ทำความรู้จัก Diamond Pattern รูปแบบกราฟหายากแต่ทรงพลัง ช่วยบอกสัญญาณกลับตัวในตลาด พร้อมแนะนำเทคนิคเข้า-ออกเทรดอย่างมืออาชีพ
ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค รูปแบบกราฟถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยทำนายทิศทางของตลาด หนึ่งในรูปแบบที่ซับซ้อนแต่ให้ผลตอบแทนสูงคือ Diamond Pattern หรือรูปแบบเพชร
แม้ว่า Diamond Pattern จะถูกพูดถึงน้อยกว่ารูปแบบอื่น ๆ แต่รูปแบบนี้ช่วยให้เห็นภาพสัญญาณกลับตัวหรือแนวโน้มที่ต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับทุกสิ่งที่นักเทรดควรรู้เกี่ยวกับการเทรด Diamond Pattern ตั้งแต่รู้ว่า Diamond Pattern คืออะไร? การจำแนกโครงสร้าง การวางแผนเทรด ไปจนถึงการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อช่วยเพิ่มพูนทักษะการเทรดของคุณให้ดียิ่งขึ้น
Diamond Pattern คือรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่มีลักษณะคล้ายรูปเพชรหรือสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน เมื่อดูบนกราฟราคา โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงที่ยาวนาน และส่งสัญญาณถึงโอกาสที่จะเกิดการกลับตัวของราคา
รูปแบบนี้เกิดจากการขยายตัวของแนวรับแนวต้าน ตามด้วยการบีบตัวเข้าหากัน ทำให้ดูเหมือนรูปเพชรที่บริเวณจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดของแนวโน้ม โดยมักพบได้ใกล้กับจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของตลาด และสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยาของตลาด จากความไม่แน่นอนไปสู่การเบรคเอาต์อย่างชัดเจน
Diamond Pattern แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
Diamond Top: เกิดขึ้นบริเวณปลายแนวโน้มขาขึ้น และบ่งชี้โอกาสที่จะเกิดการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง
Diamond Bottom: เกิดขึ้นบริเวณปลายแนวโน้มขาลง และบ่งชี้โอกาสที่จะเกิดการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น
การเข้าใจโครงสร้างของรูปแบบนี้จะช่วยให้นักเทรดสามารถจับจังหวะเข้าเทรดได้แม่นยำขึ้น และบริหารการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รูปแบบกราฟ Diamond Pattern ไม่ใช่แค่รูปทรงเรขาคณิตธรรมดาที่วาดขึ้นโดยไม่มีหลักการ แต่มาจากพฤติกรรมของราคาที่สะท้อนความไม่แน่นอนในตลาดและการแก้ไขสถานการณ์ในที่สุด โดยทั่วไปประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้
1. ขั้นตอนการขยายตัว (Broadening Phase)
ในช่วงเริ่มต้นนี้ราคาจะแสดงความผันผวนที่เพิ่มขึ้น สูงสุดและต่ำสุดจะขยายออกจากกัน คล้ายกับรูปร่างของ megaphone ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอนในตลาด โดยที่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายยังไม่สามารถครอบงำตลาดได้
2. ขั้นตอนการหดตัว (Contraction Phase)
หลังจากช่วงขยายตัว ราคาจะเริ่มสร้างจุดสูงสุดที่ต่ำลง และจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้รูปแบบกราฟหดตัวเข้ามา เป็นครึ่งหลังของรูปเพชร และบ่งชี้ว่าตลาดกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเบรคเอาต์
3. การก่อตัวของแนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance Formation)
จะมีการลากเส้นแนวรับแนวต้านที่ฐานของรูปเพชร ซึ่งอาจเป็นเส้นแนวนอนหรือเอียงเล็กน้อย เส้นนี้ทำหน้าที่เป็นระดับที่ราคาต้องทะลุผ่านเพื่อยืนยันการเกิดรูปแบบ
4. การเบรคเอาต์ (Breakout)
การเบรคเอาต์จะเกิดขึ้นในทิศทางตรงข้ามกับแนวโน้มหลัก ในกรณีของ Diamond Top ราคาจะทะลุลงไป ในขณะที่ Diamond Bottom ราคาจะทะลุขึ้น และปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมักช่วยยืนยันการเบรคเอาต์นี้
รูปแบบ Diamond มักจะปรากฏบนกราฟที่มีกรอบเวลานาน เช่น กราฟรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน แม้ว่าบางครั้งอาจพบได้บนกราฟช่วงเวลาสั้นในระหว่างวันด้วยเช่นกัน
รูปแบบนี้จะมีความน่าเชื่อถือและส่งผลมากเมื่อเกิดขึ้นหลังจากการเปลี่ยนทิศทางที่สำคัญ และมักได้รับความไว้วางใจมากขึ้นในสินทรัพย์ที่มีปริมาณการซื้อขายสูง
ตลาดที่มักพบรูปแบบ Diamond ได้แก่
ดัชนีหุ้นหลัก เช่น S&P 500, Nifty 50
สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมันดิบ
คู่เงินฟอเร็กซ์ เช่น EUR/USD, USD/JPY
เนื่องจากรูปแบบนี้สะท้อนช่วงเปลี่ยนผ่านของความรู้สึกในตลาด จึงมักสัมพันธ์กับเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญ รายงานผลประกอบการ หรือสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์
ขั้นตอนในการระบุรูปแบบ:
เริ่มจากแนวโน้ม : ค้นหาแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงที่ชัดเจนก่อนเกิดรูปแบบ Diamond โดย Diamond Top จะต้องมีแนวโน้มขาขึ้นมาก่อน ส่วน Diamond Bottom จะต้องมีแนวโน้มขาลงมาก่อน
หาช่วงการขยายตัว : กำหนดช่วงราคาที่ความผันผวนเพิ่มขึ้น โดยราคาต่ำสุดจะลดลงเรื่อย ๆ และราคาสูงสุดจะเพิ่มสูงขึ้น
มองหาการหดตัว : รอดูรูปแบบที่เปลี่ยนเป็นการบีบตัวเข้าหากัน ราคาจะเริ่มสร้างจุดสูงสุดที่ต่ำลงและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น
วาดเส้นขอบเขต : เชื่อมต่อจุดสูงสุดและต่ำสุดด้วยเส้นแนวโน้มเพื่อสร้างรูปเพชร
ระบุระดับเบรคเอาต์: วาดเส้นแนวรับหรือแนวต้านแนวนอนที่ขอบของรูปแบบ
รอการยืนยันการเบรคเอาต์: รอให้เกิดการเบรคเอาต์ที่ได้รับการยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูง ซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งบอกทิศทางของราคาในอนาคต
เนื่องจากรูปแบบ Diamond อาจสับสนกับ Head and Shoulders หรือ Triangles จึงจำเป็นต้องประเมินบริบทโดยรวมและยืนยันโครงสร้างด้วยการวิเคราะห์แนวโน้มและปริมาณการซื้อขายอย่างเหมาะสม
ตัวอย่างจริงของรูปแบบ Diamond Pattern ในสถานการณ์จริง
มาพิจารณาตัวอย่างจากตลาดทองคำ (XAUUSD):
สมมติราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปแตะที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากนั้นเข้าสู่ช่วงผันผวนสูงราคาสลับขึ้นลงระหว่าง 2,120 ถึง 2,050 ดอลลาร์หลายวัน ก่อนจะเริ่มบีบตัวแคบลง โดยเคลื่อนไหวในช่วง 2,070 ถึง 2,060 ดอลลาร์ เกิดรูปแบบ Diamond ขึ้น และท้ายที่สุดราคาก็ร่วงลงต่ำกว่า 2,060 ดอลลาร์พร้อมกับปริมาณซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งเป็นสัญญาณของ Diamond Top ที่บ่งบอกถึงโอกาสกลับตัวเป็นขาลง นักเทรดอาจเปิดสถานะขายที่ประมาณ 2,060 ดอลลาร์ โดยตั้งจุดหยุดขาดทุนเหนือ 2,085 ดอลลาร์ และตั้งเป้าราคาที่ประมาณ 2,010 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับความสูงของรูปแบบ
รูปแบบเหล่านี้ในเวลาจริงมักต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีแนวทางที่ชัดเจนในการเทรด
ด้าน | รูปแบบ Diamond Top | รูปแบบ Diamond Bottom |
---|---|---|
แนวโน้มก่อนรูปแบบ | แนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง | แนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง |
สัญญาณตลาด | สัญญาณกลับตัวเป็นขาลง | สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น |
รูปร่างของรูปแบบ | ราคาขยายตัวแล้วหดตัว จุดสูงสุดและต่ำสุดสร้างรูป Diamond Top | รูปร่างคล้ายกัน แต่ปรากฏที่ด้านล่างของแนวโน้มขาลง |
พฤติกรรมปริมาณการซื้อขาย | ปริมาณสูงในช่วงขยายตัว ต่ำในช่วงหดตัว และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อราคาเบรคเอาต์ลง | ปริมาณสูงในช่วงขยายตัว ต่ำในช่วงหดตัว และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อราคาเบรคเอาต์ขึ้น |
ทิศทางการเบรคเอาต์ | เบรคเอาต์ลง (ทิศทางขาลง) | เบรคเอาต์ขึ้น (ทิศทางขาขึ้น) |
จุดเข้าเทรด | ราคาทะลุผ่านแนวรับด้านล่าง | ราคาทะลุผ่านแนวต้านด้านบน |
การวางตำแหน่ง Stop Loss | วางเหนือจุดสูงสุดต่ำสุดล่าสุดภายในรูปแบบ | วางต่ำกว่าจุดต่ำสุดสูงสุดล่าสุดภายในรูปแบบ |
จุดทำกำไร (Profit Target) | หักความสูงของรูปแบบจากจุดเบรคเอาต์ | บวกความสูงของรูปแบบเข้ากับจุดเบรคเอาต์ |
เครื่องมือยืนยันที่เหมาะสม | ปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้น, RSI เบี่ยงเบน(ขาลง), การตัดกันของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ | ปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้น, RSI เบี่ยงเบน(ขาขึ้น), การตัดกันของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ |
ระดับความเสี่ยง | ปานกลางถึงสูง (มีโอกาสเกิดเบรคปลอม) | ปานกลางถึงสูง (มีโอกาสเกิดเบรคปลอม) |
กรอบเวลาที่เหมาะสม | รายวันขึ้นไปเพื่อความน่าเชื่อถือ | รายวันขึ้นไปเพื่อความน่าเชื่อถือ |
รูปแบบDiamond Pattern vs รูปแบบกลับตัวอื่น ๆ
นักเทรดมักเปรียบเทียบรูปแบบ Diamond Pattern กับรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากกว่า เช่น
1) Head and Shoulders
มีพฤติกรรมกลับตัวคล้ายกันแต่ต่างกันที่ความสมมาตร
รูปแบบ Head and Shoulders มักมีความชัดเจนและพบได้บ่อยกว่า
2) Broadening Wedges
มีลักษณะขยายตัวเหมือนกันแต่ไม่มีช่วงหดตัวตามมา
3) Triangles
โดยทั่วไปเป็นรูปแบบต่อเนื่อง มีจุดเบรคเอาต์ที่คาดเดาได้ง่ายกว่า
แม้ Diamond Pattern จะพบได้น้อยกว่า แต่บ่อยครั้งให้โอกาสผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดีกว่า เนื่องจากช่วงการรวมตัวของราคา (consolidation) ที่ลึกกว่า
Diamond Pattern คือรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่มีความซับซ้อนและไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก แต่หากจับจุดได้ตั้งแต่ต้นจะเป็นโอกาสดีในการทำกำไร
ไม่ว่าจะเป็น Diamond Top ที่เตือนถึงการขายทำกำไร หรือ Diamond Bottom ที่เป็นสัญญาณกลับตัวขึ้น การเข้าใจรูปแบบนี้จะช่วยเพิ่มเครื่องมือสำคัญให้กับนักเทรดทุกคนอย่างมาก
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ค้นพบวิธีปรับแต่งการตั้งค่า MACD ให้เหมาะสมสำหรับการซื้อขายรายวัน หลีกเลี่ยงการแกว่งตัวของราคา และปรับปรุงสัญญาณเข้าด้วยพารามิเตอร์ที่รวดเร็วและเครื่องมือยืนยันอันชาญฉลาด
2025-06-12ราคาน้ำมันที่ร่วงลงในปี 2025 แตกต่างจากครั้งก่อนๆ อย่างไร? มาดูกันว่าราคาน้ำมันที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ เป็นอย่างไร และส่งผลต่อนักลงทุนอย่างไร
2025-06-12ค้นพบว่า Nasdaq 100 Futures คืออะไร ทำงานอย่างไร และกลยุทธ์สำคัญสำหรับผู้ค้ารายใหม่ที่ต้องการสัมผัสกับหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำและจัดการความเสี่ยง
2025-06-12