เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-15
อัปเดตเมื่อ: 2025-12-16
การเทรดรายวัน (Day Trade) คือรูปแบบการซื้อขายที่เปิดและปิดสถานะในเครื่องมือทางการเงินภายในวันเดียวกัน มักเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่มีความเสี่ยงสูงและต้องใช้วินัยอย่างเข้มงวด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่รวดเร็ว
ในบทความนี้ เราจะครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการเทรดรายวัน ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานและเครื่องมือไปจนถึงกลยุทธ์ขั้นสูงและการบริหารความเสี่ยง

การเทรดรายวันหมายถึงการซื้อและขายเครื่องมือทางการเงินภายในวันเดียวกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาระยะสั้นเพื่อสร้างกำไร แตกต่างจากนักลงทุนระยะยาวที่ถือครองสถานะเป็นเดือนหรือปี เพราะนักเทรดรายวันจะปิดการซื้อขายก่อนตลาดปิดเพื่อลดความเสี่ยงช่วงกลางคืน
ความแตกต่างหลักระหว่างการเทรดรายวันกับการลงทุนระยะยาว:
การเทรดรายวัน:
มุ่งเน้นระยะสั้น (ซื้อขายภายในวันเดียว)
ซื้อขายบ่อยครั้ง
ทุนผูกพันในระยะเวลาสั้น
พึ่งพาการวิเคราะห์เชิงเทคนิคเป็นหลัก
การลงทุนระยะยาว:
มุ่งเน้นระยะยาว (เดือนหรือปี)
ซื้อขายน้อยครั้ง
การลงทุนถือครองผ่านวัฏจักรตลาด
เน้นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
ข้อดี:
โอกาสทำกำไรสูง: นักเทรดรายวันสามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาขนาดเล็กโดยใช้เลเวอเรจ
ความยืดหยุ่น: สามารถเทรดได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต
ไม่มีความเสี่ยงช่วงกลางคืน: ปิดตำแหน่งก่อนตลาดปิดเพื่อลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของตลาดช่วงกลางคืน
ข้อจำกัด:
ความเสี่ยงสูง: การเทรดแบบรวดเร็วอาจทำให้สูญเสียเงินจำนวนมากหากไม่บริหารอย่างรอบคอบ
ความเครียดทางอารมณ์: ต้องใช้วินัยและการควบคุมอารมณ์อย่างมาก
ต้องใช้เวลา: ต้องทุ่มเทเวลาในการวิจัย วิเคราะห์ และติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง

นักลงทุนรายวันสามารถทำการซื้อขายในตลาดต่างๆ ได้ ซึ่งแต่ละตลาดก็มีลักษณะเฉพาะของตนเอง
ตลาดหุ้น: ตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับนักลงทุนรายวัน โดยเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นของบริษัทมหาชน
ตลาดฟอเร็กซ์: เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสกุลเงินเป็นคู่ (เช่น EUR/USD) ซึ่งมีสภาพคล่องสูงและสามารถเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี: คริปโตเคอร์เรนซีอย่างบิทคอยน์และอีเธอเรียมมีความผันผวนสูงและมีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง จึงเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักเทรดรายวันที่ต้องการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างมาก
กลยุทธ์การซื้อขายรายวันมีหลากหลาย แต่บางกลยุทธ์ก็เป็นที่นิยมใช้กันมากกว่า ด้านล่างนี้คือกลยุทธ์หลักๆ ที่นักเทรดรายวันที่ประสบความสำเร็จใช้กัน:
Scalping: กลยุทธ์ที่ทำการซื้อขายหลายครั้งตลอดวันเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาขนาดเล็ก Scalpers มักใช้เลเวอเรจสูงและต้องมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
Momentum Trading: การระบุและเทรดตามแนวโน้มของหุ้นหรือสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญในทิศทางเดียว กลยุทธ์นี้เน้นจับเทรนด์ตั้งแต่เริ่มต้นและตามเทรนด์จนแรงดันลดลง
Swing Trading (Within a Day): มองหาหุ้นหรือสินทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวระยะสั้น และถือครองเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือน้อยกว่า
การเข้าใจคำศัพท์สำคัญเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเทรดรายวัน
Pips: หน่วยวัดสำหรับคู่สกุลเงินในการเทรดฟอเร็กซ์ เป็นการเคลื่อนไหวราคาที่เล็กที่สุดของสกุลเงิน
Leverage: ช่วยให้นักเทรดควบคุมตำแหน่งใหญ่กว่าบัญชีปกติได้ ทำให้ทั้งกำไรและขาดทุนขยายตัวมากขึ้น
Spread: ความต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายของสินทรัพย์ Spread ที่แคบช่วยลดต้นทุนการซื้อขาย
Margin: จำนวนเงินที่นักเทรดต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดตำแหน่งที่ใช้เลเวอเรจ
แพลตฟอร์มการซื้อขายที่น่าเชื่อถือเป็นหัวใจสำคัญของการซื้อขายรายวัน คุณสมบัติต่อไปนี้ควรได้รับการพิจารณาเมื่อเลือกแพลตฟอร์ม:
ความเร็วในการส่งคำสั่ง: การส่งคำสั่งอย่างรวดเร็วสำคัญมากเพื่อหลีกเลี่ยงการสไลด์ราคาหรือ Slippage
เครื่องมือวิเคราะห์กราฟ: แพลตฟอร์มควรมีความสามารถในการวิเคราะห์กราฟเชิงเทคนิคขั้นสูง
ค่าธรรมเนียมและคอมมิชชั่นต่ำ: ลดต้นทุนการซื้อขาย เนื่องจากการเทรดบ่อยอาจกัดกำไร
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า: การสนับสนุนที่เชื่อถือได้ช่วยแก้ไขปัญหาทางเทคนิคอย่างรวดเร็ว
แพลตฟอร์มการซื้อขายยอดนิยม:
MetaTrader 4/5: แพลตฟอร์มที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย มีเครื่องมือสร้างกราฟขั้นสูงและคุณสมบัติที่ปรับแต่งได้หลากหลาย
ThinkorSwim: แพลตฟอร์มจาก TD Ameritrade ที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องมือสร้างกราฟที่มีประสิทธิภาพและแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา
Interactive Brokers: นำเสนอเครื่องมือการซื้อขายขั้นสูงมากมาย พร้อมโครงสร้างค่าธรรมเนียมต่ำ
ซอฟต์แวร์วิเคราะห์กราฟมีความสำคัญสำหรับการวิเคราะห์รูปแบบราคาและหาจุดเข้าออกที่เหมาะสม
TradingView: เครื่องมือสร้างกราฟบนระบบคลาวด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องฟีเจอร์การซื้อขายแบบโซเชียลและการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างละเอียด
MetaTrader 4/5: มีเครื่องมือสร้างกราฟที่ครอบคลุม พร้อมตัวชี้วัดหลากหลาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการซื้อขาย Forex และ CFD
ตัวชี้วัดทางเทคนิค:
Moving Averages (MA): ช่วยระบุแนวโน้มโดยปรับค่าราคาที่ราบเรียบ
Relative Strength Index (RSI): วัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของราคา ช่วยระบุสภาวะ Overbought หรือ Oversold
MACD: ตัวชี้วัดแรงผลักดันตามแนวโน้ม แสดงความสัมพันธ์ระหว่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองค่า
ข่าวสารเรียลไทม์สำคัญต่อการตัดสินใจอย่างรอบรู้ในเทรดรายวัน แพลตฟอร์มข่าวการเงิน เช่น Bloomberg และ Reuters รายงานเหตุการณ์ที่มีผลต่อราคาทันที นอกจากนี้ ปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendars) ช่วยติดตามเหตุการณ์สำคัญ เช่น รายงานผลประกอบการและการประชุมธนาคารกลาง
แผนการซื้อขายที่คิดมาอย่างรอบคอบจะช่วยให้เทรดเดอร์รายวันมีวินัยและหลีกเลี่ยงการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ องค์ประกอบสำคัญของแผนการซื้อขาย ได้แก่:
เป้าหมายกำไร: การตั้งเป้าหมายกำไรที่สมจริงสำหรับรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน
ข้อจำกัดด้านความเสียหาย: การกำหนดจำนวนความเสียหายสูงสุดที่ยอมรับได้ต่อวันหรือต่อการซื้อขาย เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินทุนจำนวนมาก
นักลงทุนรายวันสามารถเลือกได้ระหว่างระดับกิจกรรมการซื้อขายที่แตกต่างกัน:
Active Day Trading: เทรดบ่อยตลอดวันเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวราคาขนาดเล็ก
Passive Day Trading: เทรดน้อยกว่าและถือสถานะนานขึ้นภายในวัน กลยุทธ์นี้ใช้เวลาน้อยกว่า แต่ยังต้องอาศัยการวิเคราะห์ตลาดอย่างดี
โดยทั่วไปแล้ว นักลงทุนรายวันจำเป็นต้องทำการซื้อขายในช่วงเวลาทำการของตลาด ซึ่งมักจะเป็นช่วงเวลาสำคัญๆ ที่ตลาดเปิดทำการ ตารางเวลาของนักลงทุนรายวันจะขึ้นอยู่กับตลาดที่พวกเขาทำการซื้อขาย:
ตลาดหุ้น: 9:30 น. – 16:00 น. ตามเวลาตะวันออก (Eastern Time)
ตลาด Forex: เปิด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี: เปิด 24/

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในการซื้อขายรายวัน หนึ่งในแง่มุมที่สำคัญคือการกำหนดเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนที่จะเสี่ยงในแต่ละครั้ง เทรดเดอร์รายวันส่วนใหญ่เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของยอดเงินในบัญชีต่อการซื้อขายแต่ละครั้ง
นักลงทุนควรตั้งเป้าหมายให้มีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เป็นบวก ตัวอย่างเช่น อัตราส่วน 2:1 หมายความว่าคุณตั้งเป้าหมายกำไรที่มากกว่าการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นถึงสองเท่า
คำสั่ง Stop-loss จะปิดการซื้อขายโดยอัตโนมัติหากราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับที่ผู้ซื้อขายคาดหวังไว้ ซึ่งจะช่วยจำกัดการขาดทุน ในทำนองเดียวกัน คำสั่ง Take-profit จะล็อกกำไรไว้เมื่อการซื้อขายถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ลักษณะการซื้อขายรายวันที่รวดเร็วอาจกระตุ้นอารมณ์ที่รุนแรงได้ เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องควบคุมอารมณ์ หลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่น และยึดมั่นในแผนการซื้อขายของตน
การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการซื้อขายรายวัน การพัฒนาความยืดหยุ่นและการเรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว แนวทางที่มีระเบียบวินัยช่วยให้เทรดเดอร์มีสมาธิและหลีกเลี่ยงการซื้อขายเพื่อแก้แค้น
นักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นระยะสั้นต้องรายงานกำไรของตนเป็นรายได้ในแบบแสดงรายการภาษี ในสหรัฐอเมริกา กำไรจากการลงทุนระยะสั้นจะถูกเก็บภาษีในอัตราภาษีเงินได้ปกติ นักลงทุนควรเก็บบันทึกรายละเอียดของการซื้อขายทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อใช้ในการยื่นภาษี
นักลงทุนที่ซื้อขายรายวันต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของตลาด ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา กฎ Pattern Day Trader Rule กำหนดให้นักลงทุนที่มีเงินในบัญชีน้อยกว่า 25,000 ดอลลาร์ ต้องจำกัดการซื้อขายรายวันไว้ที่สามครั้งต่อสัปดาห์

เทรดเดอร์รายวันที่ประสบความสำเร็จไม่เคยหยุดเรียนรู้ การอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเทรดเป็นประจำ การเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ และการมีส่วนร่วมในชุมชนการเทรดออนไลน์ สามารถช่วยปรับปรุงกลยุทธ์และติดตามเทคนิคใหม่ๆ ได้
การเทรดรายวันคือการซื้อและขายเครื่องมือทางการเงินภายในวันเดียวกัน นักเทรดมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้น โดยปิดทุกตำแหน่งก่อนตลาดปิดเพื่อลดความเสี่ยงจากการถือข้ามคืน
เงินทุนขั้นต่ำที่ต้องการจะแตกต่างกันไปตามตลาดและโบรกเกอร์ โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้เริ่มต้นด้วยยอดเงิน 2,000-500 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับการซื้อขายหุ้น สำหรับฟอเร็กซ์หรือสกุลเงินดิจิทัล อาจใช้เงินจำนวนน้อยกว่าได้ เนื่องจากข้อกำหนดมาร์จินต่ำกว่า
ตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการซื้อขายรายวัน ได้แก่ หุ้น ฟอเร็กซ์ และคริปโตเคอร์เรนซี แต่ละตลาดมีข้อดีแตกต่างกัน โดยหุ้นให้ความเสถียร ฟอเร็กซ์ให้สภาพคล่องสูง และคริปโตเคอร์เรนซีมีความผันผวนสูงและมีศักยภาพในการทำกำไรอย่างรวดเร็ว
การใช้เลเวอเรจช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมตำแหน่งการซื้อขายที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยลง แม้ว่าจะสามารถเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการขาดทุนอย่างมากเช่นกัน ดังนั้นกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญเมื่อใช้เลเวอเรจ
Scalping: การทำหลายการเทรดเล็ก ๆ เพื่อทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กน้อย
Momentum Trading: มุ่งเน้นการหาสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มราคาชัดเจนและใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาต่อเนื่องจนแนวโน้มอ่อนตัวลง
การเทรดรายวันมีศักยภาพในการทำกำไรสูง แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงสูงที่ต้องการการบริหารจัดการอย่างรอบคอบและวินัยที่เข้มงวด ความสำเร็จในวงการที่รวดเร็วนี้ขึ้นอยู่กับการมีแผนการเทรดที่แข็งแกร่ง การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และความสามารถในการควบคุมอารมณ์
โดยการเข้าใจและใช้เครื่องมือ กลยุทธ์ และด้านจิตวิทยาที่จำเป็น นักเทรดรายวันที่ตั้งใจสามารถสร้างพื้นฐานสำหรับความสำเร็จระยะยาว การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการฝึกฝนเป็นกุญแจสำคัญในการนำทางความซับซ้อนของการเทรดรายวันและการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ
ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ