WTI ร่วงต่ำกว่า $62 เทรดเดอร์ผลหารือ ทรัมป์-เซเลนสกี และท่าที Fed ลดดอกเบี้ย วิเคราะห์ WIT ราคาน้ำมัน ทองคำ และค่าเงิน USD
ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ซึ่งเป็นราคาน้ำมันอ้างอิงของสหรัฐฯ เคลื่อนไหวในแดนลบในช่วงวันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม โดยล่าสุดซื้อขายใกล้ 61.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ร่วงลงต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ 62 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนปรับตัวเข้าสู่โหมดระมัดระวัง (cautious trading) ก่อนหน้าการประชุมสำคัญระหว่าง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) และ ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskiy)
ความไม่แน่นอนที่เกิดจากปัจจัย ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และ นโยบายการเงินของสหรัฐฯ (Fed) กำลังสร้างแรงกดดันต่อตลาดพลังงาน ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังต้องประเมินความเสี่ยงด้านอุปทานและความต้องการใช้น้ำมันโลกในระยะยาว
หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ พบกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ที่อลาสกาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เขาได้ส่งสัญญาณว่าอาจกดดันให้ยูเครนยอมเจรจาและยุติสงคราม โดยการ “ยกดินแดนบางส่วน” ให้กับรัสเซีย โดยทรัมป์ยังกล่าวเมื่อเช้าวันจันทร์ว่า “เซเลนสกีสามารถยุติสงครามกับรัสเซียได้ทันที หากเขาต้องการ” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันจากสหรัฐฯ ต่อผู้นำยูเครน และอาจทำให้ตลาดพลังงานเผชิญความผันผวนอย่างหนัก
กรณีมีข้อตกลงหยุดยิง (Ceasefire Deal) : ราคาน้ำมัน WTI อาจเผชิญแรงขายต่อเนื่อง เนื่องจากความเสี่ยงด้านอุปทานจากรัสเซียลดลง
กรณีเจรจาล้มเหลวหรือตึงเครียด : ราคาน้ำมันมีโอกาสดีดขึ้นแรง เนื่องจากความกังวลด้านอุปทานกลับมาอีกครั้ง
รัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก การคว่ำบาตรและความตึงเครียดในภูมิภาคยูเรเชียส่งผลโดยตรงต่อ อุปทานน้ำมัน (Supply) โดยเฉพาะในตลาดยุโรป การส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซีย ยังคงเป็นแหล่งพลังงานสำคัญสำหรับหลายประเทศ แม้จะมีการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ และยุโรป การเจรจาที่เปลี่ยนทิศทาง อาจทำให้รัสเซียกลับมามีบทบาททางเศรษฐกิจมากขึ้น ส่งผลต่อ สมดุลราคาน้ำมันโลก
นักวิเคราะห์จาก Bank of America ชี้ว่า การร่วมมือกันของสหรัฐฯ และรัสเซียในโครงการ Arctic Drilling มีศักยภาพดึงพลังงานออกมาได้ถึง 15% ของน้ำมันดิบที่ยังไม่ถูกค้นพบในโลก 30% ของก๊าซธรรมชาติที่ยังไม่ถูกค้นพบ หากโครงการนี้เดินหน้าเต็มรูปแบบ จะทำให้ ตลาดพลังงานโลกเข้าสู่ภาวะ Bear Market เพราะอุปทานจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และอาจสร้างแรงกดดันระยะยาวต่อราคาน้ำมัน WTI และ Brent
นอกจากภูมิรัฐศาสตร์แล้ว ปัจจัยทางการเงินยังมีอิทธิพลสูงต่อราคาน้ำมัน โดยการคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ย Fed ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 93% ที่ Fed จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนกันยายน การลดดอกเบี้ยมักทำให้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) อ่อนค่า ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ้างอิงดอลลาร์ เช่น น้ำมัน WTI และ ทองคำ (XAU/USD) มีโอกาสปรับตัวขึ้น
ความเชื่อมโยงของค่าเงินและราคาน้ำมัน
ดอลลาร์แข็งค่า น้ำมันแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ความต้องการลดลง ราคาน้ำมันอ่อนตัว
ดอลลาร์อ่อนค่า นักลงทุนแห่ซื้อโภคภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสี่ยง ราคาน้ำมันและทองคำดีดตัว
นอกจากราคาน้ำมันแล้ว ตลาดทองคำยังสะท้อนความไม่แน่นอนด้วย โดยล่าสุด ราคาทองคำ (XAU/USD) ปรับขึ้น 0.16% แตะ 3,340 ดอลลาร์
ทองคำถูกมองว่าเป็น Safe Haven Asset เมื่อตลาดการเงินเผชิญความผันผวน และการปรับขึ้นของทองคำในช่วงที่ WTI ร่วง แสดงให้เห็นถึงการย้ายเงินทุนของนักลงทุนไปสู่สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยมากกว่า
ปัจจัยเสริม: OPEC+ และความต้องการใช้น้ำมันโลก
แม้ว่าปัจจัยการหารือระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์และเซเลนสกี จะเป็นประเด็นหลัก แต่ตลาดยังคงจับตา
- การตัดสินใจด้านกำลังการผลิตของ OPEC+ หากยังคงเดินหน้าลดการผลิต อาจช่วยพยุงราคาน้ำมัน WTI
- ความต้องการใช้น้ำมันของจีนและอินเดีย สองประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันสูงสุดของโลก หากความต้องการชะลอตัว จะกดดันราคาต่อ
วิเคราะห์แนวโน้มราคาน้ำมัน WTI
1. แนวรับสำคัญ (Key Support)
$61.50
$60.80
2. แนวต้านสำคัญ (Key Resistance)
$62.50
$63.20
มุมมองนักวิเคราะห์
กรณีตลาดสงบ (Ceasefire) ราคาน้ำมันอาจแกว่งในกรอบแคบ $61–62
กรณีเจรจาล้มเหลว (No Deal) ราคาน้ำมันมีโอกาสดีดกลับไปทดสอบ $63–64
ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงต่ำกว่า 62 ดอลลาร์ จากแรงกดดันหลายด้าน ทั้ง ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์จากการเจรจา Trump-Zelenskiy การปรับท่าทีของสหรัฐฯ ต่อรัสเซีย รวมถึง ความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed
ในระยะสั้น ตลาดพลังงานยังคงเปราะบางและอ่อนไหวต่อข่าวสารด้านการเมืองและเศรษฐกิจโลก นักลงทุนควรติดตาม:
ผลลัพธ์การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-ยูเครน-รัสเซีย
ความคืบหน้าการขุดเจาะพลังงานในอาร์กติก
ท่าทีของ OPEC+ และข้อมูลเศรษฐกิจจีน
ท้ายที่สุด ตลาดกำลังเข้าสู่ภาวะที่ WTI และทองคำเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม โดยราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ราคาน้ำมัน WTI อาจเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง หากข้อตกลงหยุดยิงเกิดขึ้นจริง
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงในวันจันทร์ก่อนการประชุมระหว่างทรัมป์และเซเลนสกี โดยนักลงทุนยังจับตาการประชุมเชิงปฏิบัติการแจ็กสันโฮลของเฟดเพื่อหาเบาะแสด้านนโยบาย
2025-08-18ดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง เงินเฟ้อที่อ่อนตัวลง และความต้องการความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เหตุการณ์สำคัญใดที่จะกำหนดทิศทางตลาดในสัปดาห์นี้?
2025-08-18ญี่ปุ่นเตรียมเปิดตัวสเตเบิลคอยน์เยนครั้งแรก JPYC หนุนตลาดพันธบัตร ด้าน USD/JPY เยนแข็งค่ากดดอลลาร์ นักลงทุนจับตานโยบาย BoJ-Fed
2025-08-18