简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

กลยุทธ์บริหารสถานะข้ามคืน (Overnight Position) อย่างมือโปร

เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-31

การเทรดมักถูกมองว่าเป็นอาชีพที่เต็มไปด้วยความรวดเร็ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตลาดการเงิน “ไม่เคยหลับใหล” อย่างแท้จริง เมื่อหนึ่งตลาดปิด อีกตลาดก็เปิด และกระแสข้อมูลยังคงหมุนเวียนไปทั่วทุกทวีปและเขตเวลา สำหรับเทรดเดอร์จำนวนมาก นั่นหมายถึงการถือสถานะหลังเวลาทำการ ผ่านทั้งช่วงเวลาแห่งความสงบและความผันผวนของการเปลี่ยนผ่านตลาดทั่วโลก การตัดสินใจ “ปล่อยให้สถานะค้างคืน” จึงเป็นการเผชิญทั้งโอกาสและความเสี่ยง ที่สะท้อนสิ่งที่มืออาชีพเรียกว่า “สถานะข้ามคืน (Overnight Position)”


สถานะข้ามคืนไม่ใช่แค่การปล่อยคำสั่งซื้อขายค้างไว้เท่านั้น แต่คือ “การตัดสินใจโดยเจตนา” ที่พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในยามที่คุณไม่ได้อยู่หน้าจอราคา การเปลี่ยนแปลงของราคาอาจเกิดขึ้นได้จากเหตุการณ์ระหว่างประเทศ การปรับนโยบาย หรือข่าวสารบริษัทที่ไม่คาดคิด การบริหารจัดการสถานะเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ คือสิ่งที่แยกเทรดเดอร์มืออาชีพออกจากมือใหม่อย่างแท้จริง

สถานะข้ามคืน (Overnight Position)


สถานะข้ามคืน (Overnight Position) คืออะไร?


สถานะข้ามคืนหมายถึงการซื้อขายที่ยังคงเปิดอยู่หลังจากตลาดปิดทำการในแต่ละวัน ในตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงอย่างฟอเร็กซ์ หมายถึงการถือสถานะผ่านช่วงเวลา rollover หรือช่วงตัดรอบประจำวัน ซึ่งมักอยู่ราวๆ 5 โมงเย็นตามเวลานิวยอร์ก ส่วนในตลาดหุ้น หมายถึงการถือคำสั่งซื้อขายไว้หลังเสียงระฆังปิดตลาด ซึ่งอาจทำให้สถานะนั้นได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของราคานอกเวลาทำการ


ในทางปฏิบัติ การถือสถานะข้ามคืนหมายถึงการยอมรับ “ความเสี่ยงจากช่องว่างของราคา (price gap)” ที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่ตลาดจะเปิดอีกครั้ง สำหรับเทรดเดอร์ Forex ยังต้องคำนวณถึงค่าใช้จ่ายหรือรายได้ที่เรียกว่า “สวอป (Swap)” หรือ “ค่าธรรมเนียมการถือสถานะข้ามคืน (Overnight Financing Charge)” ซึ่งขึ้นอยู่กับส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินที่ซื้อขาย


ทำไมเทรดเดอร์ถึงเลือกถือสถานะข้ามคืน?


ไม่ใช่ทุกคนที่จะปิดสถานะเมื่อสิ้นวัน บางคนมองว่าการถือสถานะข้ามคืนเป็นวิธีหนึ่งในการจับเทรนด์ระยะยาวหรือใช้ประโยชน์จากกระแสเงินทุนระหว่างประเทศ


  • การจับแนวโน้มในระยะยาว: เทรดเดอร์สาย Swing มักถือสถานะข้ามคืนเพื่อเก็บกำไรจากการเคลื่อนไหวหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ซึ่งเทรดเดอร์รายวันอาจพลาดโอกาสนี้

  • ใช้ประโยชน์จากตลาดโลก: ตลาด Forex และสินค้าโภคภัณฑ์เปิดตลอดเวลา เช่น เทรดเดอร์ในลอนดอนอาจถือสถานะข้ามคืนเพื่อเก็บการเคลื่อนไหวในช่วงตลาดโตเกียว

  • การป้องกันความเสี่ยงและกลยุทธ์: บางรายเลือกถือสถานะไว้เพื่อลดความผันผวนระยะสั้นและรักษาผลลัพธ์ตามเป้าหมายระยะยาว


ตัวอย่างจริง: ในปี 2024 เทรดเดอร์ทองคำที่ถือสถานะข้ามคืนในช่วงตลาดเอเชีย มักได้กำไรจากข้อมูลอุปสงค์อุตสาหกรรมของจีนที่ประกาศช่วงเช้า ซึ่งทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โอกาสแบบนี้จะพลาดทันทีหากปิดสถานะก่อนตลาดสหรัฐฯ ปิด


ความเสี่ยงของการถือสถานะข้ามคืน


แม้ว่าการถือสถานะข้ามคืนอาจสร้างผลกำไรได้ แต่ก็แฝงความเสี่ยงหลายประเภทที่ต้องบริหารอย่างรอบคอบ


1. ความเสี่ยงจากช่องว่างราคา:


ราคาตลาดอาจเปิดที่ระดับต่างจากราคาปิด ตัวอย่างเช่น หุ้นอาจปิดที่ £100 แต่เปิดเช้าวันถัดไปที่ £95 หลังมีข่าวผลประกอบการเชิงลบหลังตลาดปิด


2. ต้นทุนทางการเงิน:


การถือสถานะที่ใช้เลเวอเรจมักมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่น สวอป (Swap) ที่อาจเป็นบวกหรือเป็นลบ ขึ้นอยู่กับส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย


3. ความเสี่ยงจากสภาพคล่องและส่วนต่างราคา:


ช่วงดึกมักมีปริมาณซื้อขายต่ำ ทำให้ spread กว้างขึ้น อาจเกิด slippage หรือการปิดออเดอร์ในราคาที่ไม่ต้องการ


4. ภาวะกดดันทางจิตใจ:


การรู้ว่ามีสถานะค้างอยู่ขณะหลับอาจทำให้เกิดความเครียดและตัดสินใจผิดพลาด โดยเฉพาะในหมู่เทรดเดอร์มือใหม่


ตัวอย่าง: เทรดเดอร์ Forex ที่เปิดสถานะซื้อในคู่ GBP/USD ก่อนธนาคารกลางอังกฤษออกแถลงข่าวโดยไม่คาดคิด พบว่าราคาลดลงกว่า 100 จุดในช่วงคืนเดียว ทำให้กำไรที่คาดไว้กลายเป็นขาดทุนทันที


วิธีคำนวณค่าใช้จ่ายสถานะข้ามคืน


สถานะข้ามคืนมักมีการปรับค่าทางการเงินเพื่อสะท้อนความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมจากโบรกเกอร์


Swap บวก (Positive Swap):


ได้รับเครดิตเมื่อถือสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสกุลที่กู้มา


Swap ลบ (Negative Swap):


ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเมื่อสกุลเงินที่กู้มามีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า


ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ที่เปิดสถานะ long คู่ AUD/JPY อาจได้รับสวอปบวก เพราะอัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลียสูงกว่าญี่ปุ่น ในขณะที่เปิด long คู่ EUR/USD มักจะต้องจ่ายสวอปลบ เนื่องจากดอกเบี้ยยุโรปต่ำกว่า


ในตลาด CFD ต้นทุนจะขึ้นอยู่กับขนาดสถานะ เลเวอเรจ และอัตราคืนข้ามคืนของโบรกเกอร์ การเข้าใจต้นทุนเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาผลกำไร โดยเฉพาะเมื่อต้องถือสถานะต่อเนื่องหลายวัน


การบริหารสถานะข้ามคืนอย่างมือโปร


การถือสถานะข้ามคืนอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยทั้งการ “เตรียมพร้อม” และ “ควบคุมความเสี่ยง” อย่างสมดุล เทรดเดอร์มืออาชีพมักปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างมีวินัยก่อนจะปล่อยให้สถานะค้างผ่านช่วงเวลาปิดตลาด


1. วางแผนตามเหตุการณ์สำคัญ:


หลีกเลี่ยงการถือสถานะข้ามคืนก่อนการประกาศข้อมูลใหญ่ เช่น การประชุมธนาคารกลาง ตัวเลขการจ้างงาน หรือรายงานผลประกอบการของบริษัท เพราะความผันผวนอาจรุนแรงเกินควบคุม


2. ใช้คำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit:


ควรตั้งคำสั่งป้องกันทุกครั้ง เพื่อจำกัดการขาดทุนและล็อกกำไร แม้ในช่วงเวลาที่ไม่ได้เฝ้ากราฟ เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ตลอดคืน


3. ตรวจสอบค่า Swap และต้นทุนการถือสถานะ:


ทำความเข้าใจระบบ rollover รายวัน และระวัง “วันคิดดอกเบี้ยสามเท่า (Triple Swap Day)” ซึ่งมักเกิดขึ้นทุกวันพุธ เพื่อชดเชยวันหยุดสุดสัปดาห์


4. กระจายความเสี่ยง:


อย่าทุ่มเงินทั้งหมดในสถานะเดียว การกระจายการถือครองในสินทรัพย์ต่างประเภทจะช่วยลดแรงกระแทกจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด


5. ติดตามตลาดโลกอย่างใกล้ชิด:


รู้ว่าช่วงเวลาใดของตลาดโลกที่มีการซื้อขายซ้อนกัน เช่น ลอนดอน–นิวยอร์ก หรือตลาดเอเชีย–ยุโรป ซึ่งมักมีความผันผวนสูง การเข้าใจจังหวะเหล่านี้ช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรถือหรือปิดสถานะ


ตัวอย่าง: เทรดเดอร์สถาบันมักใช้สินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กัน (correlated assets) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากสถานะข้ามคืน เช่น หากถือ long position ในดัชนี S&P 500 พวกเขาอาจเปิดสถานะ short futures หรือซื้อสินทรัพย์ประเภท volatility instruments เพื่อชดเชยความเสี่ยงจากข่าวเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างคืน


ตัวอย่างจริงของการเทรดข้ามคืน


ตัวอย่างที่ 1: คู่เงิน USD/JPY ในปี 2023–2024


เทรดเดอร์ที่ถือ long position ในคู่เงิน USD/JPY ช่วงที่ญี่ปุ่นใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำยาวนาน มักได้รับกำไรจากการอ่อนค่าของเงินเยนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องจ่ายค่า swap จำนวนมากเพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่สูง


ตัวอย่างที่ 2: ตลาดน้ำมันปี 2025


กลางปี 2025 ราคาน้ำมันเบรนท์พุ่งขึ้นกว่า 5% ในชั่วข้ามคืน หลัง OPEC+ ประกาศลดกำลังการผลิตโดยไม่คาดคิด เทรดเดอร์ที่ถือ long position ได้กำไรทันที ขณะที่ผู้ที่ไม่ตั้งคำสั่ง stop-loss กลับขาดทุนหนักเมื่อราคากลับตัวอย่างรุนแรงในวันถัดมา


ตัวอย่างที่ 3: หุ้น Tesla ช่วงประกาศผลประกอบการปี 2024


เทรดเดอร์ CFD ที่ถือหุ้น Tesla แบบ long ผ่านคืนก่อนประกาศผลประกอบการ ได้รับผลตอบแทนกว่า 9% ทันทีในเช้าวันรุ่งขึ้น หลังผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด แต่ในไตรมาสที่ผลออกมาแย่ ผู้ที่ถือสถานะข้ามคืนกลับเผชิญช่องว่างราคาร่วงแรงในวันถัดมา แสดงให้เห็นว่าการถือสถานะข้ามคืนเต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” ที่ต้องรับมือด้วยกลยุทธ์และวินัย

สถานะข้ามคืน


การเทรดข้ามคืน  vs การเทรดรายวัน


เทรดเดอร์สาย Day Trading มักหลีกเลี่ยงการถือสถานะข้ามคืนโดยสิ้นเชิง พวกเขาจะปิดคำสั่งซื้อขายทั้งหมดก่อนสิ้นวัน เพื่อหลีกเลี่ยงทั้งค่าธรรมเนียมสวอปและความเสี่ยงจากช่องว่างของราคา (price gap) วิธีนี้เหมาะกับตลาดที่มีความผันผวนในระหว่างวัน แต่ก็ทำให้พลาดโอกาสจากแนวโน้มขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในระยะยาว


ในทางตรงกันข้าม เทรดเดอร์ที่ถือ Overnight Position ยอมรับความไม่แน่นอนที่มากกว่า เพื่อแลกกับโอกาสที่กว้างขึ้น พวกเขาสามารถเก็บกำไรจากแนวโน้มที่เกิดขึ้นหลายช่วงเวลา หรือจากความเคลื่อนไหวของตลาดในภูมิภาคอื่น ๆ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ กลยุทธ์ และรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคน


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสถานะข้ามคืน


Q1. สถานะข้ามคืน (Overnight Position) คืออะไร?


คือคำสั่งซื้อขายที่ยังคงเปิดอยู่หลังเวลาปิดตลาด หรือเลยช่วงตัดรอบรายวันในตลาด Forex


Q2. การถือสถานะข้ามคืนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไหม?


มี โบรกเกอร์จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม Swap หรือ Financing Charge ซึ่งอาจเป็นบวกหรือเป็นลบ ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยและเลเวอเรจที่ใช้


Q3. จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการถือข้ามคืนได้อย่างไร?


คุณสามารถปิดสถานะทั้งหมดก่อนตลาดปิด หรือใช้คำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากต้องการถือข้ามคืน


ภาพรวมสำคัญ


การถือสถานะข้ามคืนคือการสร้างสมดุลระหว่าง “โอกาส” และ “ความเสี่ยง” มันให้รางวัลกับผู้ที่มีความอดทนและมั่นใจในแผนการ แต่ก็ลงโทษผู้ที่ประมาทหรือขาดการควบคุม เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจะใช้ทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิค การจัดการความเสี่ยง และความเข้าใจในเหตุการณ์ระดับโลก เพื่อรับมือกับตลาดหลังเวลาทำการอย่างมีประสิทธิภาพ สถานะข้ามคืนไม่ใช่เพียงการ “อดทนรอ” แต่คือศิลปะของการวางแผนอย่างแม่นยำ ที่ขยายพลังของการเทรดให้เหนือขอบเขตของวันทำการปกติ


คำศัพท์น่ารู้: สรุปสั้น ๆ ที่ควรจำ


  • สถานะข้ามคืน (Overnight Position): สถานะที่ยังคงเปิดอยู่หลังเวลาปิดตลาดหรือช่วงตัดรอบประจำวัน

  • Swap (Rollover): การปรับค่าดอกเบี้ยของสถานะข้ามคืนตามส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย

  • Gap: ความแตกต่างของราคาปิดในวันหนึ่งกับราคาเปิดของวันถัดไปอย่างฉับพลัน

  • สภาพคล่อง (Liquidity): ความง่ายในการซื้อขายสินทรัพย์โดยไม่ทำให้ราคาผันผวนมาก


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ