะฉกฉวยโอกาสนี้ได้อย่างไร?"
ปัจจัยระดับโลกยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) อ่อนกำลังลงมาอยู่ที่โซน 98.2 จุด แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือปัจจัยร่วมที่ผลักดันให้บาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว:
ราคาทองคำทำ All-Time High: ปัจจุบันราคาทองคำพุ่งแตะระดับ 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (สัญญาเดือน ก.พ. 2026) ความสัมพันธ์เชิงผกผันระหว่างทองคำและค่าเงินบาททำงานอย่างเต็มที่ เมื่อทองพุ่ง แรงเทขายทองเพื่อทำกำไรจะถูกเปลี่ยนเป็นเงินบาท ส่งผลให้บาทแข็งค่าโดยอัตโนมัติ
กระแสเงินทุนไหลเข้า (Capital Inflow): นักลงทุนเริ่มมองหาแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยในเอเชีย โดยเฉพาะในจังหวะที่เงินเยน (JPY) ฟื้นตัว ทำให้เงินดอลลาร์ถูกลดทอนความน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลัก
หนึ่งในสิ่งที่นักลงทุนแปลกใจคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพิ่งมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 1.25% เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อประคองเศรษฐกิจที่เติบโตแบบชะลอตัว (คาดการณ์ GDP ปี 2568 ที่ 2.2%) ตามปกติแล้วการลดดอกเบี้ยควรทำให้ค่าเงินอ่อนค่า แต่ทำไมรอบนี้ถึงต่างออกไป
High Season และการท่องเที่ยว: ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2025 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หลั่งไหลเข้าไทยสร้างความต้องการเงินบาท (Demand) อย่างมหาศาล ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่ส่วนต่างดอกเบี้ยจะกดดันได้
ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล: แม้การส่งออกจะได้รับแรงกดดันจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ แต่รายได้จากการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าเกษตร/อิเล็กทรอนิกส์บางส่วนยังคงช่วยพยุงดุลบัญชีเดินสะพัดให้แข็งแกร่ง
ท่าทีของ ธปท.: ตลาดกำลังจับตาดูว่า ธปท. จะเข้ามาแทรกแซงเพื่อดูแลผู้ส่งออกหรือไม่ หาก ธปท. ยังปล่อยให้กลไกตลาดทำงาน ความเชื่อมั่นในค่าเงินบาทก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับทิศทางในอนาคตของคู่เงิน USD/THB เราสามารถแบ่งสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้เป็น 2 แนวทางหลัก:
1. กรณีเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง (Bullish Baht)
หากราคาทองคำยังยืนเหนือ 4,500 ดอลลาร์ และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ (Non-Farm Payrolls) ออกมาต่ำกว่าคาดในช่วงต้นปีหน้า มีโอกาสสูงที่เงินบาทจะทดสอบแนวรับสำคัญถัดไปที่ 30.80 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะถือเป็นสถิติใหม่ในรอบหลายปี
2. กรณีเงินบาทกลับมาอ่อนค่า (Bearish Baht)
ปัจจัยที่ต้องระวังคือ "การปรับฐาน" ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือแรงซื้อดอลลาร์กลับจากกลุ่มผู้นำเข้าในช่วงสิ้นเดือน หากมีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ๆ เกิดขึ้นที่ทำให้ดอลลาร์กลับมาเป็น Safe Haven เงินบาทอาจดีดกลับไปอยู่ที่กรอบ 31.50 - 31.80 บาทต่อดอลลาร์
Expert Insight: "โมเมนตัมปัจจุบันยังคงเป็น Trend-Following ในทิศทางแข็งค่า แต่อย่าลืมว่าระดับ 31.00 เป็นระดับทางจิตวิทยาที่สำคัญมาก หากหลุดจุดนี้ไปได้ เราอาจเห็นการไหลของเงินทุนที่รุนแรงกว่าเดิม"
ในสถานการณ์ที่ อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์วันนี้ ผันผวน และตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) ยังคงบวกสวนทางกับตลาดหุ้นยุโรป รวมถึงบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่แกว่งตัวแถว 4.16% นักลงทุนควรปรับกลยุทธ์ดังนี้:
ตลาดหุ้น: หุ้นกลุ่ม AI และ Semiconductor (เช่น Nvidia, Oracle) ยังเป็นพระเอกช่วยดันตลาด เป็นโอกาสสำหรับผู้ที่ชอบเก็งกำไรในหุ้นเติบโต
ตลาดบอนด์: จังหวะที่บอนด์ยีลด์พุ่งเกิน 4.20% เป็นจุดที่น่าสนใจในการเข้าซื้อสะสม (Buy on Dip)
ตลาดค่าเงินและทองคำ: การใช้เครื่องมือทางการเงินที่มีประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งจำเป็น
เมื่อตลาดมีความผันผวนสูง สิ่งที่นักเทรดต้องการมากที่สุดคือ "ความมั่นใจ" และ "ความรวดเร็ว" ที่ EBC Financial Group เราเข้าใจดีว่าทุกวินาทีมีค่าในโลกของการลงทุน
สภาพคล่องสูง สเปรดต่ำ: ช่วยให้คุณเข้าออกออเดอร์ได้แม่นยำและประหยัดต้นทุน แม้ในช่วงข่าวแรง ความมั่นคงระดับโลก: เราได้รับใบอนุญาตและกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำ ให้คุณเทรดได้อย่างอุ่นใจ
เครื่องมือครบครัน: ไม่ว่าคุณจะมองหาโอกาสในคู่เงิน USDTHB, ทองคำ (XAUUSD), หรือดัชนีหุ้นสหรัฐฯ แพลตฟอร์มของเราพร้อมรองรับทุกกลยุทธ์
บทวิเคราะห์ทันสถานการณ์: ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมเสิร์ฟข้อมูล อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์วันนี้ และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกให้คุณไม่พลาดทุกจังหวะ
แนวโน้มเงินบาทยังคงอยู่ในทิศทางแข็งค่า แต่อย่าประมาทความเสี่ยงจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังจะประกาศ (เช่น ยอดจ้างงาน ADP และ GDP ไตรมาส 3) การติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและการเลือกใช้โบรกเกอร์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณเปลี่ยนความผันผวนเป็นกำไรได้
ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ