สรุป
ประเด็นสำคัญ นักลงทุนเชื่อว่าสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้ความน่าสนใจของเงินดอลลาร์ลดลง และส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า ซึ่งทำให้เงินบาทของเราดูแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และทองคำราคาดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมให้เงินบาทแข็งค่าตามไปด้วย รวมไปถึงเงินบาทแข็งขึ้น เพราะข่าวดีจากสหรัฐฯ และราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.55 ถึง 31.80 บาทต่อดอลลาร์ ในวันนี้
เปิดเช้าวันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม 2568 ที่ระดับ 31.63 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับปิดของวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.77 บาท โดยนายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS คาดการณ์กรอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทวันนี้ จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 31.55-31.80 บาทต่อดอลลาร์
นับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 31.60-31.87 บาท/ดอลลาร์) ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังผู้เล่นในตลาด forex มีความมั่นใจว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในปี 2026 มากกว่าที่ธนาคารกลางสหรัฐระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด
การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ ค่าเงินบาทวันนี้แข็งค่าขึ้น โดยตลาดคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) จะเดินหน้าลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในปี 2026 เกินกว่าที่แจ้งไว้ ส่งผลให้ ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่โซน 98.3 จุด
ราคาทองคำวันนี้ ในตลาด COMEX (สัญญาส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ 2026) สามารถปรับตัวสูงขึ้นสู่โซน 4,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากความต้องการถือครองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะความกังวลต่อผลประกอบการของหุ้นกลุ่ม AI อย่าง Oracle ที่ร่วงหนัก -10.8%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ดัชนี S&P 500 ปิดบวก +0.21% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดลบ -0.25% จากแรงขายหุ้น Tech และ AI
ตลาดหุ้นยุโรป: ดัชนี STOXX600 เพิ่มขึ้น +0.55% หนุนโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร
แนวโน้มค่าเงินบาท: ยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง มุ่งหน้าทะลุเป้าสิ้นปี
จากการวิเคราะห์ด้วยกลยุทธ์ Trend-Following ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินประเมินว่า แนวโน้มค่าเงินบาท 2568 ยังคงอยู่ในโหมดแข็งค่าต่อเนื่อง และมีโอกาสสูงที่จะแข็งค่าเกินกว่าเป้าสิ้นปีที่ 31.85 ±0.25 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่วิเคราะห์ไว้ในรายงาน Global FX Outlook 2026
จุดสำคัญที่ต้องจับตา: แนวโน้มการแข็งค่าจะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าค่าเงินบาทจะกลับมาอ่อนค่าทะลุโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน
นโยบายการเงินเฟด - ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐเพิ่มเติม
ราคาทองคำสูงขึ้น - ได้แรงหนุนจากสถานะ Safe Haven Asset
บอนด์ไทยน่าสนใจ - หาก ธปท. ลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม จะเพิ่มความน่าดึงดูดของบอนด์ระยะยาว
เสถียรภาพเศรษฐกิจ - ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
แม้ว่าเงินบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่า แต่ความไม่แน่นอนของการเมืองไทย หลังนายกฯ ประกาศยุบสภาและสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังคงตึงเครียด อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้การแข็งค่าของเงินบาท "ชะลอตัวลง"
นี่คือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น:
นักลงทุนในประเทศ: อาจทยอย ขายทำกำไร สถานะที่มองว่าเงินบาทจะแข็งค่า (Long THB) ออกมา
นักลงทุนต่างชาติ: มีแนวโน้มที่จะ ขายสินทรัพย์ไทย เพิ่มเติม โดยจะเน้นไปที่ ตลาดหุ้น เป็นหลัก
สำหรับ พันธบัตรระยะยาวของไทย ยังคงน่าสนใจอยู่ เนื่องจากอัตราผลตอบแทน (Bond Yield) ที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และตราบใดที่ตลาดยังคงเชื่อมั่นว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ยังมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยลง ได้อีก
Risk-Off Sentiment - นักลงทุนต่างชาติอาจขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้น
ความผันผวนตลาดโลก - จากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการเงิน
บอนด์ยีลด์สหรัฐ: จังหวะ Buy on Dip กำลังมา
บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ เคลื่อนไหวในกรอบ 4.10%-4.16% โดยแม้ผู้เล่นในตลาดจะเชื่อมั่นว่าเฟดยังมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่ความกังวลเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงกดดันให้ยีลด์ไม่สามารถปรับตัวลงต่อเนื่องได้
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: ระดับบอนด์ยีลด์เกิน 4.20% เป็นระดับที่นักลงทุนอาจพิจารณา ใช้กลยุทธ์ Buy on Dip เพื่อทยอยเข้า
1. FX Options Strategy - ป้องกันความเสี่ยงแบบยืดหยุ่น
การใช้ FX Options ช่วยให้คุณสามารถกำหนดราคาแลกเปลี่ยนที่ต้องการได้ (Hedging) ในขณะที่ยังคงมีโอกาสรับผลประโยชน์จากการเคลื่อนไหวที่เป็นบวก เหมาะสำหรับธุรกิจที่มี Exposure ด้านอัตราแลกเปลี่ยนสูง
2. Local Currency Solutions - ลดความเสี่ยงจากต้นทาง
พิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) ในการทำธุรกรรม เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีรายได้-รายจ่ายในหลายสกุลเงิน
3. Bond Investment Strategy - Buy on Dip ช่วงยีลด์สูง
ทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวเมื่อบอนด์ยีลด์ปรับสูงเกิน 4.20% โดยเฉพาะบอนด์คุณภาพดีจากรัฐบาลหรือองค์กรชั้นนำ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงระยะยาว
4. Dynamic Portfolio Rebalancing - ติดตามและปรับพอร์ตสม่ำเสมอ
ในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง การติดตามข้อมูลข่าวสารและปรับกลยุทธ์อย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับพอร์ตของคุณ
ค่าเงินบาทวันนี้ วันที่ 12 ธันวาคม 2568 เปิดเช้าที่ 31.63 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจาก 31.77 บาท โดยคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.55-31.80 บาท/ดอลลาร์ สำหรับข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนแบบเรียลไทม์ สามารถติดตามได้ที่ EBC Financial Group
เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาจาก 3 ปัจจัยหลัก:
1) เงินดอลลาร์อ่อนค่าตามความคาดหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2026 มากกว่าที่ประกาศไว้
2) ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
3) บรรยากาศตลาดที่เอื้อต่อสกุลเงินตลาดเกิดใหม่
จากการวิเคราะห์แนวโน้มค่าเงินบาท ด้วยเทคนิค Trend-Following เงินบาทยังอยู่ในแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง และอาจแข็งค่าเกินเป้าสิ้นปีที่ 31.85 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงอย่างสถานการณ์การเมืองไทยและความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลก
แนะนำ 4 กลยุทธ์บริหารความเสี่ยง FX:
1) ใช้ FX Options เพื่อ Hedging
2) พิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการทำธุรกรรม
3) ทยอยซื้อบอนด์ระยะยาวเมื่อยีลด์สูง
4) ติดตามข่าวสารและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอ
Buy on Dip คือกลยุทธ์การทยอยซื้อสินทรัพย์เมื่อราคาปรับตัวลง เหมาะกับนักลงทุนระยะยาวที่มองหาโอกาสซื้อในจุดต่ำ สำหรับการลงทุนบอนด์ แนะนำให้เข้าซื้อเมื่อบอนด์ยีลด์สหรัฐปรับสูงเกิน 4.20% เพื่อสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ
ราคาทองคำและค่าเงินบาทมีความสัมพันธ์เชิงบวก เมื่อราคาทองคำสูงขึ้น (โดยเฉพาะจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย) จะช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามด้วย เพราะไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกทองคำที่สำคัญของภูมิภาค
การยุบสภาและความตึงเครียดไทย-กัมพูชาอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้น ซึ่งอาจชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม หากตลาดยังเชื่อมั่นว่า ธปท. จะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม บอนด์ไทยก็ยังคงมีความน่าสนใจในสายตานักลงทุน
สรุป: โอกาสทองสำหรับนักลงทุนที่พร้อม
ค่าเงินบาทวันนี้อยู่ในแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ตามความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด และราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น
แม้จะมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายในและต่างประเทศ แต่หากบริหารจัดการด้วยกลยุทธ์การลงทุน Forex ที่เหมาะสม ช่วงนี้ถือเป็นโอกาสทองในการปรับพอร์ตและสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน บทความนี้สะท้อนมุมมองของ EBC Financial Group และหน่วยงานทั่วโลกของบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำด้านการเงินหรือการลงทุน การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราแลกเปลี่ยน (FX) มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนเริ่มต้นทั้งหมดหรือมากกว่า โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก่อนตัดสินใจลงทุน EBC Financial Group และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดจากการอ้างอิงข้อมูลนี้