5 แพทเทิร์นกราฟกลับทิศที่แม่นยำและใช้ได้จริง

2025-07-23

แพทเทิร์นกราฟกลับทิศ (Reversal Patterns) ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคติดตามมากที่สุด และด้วยเหตุผลที่ดี เพราะรูปแบบเหล่านี้เปิดโอกาสให้นักเทรดสามารถทำกำไรจากแนวโน้มที่เริ่มอ่อนแรง และการเปลี่ยนทิศทางของราคาในช่วงเริ่มต้นบนหลากหลายกรอบเวลา อย่างไรก็ตาม การรู้เพียงหน้าตาของรูปแบบยังไม่เพียงพอ ความได้เปรียบที่แท้จริงในการเทรดเกิดจากการเข้าใจบริบท การยืนยันความถูกต้องของรูปแบบ และการลงมือเทรดอย่างแม่นยำ


Head and Shoulders / Inverse Head and Shoulders

Head and Shoulders/Inverse Head and Shoulders

รูปแบบ Head and Shoulders (หัวและไหล่)  เป็นหนึ่งในโครงสร้างการกลับทิศทางของแนวโน้มที่เชื่อถือได้มากที่สุดในการวิเคราะห์ทางเทคนิค มักปรากฏหลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่ยาวนานและเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงจากภาวะกระทิง (Bullish) ไปสู่ภาวะหมี (Bearish) ส่วนรูปแบบ Inverse Head and Shoulders (หัวและไหล่กลับด้าน) บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น


โครงสร้างและลักษณะ:

  • ไหล่ซ้าย: ราคาปรับตัวขึ้นไปแตะจุดสูง จากนั้นถอยกลับลงมา

  • หัว: ราคาสร้างจุดสูงใหม่ที่สูงกว่าเดิม แล้วเกิดการปรับฐาน

  • ไหล่ขวา: ราคาสูงขึ้นอีกครั้งแต่ไม่ถึงระดับหัว แล้วเริ่มถอยลง

  • เส้นคอ (Neckline): เส้นแนวโน้มแนวนอนหรือลาดเล็กน้อยเชื่อมจุดต่ำสองจุดระหว่างไหล่


รูปแบบจะยืนยันเมื่อราคาทะลุผ่านเส้นคอ (ลงในกรณีปกติหรือขึ้นในกรณีกลับด้าน)


หมายเหตุในการเทรด:

  • การเข้า: รอให้ราคาทะลุเส้นคอพร้อมการปิดแท่งเทียนที่ชัดเจนโดยเฉพาะเมื่อมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น

  • Stop-loss: เหนือ (หรือใต้) ไหล่ขวา ขึ้นอยู่กับทิศทางของรูปแบบ

  • เป้าหมายทำกำไร: วัดระยะจากหัวถึงเส้นคอแล้วนำไปทาบจากจุดที่เกิดการทะลุ


เคล็ดลับการใช้งาน:

รูปแบบ Head and Shoulders ที่ดีที่สุดมักเกิดขึ้นใกล้บริเวณแนวต้านทางจิตวิทยาหรือจุดราคากลม เช่น 100.00 และมักมีสัญญาณ Divergence ร่วมด้วย


Double Top / Double Bottom

Double Top/Double Bottom


รูปแบบคลาสสิกที่มีลักษณะเป็นตัว "M" (Double Top) และ "W" (Double Bottom) สื่อถึงความล้มเหลวของราคาในการทะลุแนวรับหรือแนวต้าน และมักเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าของการกลับทิศ


โครงสร้างและลักษณะ:

  • Double Top: ยอดเขาสองยอดที่มีระดับใกล้เคียงกันและมีร่องอยู่ตรงกลาง

  • Double Bottom: เกิดจุดต่ำสองจุดที่ใกล้กัน โดยมีจุดสูงอยู่ตรงกลาง

  • เส้นคอเสื้อ: เส้นที่ลากที่จุดกึ่งกลางของร่องหรือจุดสูงสุด (ระดับแนวรับ/แนวต้าน)


รูปแบบจะสมบูรณ์เมื่อราคาทะลุผ่านเส้นคออย่างชัดเจน


หมายเหตุในการเทรด:

  • จุดเข้า: หลังราคาทะลุเส้นคอ หรือรอการย่อตัวกลับมารีเทสต์พร้อมแท่งเทียนที่มีโมเมนตัมสูง

  • Stop-loss:เหนือยอด (Double Top) หรือใต้จุดต่ำสุด (Double Bottom)

  • เป้าหมายทำกำไร: วัดความสูงของรูปแบบแล้วนำไปใช้จากจุดที่ทะลุเส้นคอ


เคล็ดลับการใช้งาน:

หลีกเลี่ยงการเทรดรูปแบบนี้ในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มแข็งแกร่ง การกลับทิศที่เชื่อถือได้มักเกิดหลังจากราคามีสัญญาณอ่อนแรงหรือเกิดแท่งเทียนที่มีไส้เทียนด้านบน/ล่างยาวในระดับสูงของปริมาณการซื้อขาย


Wedge: ขาขึ้นและขาลง

Wedge: ขาขึ้นและขาลง

รูปแบบ Wedge คือการรวมตัวของเส้นแนวโน้มที่ลาดเข้าใกล้กัน โดยอาจเอียงขึ้นหรือลง สะท้อนถึงการสูญเสียโมเมนตัมอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมักนำไปสู่การกลับทิศที่รุนแรง


ประเภท:

  • Rising Wedge: มักเป็นรูปแบบกลับตัวเป็นขาลง หลังจากแนวโน้มขาขึ้น เส้นแนวโน้มทั้งสองเอียงขึ้น

  • Falling Wedge: มักเป็นรูปแบบกลับตัวเป็นขาขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง เส้นแนวโน้มทั้งสองเอียงลง


หมายเหตุในการเทรด:

  • จุดเข้า: เมื่อทะลุเส้นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง โดยควรมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น

  • Stop-loss: ด้านนอกขอบเขตของรูปแบบเล็กน้อยที่ด้านตรงข้ามของการทะลุ

  • เป้าหมายทำกำไร: วัดจากส่วนที่กว้างที่สุดของลิ่มที่ยื่นออกมาจากจุดทะลุ


เคล็ดลับการใช้งาน:

จับตารูปแบบลิ่มในช่วงที่ราคายืดขยายมากเกินไปหรือมีความผันผวนต่ำ เพราะมักเป็นสัญญาณล่วงหน้าของการกลับทิศหรือการเบรกเอาท์


Diamond Tops / Bottoms

Diamond Tops และ Bottoms รูปแบบ Diamond เป็นรูปแบบกลับตัวที่พบได้ยาก แต่มีความแม่นยำสูง มักเกิดที่จุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดของแนวโน้ม สะท้อนถึงภาวะลังเลก่อนที่ตลาดจะตัดสินใจเปลี่ยนทิศทาง


โครงสร้าง:

  • เริ่มจากรูปแบบกว้าง (Broadening Formation) แล้วค่อย ๆ แคบลงจนเป็นรูปเพชร

  • โดยมากจะเกิดหลังจากแนวโน้มที่ชัดเจน และแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในการควบคุมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย


หมายเหตุในการเทรด:

  • การเข้า: เมื่อทะลุผ่านขอบเขตของรูปแบบ

  • Stop-loss: ด้านนอกขอบเขตตรงข้ามของการทะลุออกเล็กน้อย

  • เป้าหมายทำกำไร: ใช้ความสูงของรูปแบบเพชรแล้วทาบจากจุดที่เกิดการทะลุ


เคล็ดลับการใช้งาน:

ปริมาณการซื้อขายมีความสำคัญอย่างยิ่ง ปริมาณควรลดลงในช่วงที่รูปแบบกำลังก่อตัว และพุ่งขึ้นเมื่อเกิดการทะลุ รูปแบบเพชรมักเกิดบนไทม์เฟรมที่สูง เช่น 4 ชั่วโมง หรือรายวัน


Volatility Contraction Pattern (VCP) & Sushi-Roll Reversals

Volatility Contraction Pattern(VCP)&Sushi-Roll Reversals รูปแบบเหล่านี้เป็นรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้นและไม่พบในตำราโดยตรง แต่เป็นที่ชื่นชอบของเทรดเกอร์สายโมเมนตัมและเบรกเอาท์ เพราะส่งสัญญาณล่วงหน้าได้ดีและควบคุมความเสี่ยงได้อย่างรัดกุม


รูปแบบ VCP (Volatility Contraction Pattern):

  • VCP ซึ่งถูกสร้างโดย Mark Minervini มีลักษณะราคาที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยต่อเนื่องกันหลายครั้ง โดยมีปริมาณการซื้อขายที่หดตัวควบคู่กันไป

  • สะท้อนถึงแรงขายที่ถูกดูดซับไปเรื่อย ๆ เตรียมพร้อมสำหรับการระเบิดของราคา


รูปแบบ Sushi-Roll Reversal:

  • รูปแบบนี้คิดค้นโดย Mark Fisher เป็นรูปแบบแท่ง 10 แท่งที่ประกอบด้วยช่วงการซื้อขายแคบ ๆ ที่เกิดขึ้นภายในช่วงก่อนหน้าที่กว้างขึ้น

  • ส่งสัญญาณการกลับตัวเมื่อเกิดการทะลุจากช่วงที่กะทัดรัดในทิศทางตรงข้ามกับแนวโน้มก่อนหน้า


หมายเหตุกในหารเทรด:

  • จุดเข้า: เมื่อราคาทะลุกรอบแคบสุดท้ายพร้อมปริมาณที่เพิ่มขึ้น

  • Stop-loss: ใต้กรอบราคาสุดท้ายหรือต่ำกว่าช่วงสุดท้ายของการหดตัว

  • เป้าหมายทำกำไร: ใช้จุดสูง/ต่ำของรอบก่อนหน้า หรือใช้การวัดด้วยค่า ATR คูณจำนวนเท่า


เคล็ดลับการใช้งาน:

เหมาะกับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น หุ้น กองทุน ETF หรือฟิวเจอร์ส ควรใช้งานร่วมกับอินดิเคเตอร์ปริมาณและโมเมนตัมเพื่อเพิ่มความมั่นใจ


สรุป


แพทเทิร์นกราฟกลับทิศช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าสู่แนวโน้มใหม่ได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม ต้องใช้ความอดทนและวินัยอย่างสูง รอให้เกิดการยืนยัน ใช้การบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และเข้าใจบริบทของตลาด แต่ไม่ใช่ทุกแพทเทิร์นกลับทิศจะสำเร็จบางรูปแบบอาจหลอกล่อและทำให้เทรดเดอร์ติดกับ


เมื่อใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ปริมาณซื้อขาย โครงสร้างตลาด และระดับราคาสำคัญ รูปแบบทั้ง 5 ที่กล่าวมา ได้แก่ Head and Shoulders, Double Top/Bottom, Wedge, Diamond และ VCP/Sushi-Roll สามารถให้สัญญาณที่มีประสิทธิภาพสำหรับการเข้าหรือออกจากตลาดอย่างมีกลยุทธ์


สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ รูปแบบเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่คำรับประกัน ความได้เปรียบที่แท้จริงอยู่ที่การลงมือปฏิบัติ ความยืดหยุ่น และการรู้ว่าเมื่อใด"ไม่ควรเทรด"


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
ตารางแน่นก็เทรดได้ เลือกกลยุทธ์เทรด End of Day (EOD) สุดคุ้ม
5 ปัจจัยส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความสัมพันธ์กับ Forex
5 ข้อผิดพลาดสำคัญที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อใช้รูปแบบ ABCD
5 เหตุผลในการใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียลสามเท่า
5 อินดิเคเตอร์ยอดนิยมสำหรับเทรดทองบน MT5