ราคาทองคำพุ่งแตะสถิติสูงสุดใหม่: เจาะลึกสาเหตุและทิศทางขาขึ้นที่ร้อนแรงที่สุด
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

ราคาทองคำพุ่งแตะสถิติสูงสุดใหม่: เจาะลึกสาเหตุและทิศทางขาขึ้นที่ร้อนแรงที่สุด

ผู้เขียน: Blair Cornelia

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-23

gold.png

หากคุณกำลังติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดโลกในช่วงนี้ จะเห็นว่า "ทองคำ" ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับหรือสินทรัพย์ปลอดภัยธรรมดาอีกต่อไป แต่มันกำลังทำหน้าที่เป็น "หลุมหลบภัย" และ "เครื่องจักรทำกำไร" ที่ทรงพลังที่สุด ล่าสุดราคาทองคำโลก (Gold Spot) ได้ทะยานผ่านแนวต้านสำคัญจนสร้างสถิติ All-Time High ใหม่อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ


สรุปภาพรวมราคาทองคำวันนี้ (Gold Price Snapshot Today)

ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2025 ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ ดังนี้:

  • ราคาทองสปอตโลก (Current Spot Price): ประมาณ $4,485 - $4,497 ต่อออนซ์

  • ราคาสูงสุดในรอบวัน (Daily High): $4,497.73 ต่อออนซ์

  • ราคาส่ำสุดในรอบวัน (Daily Low): $4,442.82 ต่อออนซ์


6 สาเหตุหลักที่ฉุดให้ราคาทองคำพุ่งทะยานสู่สถิติใหม่

1. นโยบายดอกเบี้ยขาลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

การที่ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง (ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 3.50% - 3.75%) ส่งผลโดยตรงให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เมื่อดอกเบี้ยต่ำลง ค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ (ซึ่งไม่มีดอกเบี้ย) ก็ลดลงตามไปด้วย ทำให้นักลงทุนทั่วโลกแห่เข้าซื้อทองคำแทนการถือเงินสด


2. วิกฤตความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อทั้งในตะวันออกกลางและรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงเหตุการณ์ใหม่ๆ เช่น การปิดกั้นเส้นทางขนส่งน้ำมันและการปะทะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้กระตุ้นสัญชาตญาณการป้องกันความเสี่ยงของนักลงทุน ทองคำจึงกลายเป็นสินทรัพย์แรกที่ทุกคนมองหา


3. การกว้านซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก

ธนาคารกลางหลายประเทศ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ได้เร่งสะสมทองคำเข้าสู่ทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ (De-dollarization) แรงซื้อจาก "รายใหญ่" ระดับประเทศนี้เองที่เป็นฐานรองรับราคาไม่ให้ร่วงลงแรง


4. การฟื้นตัวของกองทุนทองคำ (ETF)

หลังจากที่นักลงทุนฝั่งตะวันตกเทขายทองคำไปในช่วงก่อนหน้า ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 เราได้เห็นการไหลเข้าของเงินทุนสู่กองทุน Gold ETF อย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่ชี้ว่านักลงทุนสถาบันกลับมาเชื่อมั่นในทองคำอีกครั้ง


5. ความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะและเงินเฟ้อ

ภาวะหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ และหลายประเทศในยุโรปที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้เกิดความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัดจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือในการคงมูลค่า (Store of Value) ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังคุกคาม


6. ความต้องการทองคำทางกายภาพในช่วงฤดูกาล

เข้าสู่ช่วงปลายปีซึ่งเป็นฤดูกาลมงคลและการสะสมทองคำในประเทศแถบเอเชีย โดยเฉพาะเทศกาลแต่งงานในอินเดียและการเตรียมตัวรับตรุษจีน ทำให้ความต้องการทองคำจริง (Physical Demand) พุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลานี้พอดี


ราคาทองคำจะยังคงไปต่อได้อีกหรือไม่?

นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง Goldman Sachs และ J.P. Morgan มองว่า ทิศทางขาขึ้นยังไม่สิ้นสุด โดยมีเป้าหมายถัดไปที่อาจไปถึง $4,900 - $5,000 ต่อออนซ์ภายในปี 2026 เนื่องจากปัจจัยหนุนเชิงโครงสร้าง เช่น การลดการพึ่งพาดอลลาร์ และนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจะยังคงอยู่ไปอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นอาจมีการพักฐาน (Correction) บ้างหลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นแรงเกินไป


ปัจจัยที่อาจหยุดยั้งการพุ่งขึ้นของราคาทองคำ

แม้กระแสหลักจะเป็นขาขึ้น แต่นักลงทุนควรระวังปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้:

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ: หากตัวเลข GDP สหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด จนทำให้ Fed ต้องกลับมา "คง" หรือ "ขึ้น" ดอกเบี้ยอีกครั้ง

ความสงบทางภูมิรัฐศาสตร์: หากมีการเจรจาสันติภาพที่ได้ผลในจุดขัดแย้งสำคัญ แรงซื้อ Safe Haven จะหายไปทันที

การโยกย้ายเงินทุนไปสู่สินทรัพย์เสี่ยงอื่น: เช่น หากตลาดหุ้นหรือคริปโตเคอร์เรนซี (Bitcoin) ให้ผลตอบแทนที่ดึงดูดใจกว่าในช่วงสั้นๆ


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. ราคาทองจะขึ้นต่อไหมหลังจากทำ New High ไปแล้ว?

คำตอบ: ตามสถิติทางเทคนิค เมื่อราคาทะลุ All-Time High มักจะมีแรงเหวี่ยงขึ้นต่อตาม Momentum แต่ควรระวังการขายทำกำไร (Profit Taking) ในระยะสั้นที่จะทำให้ราคาย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับเดิม


2. ตอนนี้ยังน่าซื้ออยู่ไหม หรือควรจะรอก่อน?

คำตอบ: สำหรับการลงทุนระยะยาว การสะสมเมื่อราคาย่อตัว (Buy on Dip) ยังเป็นกลยุทธ์ที่ดี แต่สำหรับนักเทรดระยะสั้น ควรใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพื่อหาจุดเข้าที่ได้เปรียบ และไม่ควรไล่ราคาในช่วงที่กราฟพุ่งเป็นเส้นตรง


3. ทำไมทองคำถึงมีราคาสูงขึ้นในขณะที่หุ้นบางตัวก็กำลังตก?

คำตอบ: เพราะทองคำมีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับสินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่ เมื่อตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง นักลงทุนจะย้ายเงินออกจากหุ้นมาพักไว้ในทองคำเพื่อลดความเสี่ยงนั่นเอง


บทสรุป (Conclusion)

การพุ่งขึ้นของราคาทองคำในปี 2025 นี้ เกิดจาก 3 ปัจจัยหลักที่สอดประสานกัน คือ นโยบายดอกเบี้ยขาลง, ความตึงเครียดระดับโลก และแรงซื้อมหาศาลจากธนาคารกลาง สำหรับนักเทรด สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การมองว่าราคาจะไปถึงไหน แต่คือการมีเครื่องมือที่ช่วยให้คุณ ทำกำไรได้ทั้งในช่วงขาขึ้นและขาลง


หากคุณต้องการเปลี่ยนความผันผวนนี้ให้เป็นโอกาส การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องสูงและปลอดภัยอย่าง EBC Financial Group จะช่วยให้คุณเข้าถึงตลาดทองคำระดับโลกได้อย่างมั่นใจ ด้วยสเปรดที่ต่ำและการดูแลระดับมืออาชีพที่จะไม่ทำให้คุณพลาดทุกจังหวะสำคัญของตลาด



ข้อสงวนสิทธิ์ (Disclaimer): เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใด การลงทุนในทองคำมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาความเสี่ยงอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน


บทความแนะนำ
ราคาทองคำและโลหะเงินทุบสถิติใหม่! เจาะลึกแนวโน้มปี 2026 และโอกาสทำกำไรที่คุณไม่ควรพลาด
เงินบาทพุ่งแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี! เจาะลึกทิศทาง USD/THB และโอกาสทำกำไรส่งท้ายปี 2025
XAUUSD คืออะไร? เจาะลึกการ "เทรด ทอง" ยุคใหม่
ดอลลาร์สหรัฐวันนี้เผชิญแรงขาย หลังเฟดลดดอกเบี้ย ดัน DXY ร่วงต่อเนื่อง
ราคาซิลเวอร์ทำสถิติสูงสุด: ควรซื้อ เพิ่มถือ หรือถึงเวลาทำกำไร?