ทำไมหุ้น Intel ราคาถูก? 4 เหตุผลสำคัญที่ควรรู้

2025-04-28
สรุป

ราคาหุ้น Intel ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2025 เนื่องจากปัจจัยจากการแข่งขันที่รุนแรง ผลประกอบการที่ไม่น่าพอใจ การปรับโครงสร้างองค์กร และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบ

บริษัท Intel Corporation (NASDAQ: INTC) ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม ณ เดือนเมษายน ปี 2025 ราคาหุ้นของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 20.05 ดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญตลอดช่วงปีที่ผ่านมา


การปรับตัวลดลงนี้ได้ก่อให้เกิดคำถามในหมู่นักลงทุนเกี่ยวกับปัจจัยเบื้องหลังของมูลค่าหุ้นในปัจจุบัน บทความนี้จะวิเคราะห์สาเหตุหลายประการที่อยู่เบื้องหลังมูลค่าปัจจุบันของหุ้น Intel โดยพิจารณาทั้งจากปัญหาภายใน ปัจจัยทางการตลาด และแรงกดดันจากภายนอก


ภาพรวมทางการเงินของ Intel


ภาพรวมทางการเงินของ Intel - EBC

ผลประกอบการล่าสุดของ Intel ยังคงไม่น่าพอใจนัก โดยในไตรมาสแรกของปี 2025 บริษัทขาดทุนสุทธิถึง 821 ล้านดอลลาร์ แม้ว่ารายได้จะอยู่ที่ 12.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เล็กน้อยก็ตาม


นอกจากนี้ ราคาหุ้นของ Intel ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 20.05 ดอลลาร์ ซึ่งลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ต่างให้ราคาเป้าหมายในช่วง 12 เดือนข้างหน้าอยู่ระหว่าง 14.00 ถึง 34.00 ดอลลาร์ โดยมีค่าเฉลี่ยที่ 22.23 ดอลลาร์


สำหรับแนวโน้มไตรมาสที่ 2 ก็ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดว่ารายได้อาจลดลงอยู่ในช่วง 11.2 ถึง 12.4 พันล้านดอลลาร์


หากย้อนกลับไปดูไตรมาส 3 ของปี 2024 จะเห็นได้ว่าบริษัทเผชิญความท้าทายอย่างหนัก:

  • รายได้: 13.3 พันล้านดอลลาร์ลดลง 6% จากปีก่อน

  • ขาดทุนสุทธิ: 16.6 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างและการด้อยค่าทางบัญชี

  • อัตรากำไรจากการดำเนินงาน: -68.2% สะท้อนถึงความท้าทายในการดำเนินงานอย่างมาก

  • อัตรากำไรขั้นต้น: 15% ซึ่งลดลงมากจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น


สรุปภาพรวมปีงบประมาณ 2024

  • รายได้รวมทั้งปี: 53.1 พันล้านดอลลาร์

  • ขาดทุนสุทธิ: 18.76 พันล้านดอลลาร์ ตอกย้ำถึงความท้าทายทางการเงินของบริษัท


ทำไมหุ้น Intel ราคาถูก? เจาะลึก 4 ปัจจัยสำคัญ

ทำไมหุ้น Intel ราคาถูก? เจาะลึก 4 ปัจจัยสำคัญ - EBC

1) แรงกดดันจากคู่แข่งและการสูญเสียส่วนแบ่งตลาด

ในอดีต Intel เคยเป็นผู้นำไร้คู่แข่งในด้านซีพียูและเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คู่แข่งอย่าง AMD, NVIDIA และ TSMC ได้เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ AMD ที่เปิดตัวชิปตระกูล Ryzen และ EPYC ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 5nm และ 4nm ของ TSMC ที่ให้ประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานดีกว่า Intel ซึ่งยังล่าช้าในกระบวนการผลิต


ขณะเดียวกัน NVIDIA ได้ครองตลาด GPU และ AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ Intel ต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยี AI Accelerator เพื่อตามให้ทัน นอกจากนี้ การเปลี่ยนผู้นำด้านเทคนิคของ Intel ก็ทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจส่งผลต่อความน่าสนใจของหุ้นอย่างมาก


ส่วนในตลาดเซิร์ฟเวอร์ซึ่งเคยเป็นจุดแข็งของ Intel ผ่านผลิตภัณฑ์ตระกูล Xeon นั้น ก็ถูกเจาะตลาดโดย AMD EPYC และชิปที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM จากบริษัทอย่าง Ampere จนทำให้ตำแหน่งผู้นำสั่นคลอน โดยเฉพาะในภาคดาต้าเซ็นเตอร์ที่เติบโตสูง


2) ผลประกอบการและความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ผลประกอบการของ Intel สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ลึกซึ้ง โดยในปีงบประมาณ 2024 บริษัทขาดทุนถึง 18.76 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในระดับที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท สาเหตุหลักมาจากค่าด้อยค่า (Impairment Charges) ที่สูง อัตรากำไรที่ลดลง และรายได้ที่ต่ำกว่าคาด แม้ในไตรมาสแรกของปี 2025 รายได้จะอยู่ที่ 12.7 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เล็กน้อย แต่บริษัทก็ยังขาดทุนสุทธิอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของ Intel ยังต้องใช้เวลา


นักลงทุนส่วนใหญ่มักชอบบริษัทที่เติบโตเร็วหรืออย่างน้อยต้องมีกำไรมั่นคง ซึ่งปัจจุบัน Intel ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งสองด้าน อีกทั้งโครงการลงทุนในธุรกิจ Foundry ก็ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดขายลดลง ยิ่งกดดันกำไรสุทธิและทำให้ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือจากนักวิเคราะห์หลายราย


3) การปรับโครงสร้างองค์กรและมาตรการลดต้นทุน

เพื่อแก้ปัญหาที่สะสมมานาน Intel ภายใต้การบริหารของ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan ได้เริ่มแผนปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยตัดสินใจปลดพนักงานมากถึง 22,000 คน ขายธุรกิจที่ไม่ใช่หัวใจหลัก และลดการลงทุนในบางโครงการ


แม้มาตรการเหล่านี้จะถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการพาบริษัทกลับมาโฟกัสที่สิ่งที่ถนัดที่สุดอย่างการออกแบบและผลิตเซมิคอนดักเตอร์ แต่ในระยะสั้น กลับสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน เพราะการปรับโครงสร้างมักมาพร้อมต้นทุนสูง ความไม่แน่นอน และผลกระทบต่อการดำเนินงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ราคาหุ้น Intel อ่อนตัวลงต่อเนื่องในปี 2024 จนถึงต้นปี 2025


4) ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และความตึงเครียดทางการค้า

Intel เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ข้อจำกัดด้านการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ไปยังจีน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของ Intel ส่งผลกระทบต่อรายได้โดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในจีนที่เคยสั่งซื้อชิปสำหรับเซิร์ฟเวอร์และพีซี กำลังหันไปใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายในประเทศ เช่น โปรเซสเซอร์ของ Huawei


ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนจากกฎหมาย CHIPS Act ของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ทำให้แผนการขยายโรงงานของ Intel ในโอไฮโอและแอริโซนาเผชิญอุปสรรค เนื่องจากแผนเหล่านี้ต้องพึ่งพาเงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างมาก หากเกิดความล่าช้าหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายก็อาจทำให้แผนลงทุนสะดุด


สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่แน่นอนเหล่านี้ ทำให้หุ้นของ Intel มีความเสี่ยงมากกว่าคู่แข่งที่ไม่ต้องพึ่งพาตลาดจีนหรือเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯมากนัก


โอกาสในการฟื้นตัวและแนวโน้มระยะยาวของ Intel

แม้จะเผชิญกับอุปสรรคมากมาย แต่ Intel ก็ยังมีโอกาสในการฟื้นตัวอยู่ไม่น้อย หนึ่งในความพยายามสำคัญคือการลงทุนกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อขยายกำลังการผลิตผ่านโครงการ Intel Foundry Services (IFS) โดยตั้งเป้าจะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตชิปแบบรับจ้าง (foundry) รายใหญ่อันดับสองของโลก แข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่าง TSMC และ Samsung ผ่านการให้บริการผลิตชิปแก่บริษัทออกแบบภายนอก


Intel ยังเร่งลงทุนในด้าน AI อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ชิป Gaudi 3 ที่ออกแบบมาเพื่อแข่งกับ NVIDIA ในตลาดชิป AI หากผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการตอบรับ ก็อาจกลายเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่สำคัญ นอกจากนี้ Intel ยังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี "Advanced Packaging" ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคที่กฎของมัวร์ (Moore’s Law) เริ่มชะลอตัว


จากมุมมองด้านมูลค่าหุ้นแบบดั้งเดิม Intel ยังดู "ถูก" อยู่พอสมควร โดยมีอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/B ratio) ต่ำกว่า 1.0 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากสำหรับหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้สะท้อนเพียงสินทรัพย์ในปัจจุบัน ไม่ได้การันตีผลกำไรในอนาคต ดังนั้น อัตรา P/B ต่ำอาจสะท้อนความเชื่อของตลาดว่าแนวโน้มธุรกิจของบริษัทกำลังแย่ลงเร็วกว่ามูลค่าทางบัญชีที่แสดงอยู่


ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E ratio) แบบคาดการณ์ล่วงหน้า ก็ยังเห็นความไม่แน่นอนอยู่มาก นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรต่อหุ้นของ Intel ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอาจเติบโตเพียงเล็กน้อย และหากผลประกอบการยังต่ำกว่าที่คาดไว้ หุ้นก็อาจปรับตัวลดลงได้อีก นั่นทำให้ตลาดเริ่มมองว่า Intel อาจเป็น “กับดักมูลค่า (value trap)” หรือหุ้นที่ดูเหมือนราคาถูก แต่กลับไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้จริง


แนวโน้มราคาหุ้น Intel ปี 2025 และระยะยาว

แนวโน้มราคาหุ้น Intel ปี 2025 และระยะยาว - EBC

การคาดการณ์ในปี 2025

  • กำไรต่อหุ้น (EPS): นักวิเคราะห์คาดว่า EPS จะอยู่ที่ประมาณ 0.98 ดอลลาร์ภายในเดือนธันวาคม 2025 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการฟื้นตัวจากการขาดทุนในปีก่อนหน้า

  • การเติบโตของรายได้: คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% อยู่ที่ราว 55.84 พันล้านดอลลาร์


แนวโน้มปี 2026 และหลังจากนั้น

การคาดการณ์ราคาหุ้น:

  • CoinPriceForecast: คาดว่าราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 29.45 ดอลลาร์ในช่วงกลางปี 2026 และอาจสูงถึง 34.75 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี

  • WalletInvestor:คาดการณ์แนวโน้มขาลง โดยคาดว่าราคาหุ้นอาจลดลงเหลือเพียง 4.78 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2026

  • Gov Capital:คาดการณ์ในเชิงบวกโดยคาดว่าราคาหุ้นอาจพุ่งขึ้นไปถึง 128.35 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2026


สรุป

มูลค่าหุ้นของ Intel ในปัจจุบันสะท้อนถึงความท้าทายทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันจากคู่แข่งความกังวลด้านผลประกอบการ การปรับโครงสร้างองค์กร และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์


แม้บริษัทจะเริ่มดำเนินมาตรการเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่เส้นทางสู่การฟื้นตัวจำเป็นต้องอาศัยความพยายามอย่างต่อเนื่องและกลยุทธ์ที่ชัดเจน นักลงทุนควรติดตามความคืบหน้าในการพลิกฟื้นธุรกิจของ Intel อย่างใกล้ชิด รวมถึงความสามารถในการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

แนวโน้มราคาทองคำและเงินที่ต้องจับตามอง

แนวโน้มราคาทองคำและเงินที่ต้องจับตามอง

ติดตามราคาทองคำและเงินในปัจจุบัน สำรวจแนวโน้ม 10 ปี ปัจจัยสำคัญ อัตราส่วนราคา และเรียนรู้ว่าเวลาใดอาจเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อหรือลงทุน

2025-06-13
ญี่ปุ่นใช้สกุลเงินอะไร ทำไมนักลงทุนถึงชอบสกุลเงินนี้?

ญี่ปุ่นใช้สกุลเงินอะไร ทำไมนักลงทุนถึงชอบสกุลเงินนี้?

หาคำตอบว่า ญี่ปุ่นใช้สกุลเงินอะไร บทบาทของญี่ปุ่นในฐานะสกุลเงินโลก และทำไมจึงเป็นสกุลเงินที่นักลงทุน Forex ทั่วโลกชื่นชอบ

2025-06-13
ทำความเข้าใจ SWPPX: ข้อดี ประสิทธิภาพ และบทบาทของพอร์ตโฟลิโอ

ทำความเข้าใจ SWPPX: ข้อดี ประสิทธิภาพ และบทบาทของพอร์ตโฟลิโอ

ค้นพบว่า SWPPX ของ Schwab มอบการเข้าถึง S&P 500 ต้นทุนต่ำได้อย่างไร พร้อมมอบประสิทธิภาพที่มั่นคงและความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอในระยะยาว

2025-06-13