เพิ่มผลกำไรด้วยเทคนิคเทรดรายวัน (Daytrade)
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

เพิ่มผลกำไรด้วยเทคนิคเทรดรายวัน (Daytrade)

ผู้เขียน: Ethan Vale

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-15   
อัปเดตเมื่อ: 2025-12-16

การเทรดรายวัน (Day Trade) คือรูปแบบการซื้อขายที่เปิดและปิดสถานะในเครื่องมือทางการเงินภายในวันเดียวกัน มักเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่มีความเสี่ยงสูงและต้องใช้วินัยอย่างเข้มงวด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่รวดเร็ว


ในบทความนี้ เราจะครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการเทรดรายวัน ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานและเครื่องมือไปจนถึงกลยุทธ์ขั้นสูงและการบริหารความเสี่ยง


บทนำสู่การเทรดรายวัน: ทำความเข้าใจสิ่งสำคัญ

A close-up image of a trading platform with candlestick charts

1. การเทรดรายวันคืออะไร? ภาพรวมแบบครบถ้วน

การเทรดรายวันหมายถึงการซื้อและขายเครื่องมือทางการเงินภายในวันเดียวกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาระยะสั้นเพื่อสร้างกำไร แตกต่างจากนักลงทุนระยะยาวที่ถือครองสถานะเป็นเดือนหรือปี เพราะนักเทรดรายวันจะปิดการซื้อขายก่อนตลาดปิดเพื่อลดความเสี่ยงช่วงกลางคืน

ความแตกต่างหลักระหว่างการเทรดรายวันกับการลงทุนระยะยาว:

  • การเทรดรายวัน:

    • มุ่งเน้นระยะสั้น (ซื้อขายภายในวันเดียว)

    • ซื้อขายบ่อยครั้ง

    • ทุนผูกพันในระยะเวลาสั้น

    • พึ่งพาการวิเคราะห์เชิงเทคนิคเป็นหลัก

  • การลงทุนระยะยาว:

    • มุ่งเน้นระยะยาว (เดือนหรือปี)

    • ซื้อขายน้อยครั้ง

    • การลงทุนถือครองผ่านวัฏจักรตลาด

    • เน้นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

2. ทำไมต้องเลือกการเทรดรายวัน? ข้อดีและข้อจำกัด

ข้อดี:

  • โอกาสทำกำไรสูง: นักเทรดรายวันสามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาขนาดเล็กโดยใช้เลเวอเรจ

  • ความยืดหยุ่น: สามารถเทรดได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต

  • ไม่มีความเสี่ยงช่วงกลางคืน: ปิดตำแหน่งก่อนตลาดปิดเพื่อลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของตลาดช่วงกลางคืน

ข้อจำกัด:

  • ความเสี่ยงสูง: การเทรดแบบรวดเร็วอาจทำให้สูญเสียเงินจำนวนมากหากไม่บริหารอย่างรอบคอบ

  • ความเครียดทางอารมณ์: ต้องใช้วินัยและการควบคุมอารมณ์อย่างมาก

  • ต้องใช้เวลา: ต้องทุ่มเทเวลาในการวิจัย วิเคราะห์ และติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง



แนวคิดสำคัญของการเทรดรายวัน: ความรู้พื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น

Day Trading Strategy

1. ประเภทของตลาดในการซื้อขายรายวัน: หุ้น, ฟอเร็กซ์ และสกุลเงินดิจิทัล

นักลงทุนรายวันสามารถทำการซื้อขายในตลาดต่างๆ ได้ ซึ่งแต่ละตลาดก็มีลักษณะเฉพาะของตนเอง

  • ตลาดหุ้น: ตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับนักลงทุนรายวัน โดยเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นของบริษัทมหาชน

  • ตลาดฟอเร็กซ์: เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสกุลเงินเป็นคู่ (เช่น EUR/USD) ซึ่งมีสภาพคล่องสูงและสามารถเข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง

  • ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี: คริปโตเคอร์เรนซีอย่างบิทคอยน์และอีเธอเรียมมีความผันผวนสูงและมีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง จึงเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักเทรดรายวันที่ต้องการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างมาก

2. กลยุทธ์การซื้อขายรายวัน: แนวทางและเทคนิคทั่วไป

กลยุทธ์การซื้อขายรายวันมีหลากหลาย แต่บางกลยุทธ์ก็เป็นที่นิยมใช้กันมากกว่า ด้านล่างนี้คือกลยุทธ์หลักๆ ที่นักเทรดรายวันที่ประสบความสำเร็จใช้กัน:

  • Scalping: กลยุทธ์ที่ทำการซื้อขายหลายครั้งตลอดวันเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาขนาดเล็ก Scalpers มักใช้เลเวอเรจสูงและต้องมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

  • Momentum Trading: การระบุและเทรดตามแนวโน้มของหุ้นหรือสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญในทิศทางเดียว กลยุทธ์นี้เน้นจับเทรนด์ตั้งแต่เริ่มต้นและตามเทรนด์จนแรงดันลดลง

  • Swing Trading (Within a Day): มองหาหุ้นหรือสินทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวระยะสั้น และถือครองเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือน้อยกว่า

3. พื้นฐานของการเทรดรายวัน: คำศัพท์และแนวคิดสำคัญ

การเข้าใจคำศัพท์สำคัญเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเทรดรายวัน

  • Pips: หน่วยวัดสำหรับคู่สกุลเงินในการเทรดฟอเร็กซ์ เป็นการเคลื่อนไหวราคาที่เล็กที่สุดของสกุลเงิน

  • Leverage: ช่วยให้นักเทรดควบคุมตำแหน่งใหญ่กว่าบัญชีปกติได้ ทำให้ทั้งกำไรและขาดทุนขยายตัวมากขึ้น

  • Spread: ความต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายของสินทรัพย์ Spread ที่แคบช่วยลดต้นทุนการซื้อขาย

  • Margin: จำนวนเงินที่นักเทรดต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดตำแหน่งที่ใช้เลเวอเรจ


เครื่องมือสำหรับการเทรดรายวัน: เทคโนโลยีสำคัญเพื่อการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ

1. การเลือกแพลตฟอร์มเทรดรายวัน: คุณสมบัติสำคัญและสิ่งที่ควรพิจารณา

แพลตฟอร์มการซื้อขายที่น่าเชื่อถือเป็นหัวใจสำคัญของการซื้อขายรายวัน คุณสมบัติต่อไปนี้ควรได้รับการพิจารณาเมื่อเลือกแพลตฟอร์ม:

  • ความเร็วในการส่งคำสั่ง: การส่งคำสั่งอย่างรวดเร็วสำคัญมากเพื่อหลีกเลี่ยงการสไลด์ราคาหรือ Slippage

  • เครื่องมือวิเคราะห์กราฟ: แพลตฟอร์มควรมีความสามารถในการวิเคราะห์กราฟเชิงเทคนิคขั้นสูง

  • ค่าธรรมเนียมและคอมมิชชั่นต่ำ: ลดต้นทุนการซื้อขาย เนื่องจากการเทรดบ่อยอาจกัดกำไร

  • ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า: การสนับสนุนที่เชื่อถือได้ช่วยแก้ไขปัญหาทางเทคนิคอย่างรวดเร็ว

แพลตฟอร์มการซื้อขายยอดนิยม:

  • MetaTrader 4/5: แพลตฟอร์มที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย มีเครื่องมือสร้างกราฟขั้นสูงและคุณสมบัติที่ปรับแต่งได้หลากหลาย

  • ThinkorSwim: แพลตฟอร์มจาก TD Ameritrade ที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องมือสร้างกราฟที่มีประสิทธิภาพและแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา

  • Interactive Brokers: นำเสนอเครื่องมือการซื้อขายขั้นสูงมากมาย พร้อมโครงสร้างค่าธรรมเนียมต่ำ

2. ซอฟต์แวร์เทรดและเครื่องมือวิเคราะห์กราฟสำหรับนักเทรดรายวัน

ซอฟต์แวร์วิเคราะห์กราฟมีความสำคัญสำหรับการวิเคราะห์รูปแบบราคาและหาจุดเข้าออกที่เหมาะสม

  • TradingView: เครื่องมือสร้างกราฟบนระบบคลาวด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องฟีเจอร์การซื้อขายแบบโซเชียลและการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างละเอียด

  • MetaTrader 4/5: มีเครื่องมือสร้างกราฟที่ครอบคลุม พร้อมตัวชี้วัดหลากหลาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการซื้อขาย Forex และ CFD

ตัวชี้วัดทางเทคนิค:

  • Moving Averages (MA): ช่วยระบุแนวโน้มโดยปรับค่าราคาที่ราบเรียบ

  • Relative Strength Index (RSI): วัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของราคา ช่วยระบุสภาวะ Overbought หรือ Oversold

  • MACD: ตัวชี้วัดแรงผลักดันตามแนวโน้ม แสดงความสัมพันธ์ระหว่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองค่า

3. การใช้ข่าวสารและข้อมูลเรียลไทม์ในการเทรดรายวัน

ข่าวสารเรียลไทม์สำคัญต่อการตัดสินใจอย่างรอบรู้ในเทรดรายวัน แพลตฟอร์มข่าวการเงิน เช่น Bloomberg และ Reuters รายงานเหตุการณ์ที่มีผลต่อราคาทันที นอกจากนี้ ปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendars) ช่วยติดตามเหตุการณ์สำคัญ เช่น รายงานผลประกอบการและการประชุมธนาคารกลาง


การสร้างแผนการเทรดรายวัน: แนวทางมีโครงสร้างเพื่อกำไรที่สม่ำเสมอ

1. การตั้งเป้าหมายชัดเจนในการเทรดรายวัน: กำหนดพารามิเตอร์กำไรและขาดทุน

แผนการซื้อขายที่คิดมาอย่างรอบคอบจะช่วยให้เทรดเดอร์รายวันมีวินัยและหลีกเลี่ยงการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ องค์ประกอบสำคัญของแผนการซื้อขาย ได้แก่:

  • เป้าหมายกำไร: การตั้งเป้าหมายกำไรที่สมจริงสำหรับรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน

  • ข้อจำกัดด้านความเสียหาย: การกำหนดจำนวนความเสียหายสูงสุดที่ยอมรับได้ต่อวันหรือต่อการซื้อขาย เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินทุนจำนวนมาก

2. การเลือกสไตล์การเทรด: การเทรดรายวันแบบ Active vs Passive

นักลงทุนรายวันสามารถเลือกได้ระหว่างระดับกิจกรรมการซื้อขายที่แตกต่างกัน:

  • Active Day Trading: เทรดบ่อยตลอดวันเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวราคาขนาดเล็ก

  • Passive Day Trading: เทรดน้อยกว่าและถือสถานะนานขึ้นภายในวัน กลยุทธ์นี้ใช้เวลาน้อยกว่า แต่ยังต้องอาศัยการวิเคราะห์ตลาดอย่างดี

3. การจัดสรรเวลาในการเทรดรายวัน: กำหนดช่วงเวลาเทรด

โดยทั่วไปแล้ว นักลงทุนรายวันจำเป็นต้องทำการซื้อขายในช่วงเวลาทำการของตลาด ซึ่งมักจะเป็นช่วงเวลาสำคัญๆ ที่ตลาดเปิดทำการ ตารางเวลาของนักลงทุนรายวันจะขึ้นอยู่กับตลาดที่พวกเขาทำการซื้อขาย:

  • ตลาดหุ้น: 9:30 น. – 16:00 น. ตามเวลาตะวันออก (Eastern Time)

  • ตลาด Forex: เปิด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์

  • ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี: เปิด 24/


การบริหารความเสี่ยงในการเทรดรายวัน: การปกป้องทุนของคุณ

Risk Management in Day Trading

1. การบริหารความเสี่ยงในการเทรดรายวัน: การกำหนดสัดส่วนเงินลงทุนที่เหมาะสม

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในการซื้อขายรายวัน หนึ่งในแง่มุมที่สำคัญคือการกำหนดเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนที่จะเสี่ยงในแต่ละครั้ง เทรดเดอร์รายวันส่วนใหญ่เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของยอดเงินในบัญชีต่อการซื้อขายแต่ละครั้ง

2. การพัฒนากลยุทธ์ด้านความเสี่ยงและผลตอบแทน: เพิ่มผลกำไรสูงสุดพร้อมทั้งลดการขาดทุนให้น้อยที่สุด

นักลงทุนควรตั้งเป้าหมายให้มีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เป็นบวก ตัวอย่างเช่น อัตราส่วน 2:1 หมายความว่าคุณตั้งเป้าหมายกำไรที่มากกว่าการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นถึงสองเท่า

3. การใช้คำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit: เครื่องมือสำคัญสำหรับการควบคุมความเสี่ยง

คำสั่ง Stop-loss จะปิดการซื้อขายโดยอัตโนมัติหากราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับที่ผู้ซื้อขายคาดหวังไว้ ซึ่งจะช่วยจำกัดการขาดทุน ในทำนองเดียวกัน คำสั่ง Take-profit จะล็อกกำไรไว้เมื่อการซื้อขายถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า


แง่มุมทางจิตวิทยาของการซื้อขายหุ้นรายวัน: การเชี่ยวชาญเกมทางจิตใจ

1. การควบคุมอารมณ์: วิธีรักษาความสงบภายใต้ความกดดันในการซื้อขายหุ้นรายวัน

ลักษณะการซื้อขายรายวันที่รวดเร็วอาจกระตุ้นอารมณ์ที่รุนแรงได้ เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องควบคุมอารมณ์ หลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่น และยึดมั่นในแผนการซื้อขายของตน

2. การรับมือกับความสูญเสีย: การพัฒนาความยืดหยุ่นและการรักษาวินัย

การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการซื้อขายรายวัน การพัฒนาความยืดหยุ่นและการเรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว แนวทางที่มีระเบียบวินัยช่วยให้เทรดเดอร์มีสมาธิและหลีกเลี่ยงการซื้อขายเพื่อแก้แค้น


ข้อควรพิจารณาทางกฎหมายสำหรับนักลงทุนรายวัน: การปฏิบัติตามกฎระเบียบ

1. ผลกระทบทางภาษีของการซื้อขายหุ้นรายวัน: การรายงานและการชำระภาษี

นักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นระยะสั้นต้องรายงานกำไรของตนเป็นรายได้ในแบบแสดงรายการภาษี ในสหรัฐอเมริกา กำไรจากการลงทุนระยะสั้นจะถูกเก็บภาษีในอัตราภาษีเงินได้ปกติ นักลงทุนควรเก็บบันทึกรายละเอียดของการซื้อขายทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อใช้ในการยื่นภาษี

2. ข้อกำหนดด้านกฎระเบียบในการซื้อขายหุ้นรายวัน: การปฏิบัติตามกฎระเบียบ

นักลงทุนที่ซื้อขายรายวันต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของตลาด ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา กฎ Pattern Day Trader Rule กำหนดให้นักลงทุนที่มีเงินในบัญชีน้อยกว่า 25,000 ดอลลาร์ ต้องจำกัดการซื้อขายรายวันไว้ที่สามครั้งต่อสัปดาห์


เคล็ดลับขั้นสูงเพื่อความสำเร็จในการซื้อขายรายวัน: การเดินทางของคุณยังคงดำเนินต่อไป

Use a small amount of capital to control a much larger amount of a currency or asset

การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: ติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์การซื้อขาย

เทรดเดอร์รายวันที่ประสบความสำเร็จไม่เคยหยุดเรียนรู้ การอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเทรดเป็นประจำ การเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ และการมีส่วนร่วมในชุมชนการเทรดออนไลน์ สามารถช่วยปรับปรุงกลยุทธ์และติดตามเทคนิคใหม่ๆ ได้


คำถามที่พบบ่อย

1. การเทรดรายวัน (Daytrade) คืออะไร?

การเทรดรายวันคือการซื้อและขายเครื่องมือทางการเงินภายในวันเดียวกัน นักเทรดมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้น โดยปิดทุกตำแหน่งก่อนตลาดปิดเพื่อลดความเสี่ยงจากการถือข้ามคืน

2. ต้องมีเงินทุนเท่าไหร่ในการเริ่มเทรดรายวัน?

เงินทุนขั้นต่ำที่ต้องการจะแตกต่างกันไปตามตลาดและโบรกเกอร์ โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้เริ่มต้นด้วยยอดเงิน 2,000-500 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับการซื้อขายหุ้น สำหรับฟอเร็กซ์หรือสกุลเงินดิจิทัล อาจใช้เงินจำนวนน้อยกว่าได้ เนื่องจากข้อกำหนดมาร์จินต่ำกว่า

3. ตลาดไหนเหมาะสมที่สุดสำหรับการเทรดรายวัน?

ตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการซื้อขายรายวัน ได้แก่ หุ้น ฟอเร็กซ์ และคริปโตเคอร์เรนซี แต่ละตลาดมีข้อดีแตกต่างกัน โดยหุ้นให้ความเสถียร ฟอเร็กซ์ให้สภาพคล่องสูง และคริปโตเคอร์เรนซีมีความผันผวนสูงและมีศักยภาพในการทำกำไรอย่างรวดเร็ว

4. Leverage ในการเทรดรายวันคืออะไร?

การใช้เลเวอเรจช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมตำแหน่งการซื้อขายที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยลง แม้ว่าจะสามารถเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการขาดทุนอย่างมากเช่นกัน ดังนั้นกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญเมื่อใช้เลเวอเรจ

5. การซื้อขายแบบ Scalping และการซื้อขายแบบ Momentum Trading แตกต่างกันอย่างไร?

  • Scalping: การทำหลายการเทรดเล็ก ๆ เพื่อทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กน้อย

  • Momentum Trading: มุ่งเน้นการหาสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มราคาชัดเจนและใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาต่อเนื่องจนแนวโน้มอ่อนตัวลง


บทสรุป

การเทรดรายวันมีศักยภาพในการทำกำไรสูง แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงสูงที่ต้องการการบริหารจัดการอย่างรอบคอบและวินัยที่เข้มงวด ความสำเร็จในวงการที่รวดเร็วนี้ขึ้นอยู่กับการมีแผนการเทรดที่แข็งแกร่ง การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และความสามารถในการควบคุมอารมณ์


โดยการเข้าใจและใช้เครื่องมือ กลยุทธ์ และด้านจิตวิทยาที่จำเป็น นักเทรดรายวันที่ตั้งใจสามารถสร้างพื้นฐานสำหรับความสำเร็จระยะยาว การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการฝึกฝนเป็นกุญแจสำคัญในการนำทางความซับซ้อนของการเทรดรายวันและการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ


ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
Delivery Trade และ Intraday Trade ต่างกันอย่างไร?
วิธี Day Trade สำหรับมือใหม่ปี 2025
ทำไมเทรดเดอร์ มักเลือกเทรดน้ำมัน CFD
Buy Low Sell High: กฎการเทรดในตำนาน ที่ยังใช้ได้ผล
Position Trade vs Swing Trade: เจาะลึก 10 จุดต่าง