Market To Market (MTM) คืออะไร?
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

Market To Market (MTM) คืออะไร?

ผู้เขียน: Charon N.

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-19

Market To Market (MTM) หมายถึงกระบวนการประเมินมูลค่าของสินทรัพย์โดยอ้างอิงจากราคาตลาดปัจจุบัน แทนที่จะใช้ต้นทุนในอดีต ราคาตลาดไม่เคยหยุดนิ่ง


ทันทีที่ราคามีการเปลี่ยนแปลง มูลค่าของสถานะการเทรดที่ยังเปิดอยู่ก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย Market To Market หรือ MTM คือวิธีการที่สะท้อนความเป็นจริงนี้ ด้วยการปรับมูลค่าของสินทรัพย์และสถานะการลงทุนตามราคาตลาดล่าสุด


แทนที่จะดูว่าสินทรัพย์นั้นเคยซื้อมาในราคาเท่าไร MtM จะแสดงให้เห็นว่า สินทรัพย์มีมูลค่าเท่าไรในขณะนี้ ซึ่งทำให้แนวคิดนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อการเทรด การบริหารความเสี่ยง และการรายงานทางการเงิน สำหรับนักเทรด การเข้าใจ Market To Market เป็นสิ่งจำเป็น เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อ กำไร–ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized P/L) ระดับมาร์จิ้น และสถานะทางการเงินที่แท้จริงของบัญชีในแต่ละช่วงเวลา


คำนิยาม

Market To Market (MTM) คือวิธีการที่ใช้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของสถานะที่ยังเปิดอยู่ โดยการปรับมูลค่าของสินทรัพย์และสถานะการลงทุนตามราคาตลาดปัจจุบัน

Market To Market หมายความว่าอย่างไร?

แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่ต้นทุนในอดีตของสินทรัพย์ MtM จะแสดงให้เห็นว่า สินทรัพย์มีมูลค่าเท่าไรในขณะนี้ แนวคิดนี้จึงเป็นหัวใจสำคัญของการเทรด เพราะส่งผลโดยตรงต่อกำไร–ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized P/L) ระดับมาร์จิ้น และสุขภาพโดยรวมของบัญชีการเทรด


วิธีการนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในแวดวงการเงินและการเทรด เพื่อสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์หรือหนี้สิน และช่วยให้การรายงานทางการเงินมีความโปร่งใสมากขึ้น


กลไกและจังหวะเวลา

Market To Market ทำงานโดยการอัปเดตมูลค่าของสถานะที่เปิดอยู่ตามราคาตลาดล่าสุดในแพลตฟอร์มการเทรดหลายแห่ง กระบวนการนี้เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ตามการเคลื่อนไหวของราคา ขณะที่บางตลาดจะทำการประเมินมูลค่าในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น สิ้นวันทำการ โดยใช้ราคาชำระบัญชีอย่างเป็นทางการ (Settlement Price)


ช่วงเวลาในการทำ MtM ขึ้นอยู่กับตลาดและผลิตภัณฑ์ที่ทำการซื้อขาย โดยฟอเร็กซ์และ CFD มักถูกประเมินมูลค่าอย่างต่อเนื่อง ส่วนฟิวเจอร์สและอนุพันธ์บางประเภท จะถูกประเมินมูลค่าเพียงวันละครั้ง ไม่ว่าจะประเมินมูลค่าในช่วงเวลาใด เป้าหมายก็เหมือนกัน คือ สะท้อนมูลค่าปัจจุบันของสถานะตามราคาตลาดจริง


การประเมินมูลค่าอย่างสม่ำเสมอนี้ช่วยให้กำไร ขาดทุน และข้อกำหนดด้านมาร์จิ้น สอดคล้องกับสภาวะตลาดปัจจุบันเสมอ ไม่ใช่ราคาที่ผ่านมาแล้ว


ปัจจัยที่ทำให้มูลค่า Market To Market เปลี่ยนแปลง?

มูลค่า MtM จะเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่ราคาเคลื่อนไหว โดยมีปัจจัยหลักหลายประการ ได้แก่


  • การเปลี่ยนแปลงราคา: ราคาที่ขึ้นหรือลงจะอัปเดตกำไรหรือขาดทุนของ MtM ทันที

  • ความผันผวนของตลาด: ราคาที่แกว่งตัวเร็วทำให้ MtM เปลี่ยนแปลงมากขึ้น

  • สภาพคล่องของตลาด: สภาพคล่องต่ำอาจทำให้ราคาเคลื่อนไหวรุนแรง ส่งผลต่อ MtM อย่างรวดเร็ว

  • กฎการชำระราคาประจำวัน: บางตลาดจะรีเซ็ตค่า MtM โดยใช้ราคาชำระบัญชีอย่างเป็นทางการ


เมื่อภาวะตลาดสงบ การเปลี่ยนแปลงของ MtM มักมีขนาดเล็ก แต่เมื่อตลาดผันผวนหรือไม่เสถียร มูลค่า MtM สามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที


Market To Market ส่งผลต่อการเทรดของคุณอย่างไร?

Market To Market (MtM) ส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจในการเทรดและการบริหารบัญชีขาดทุนลอยตัวจะทำให้เงินที่ใช้ได้ลดลง ขณะที่กำไรลอยตัวจะช่วยเพิ่มมูลค่าบัญชี (Equity) ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการตัดสินใจว่า นักเทรดสามารถถือสถานะต่อ เพิ่มขนาดการเทรด หรือจำเป็นต้องลดความเสี่ยงลงหรือไม่


MTM ยังมีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมมาร์จิ้น หากขาดทุนที่แสดงโดย MTM เพิ่มขึ้นมากเกินไป ระดับมาร์จิ้นจะลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่ การเรียกหลักประกัน (Margin Call) หรือ การปิดสถานะอัตโนมัติ หากระดับมาร์จิ้นต่ำกว่าที่กำหนด


สถานการณ์ที่ดี

  • ขาดทุนตาม MTM อยู่ภายในขอบเขตความเสี่ยงที่วางแผนไว้

  • ระดับมาร์จิ้นยังคงมีเสถียรภาพ

  • พฤติกรรมราคายังคงสอดคล้องกับแนวคิดในการเข้าเทรด

สถานการณ์ที่ไม่ดี

  • ขาดทุนตาม MTM เพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้

  • ระดับมาร์จิ้นลดลงใกล้ระดับขั้นต่ำ

  • ยังถือสถานะไว้โดยไม่มีแผนออกจากตลาดที่ชัดเจน


วิธีตรวจสอบ Market To Market

ก่อนเปิดสถานะการเทรด นักเทรดควรเข้าใจว่า MTM จะส่งผลต่อบัญชีอย่างไร


  • ตรวจสอบว่ากำไร–ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized P/L) แสดงอย่างไรบนแพลตฟอร์ม

  • ยืนยันว่า MTM อัปเดตแบบเรียลไทม์ หรืออัปเดตเมื่อสิ้นวัน

  • ทบทวนข้อกำหนดด้านมาร์จิ้นที่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของ MTM

  • สังเกตระดับความผันผวนโดยทั่วไปของสินทรัพย์นั้น

  • เริ่มต้นด้วยขนาดสัญญาที่เล็ก เพื่อดูว่า MTM ตอบสนองอย่างไร


การติดตาม MTM อย่างสม่ำเสมอช่วยให้นักเทรดหลีกเลี่ยงแรงกดดันด้านมาร์จิ้นที่ไม่คาดคิด และลดการตัดสินใจที่ผิดจังหวะ


ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการดู Market To Market

  • มองข้ามขาดทุนลอยตัว: ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงยังคงลดมูลค่าบัญชี

  • ตอบสนองต่อทุกการขยับเล็ก ๆ ของ MTM: ความผันผวนปกติอาจนำไปสู่การเทรดมากเกินจำเป็น

  • สับสนระหว่าง MTM กับกำไรสุดท้าย: ผลลัพธ์จริงขึ้นอยู่กับราคาที่ปิดสถานะ

  • ประเมินผลกระทบต่อมาร์จิ้นผิดพลาด: ขาดทุนตาม MTM ส่งผลต่อมาร์จิ้นทันที

  • ถือสถานะขาดทุนนานเกินไป: เฝ้าดู MTM โดยไม่ลงมือจัดการ จะเพิ่มความเสี่ยงให้มากขึ้น


คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

  • การบริหารความเสี่ยง : กระบวนการควบคุมการขาดทุนและระดับความเสี่ยง โดย MtM ช่วยแสดงความเสี่ยงแบบเรียลไทม์

  • สภาพคล่องของตลาด : ความง่ายในการซื้อขายสินทรัพย์ ซึ่งส่งผลต่อความรวดเร็วในการเปลี่ยนแปลงของค่า MTM

  • โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ : สถาบันการเงินที่ให้บริการเข้าถึงตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และใช้การประเมินมูลค่าแบบ Market To Market เพื่อแสดงกำไร ขาดทุน และระดับมาร์จิ้นแบบเรียลไทม์

  • การสะสม : การค่อย ๆ เพิ่มขนาดสถานะการลงทุนตามเวลา ซึ่ง MtM จะอัปเดตการเปลี่ยนแปลงมูลค่าอย่างต่อเนื่องตามการเคลื่อนไหวของราคา

  • ดอกเบี้ยค้างรับ/ค้างจ่าย : ดอกเบี้ยที่สะสมตามเวลาในตราสารทางการเงินบางประเภท และจะถูกรวมอยู่ในการคำนวณ MTM เมื่อมีการประเมินมูลค่าสถานะใหม่

  • คำสั่งซื้อขายตามราคาตลาด (Market order) : คำสั่งซื้อหรือขายทันทีตามราคาตลาดปัจจุบัน ซึ่งจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการประเมินมูลค่าแบบ Market To Market หลังจากเปิดสถานะแล้ว

  • Value At Risk (VaR) : วิธีการประเมินความเสี่ยงเพื่อคาดการณ์ว่าอาจขาดทุนได้มากเท่าใด จากการเทรดหรือพอร์ตการลงทุน ภายในช่วงเวลาที่กำหนด


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. Market To Market เหมือนกับการปิดสถานะการเทรดหรือไม่?

ไม่เหมือนกัน Market To Market เป็นการอัปเดตมูลค่าของสถานะที่ยังเปิดอยู่ตามราคาตลาดปัจจุบัน โดยสถานะยังคงเปิดอยู่ กำไรหรือขาดทุนที่แสดงเป็นเพียงกำไร–ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง และยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้จนกว่าจะปิดสถานะ


2. Market To Market ใช้กับสินทรัพย์ทุกประเภทหรือไม่?

ใช่ Market To Market ถูกใช้กับผลิตภัณฑ์การเทรดส่วนใหญ่ที่ราคามีการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีเลเวอเรจและตราสารอนุพันธ์ แม้ว่าช่วงเวลาในการอัปเดตอาจแตกต่างกัน แต่เป้าหมายคือการสะท้อนมูลค่าปัจจุบันที่แท้จริงของสถานะที่เปิดอยู่


3. ขาดทุนจาก Market To Market สามารถกลับมาเป็นกำไรได้หรือไม่?

ได้ เนื่องจาก MTM จะอัปเดตทุกครั้งที่ราคาเปลี่ยนแปลง สถานะที่แสดงขาดทุนสามารถกลับมาเป็นกำไรได้หากตลาดกลับทิศทาง อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่สถานะยังเปิดอยู่ ขาดทุนดังกล่าวยังคงส่งผลต่อมาร์จิ้นและเงินที่ใช้ได้ในบัญชี


4. ทำไม Market To Market จึงส่งผลต่อมาร์จิ้น?

โบรกเกอร์ใช้ Market To Market ในการวัดความเสี่ยงแบบเรียลไทม์ หากราคาตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับสถานะการเทรด ขาดทุนตาม MTM จะลดมูลค่าบัญชี (Equity) ซึ่งส่งผลให้มาร์จิ้นที่ใช้ได้ลดลงโดยตรง


5. มือใหม่ควรใช้ Market To Market อย่างไรในทางปฏิบัติ?

มือใหม่ควรใช้ MTM เพื่อทำความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาส่งผลต่อบัญชีอย่างไร ก่อนที่จะปิดสถานะ ควรให้ความสำคัญกับการดูว่า ขาดทุนตาม MTM ยังอยู่ภายในขอบเขตความเสี่ยงที่วางแผนไว้หรือไม่ มากกว่าการตอบสนองต่อทุกการขยับของราคาเล็กน้อย


สรุป

Market To Market คือแนวปฏิบัติในการประเมินมูลค่าของสถานะที่ยังเปิดอยู่โดยใช้ราคาตลาดปัจจุบัน แทนการอ้างอิงต้นทุนในอดีต ซึ่งช่วยแสดงกำไรและขาดทุนแบบเรียลไทม์ และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการควบคุมมาร์จิ้นและการบริหารความเสี่ยง


เมื่อเข้าใจและติดตาม MtM อย่างถูกต้อง นักเทรดจะสามารถรับรู้ระดับความเสี่ยงที่แท้จริงของตนเองได้ตลอดเวลา แต่หากละเลย อาจนำไปสู่การขาดทุนที่ไม่คาดคิด และการถูกปิดสถานะโดยอัตโนมัติ


ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความที่เกี่ยวข้อง
ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์ฟิวเจอร์ส
Cathie Wood: ถึงเวลาเชื่อในนวัตกรรมมากกว่าประเพณี
ประสบการณ์การล่มสลายของ Enron - ตั้งแต่ความรุ่งโรจน์มูลค่า 6 หมื่นล้านจนถึงโศกนาฏกรรมการล้มละลาย
Futures กับ Forward: สัญญาไหนเหมาะกับกลยุทธ์คุณ?
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่น 20 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดรอบปี 1999 นักลงทุนควรอ่านอะไรจากสัญญาณนี้?