2025-09-26
26 ก.ย. 2025 - ราคาทองคำ (XAU/USD) ขยับขึ้นใกล้ระดับ 3,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเช้าวันศุกร์ ตามเวลาการซื้อขายเอเชีย โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมภายในปีนี้ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้น
ที่ประชุม Fed เดือนกันยายนตัดสินใจลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่กรอบเป้าหมายใหม่ที่ 4.00%–4.25% ทำให้นักลงทุนคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในการประชุมที่เหลือของปีนี้ การลดดอกเบี้ยช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำซึ่งไม่มีดอกผล จึงเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทอง
อย่างไรก็ตาม สัญญาณจากเจ้าหน้าที่ Fed ยังสะท้อนความระมัดระวัง ประธาน Jerome Powell ย้ำว่าการตัดสินใจต่อไปต้องอิงข้อมูลเศรษฐกิจ ขณะที่ผู้ว่าการ Stephen Miran แสดงท่าทีอยากลดแรงกว่านี้ที่ 0.50% โดยให้เหตุผลว่าเงินเฟ้อใกล้เป้าหมาย 2% หากไม่รวมผลชั่วคราวจากภาษีศุลกากร
นักลงทุนจับตาข้อมูล ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นมาตรการเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญ หากออกมาต่ำกว่าคาด จะยิ่งหนุนการลดดอกเบี้ยและเป็นบวกต่อทองคำ
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) เคลื่อนไหวแข็งค่าราว 98.40 ระหว่างการซื้อขายในเอเชียวันศุกร์ ใกล้จุดสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีเกินคาด อาจชะลอแรงกดดันให้ Fed ลดดอกเบี้ยเร็วเกินไป
ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 3.8% ต่อปี สูงกว่าคาดการณ์ที่ 3.3% ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าทันที ขณะเดียวกันจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 กันยายน ลดลงเหลือ 218,000 ราย จากครั้งก่อน 232,000 ราย และต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 235,000 ราย
ท่าทีของเจ้าหน้าที่ Fed ยังคงผสมผสาน Jeffrey Schmid ประธานเฟดแคนซัสซิตี มองว่าจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยเพื่อคงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน แต่ Austan Goolsbee ประธานเฟดชิคาโก ไม่เห็นด้วยกับการผ่อนคลายเชิงนโยบายมากนักในขณะที่เงินเฟ้อยังสูงเกินเป้า
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าปีนี้อาจมีการลดดอกเบี้ยราว 43 จุดเบสิสพอยต์ในการประชุมที่เหลือ แต่ท่าทีของเจ้าหน้าที่ชี้ว่าขึ้นกับข้อมูลเงินเฟ้อและแรงงานที่จะประกาศในอนาคต โดยตัวเลข PCE เดือนสิงหาคม คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ PCE พื้นฐานอาจโต 2.9% หากออกมาต่ำกว่าคาด ดัชนีดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่า
ดัชนีดาวโจนส์อุตสาหกรรมยังอ่อนตัวต่อเนื่องในวันพฤหัสบดี ลดลงราว 400 จุด หลุดต่ำกว่า 46,000 จุด หลังนักลงทุนปรับสมดุลพอร์ตใหม่จากการลงทุนในหุ้นกลุ่ม AI ที่ร้อนแรงก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐก็ปรับขึ้น จากความไม่แน่นอนเรื่องวิกฤตงบประมาณการคลัง
ดาวโจนส์ปิดลบต่อเนื่อง 3 วัน รวมร่วงแล้วกว่า 900 จุดจากจุดสูงสุดในสัปดาห์เดียว และกำลังเคลื่อนไปสู่แนวรับเชิงเทคนิคที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เอ็กซ์โปเนนเชียล 50 วัน (EMA) บริเวณ 45,140 จุด
หุ้น Oracle ที่เคยพุ่งจากข่าวการจับมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน AI เช่น OpenAI เริ่มเผชิญแรงขาย หลังบริษัทออกพันธบัตรมูลค่า 18,000 ล้านดอลลาร์เพื่อเสริมฐานะการเงิน เตรียมขยายบริการด้าน AI Cloud แต่ตลาดเริ่มไม่มั่นใจในศักยภาพการทำรายได้จริง
แม้ GDP Q2 ขยายตัวเกินคาดที่ 3.8% โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) ที่พุ่งสูง แต่การส่งออก–นำเข้าหดตัวแรง กดดันตลาดการค้าสหรัฐหายไปราวครึ่งล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ สินค้าคงคลังสินค้าคงทนลดลง 50,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการหดตัวแรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตโควิดและวิกฤตการเงินโลก 2008
ตัวเลข PCE Price Index ในไตรมาส 2 ขยายตัวเร็วกว่าคาดที่ 2.1% QoQ สะท้อนแรงกดดันราคาที่ผู้บริโภคเผชิญอยู่ ขณะที่ตลาดจับตาการประกาศ PCE เดือนสิงหาคมในวันศุกร์
รัฐบาลสหรัฐกำลังเผชิญความเสี่ยงชัตดาวน์จากปัญหางบประมาณที่ยังหาทางออกไม่ได้ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเลื่อนการเจรจากับสมาชิกรัฐสภา สร้างความกังวลในตลาดพันธบัตร เนื่องจากรัฐบาลใช้จ่ายเกินตัวกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 100 วันแรก และยังขาดดุลต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นอีกครั้ง
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐภายใต้รัฐบาลทรัมป์ยังอยู่ระหว่างการเจรจาโครงการช่วยเหลืออาร์เจนตินาที่ประสบวิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง โดยอาจเสนอวงเงินสูงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ในรูปแบบสว็อปไลน์และกลไกพยุงการเงินอื่น ๆ ขณะเดียวกัน เกษตรกรสหรัฐก็เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขวิกฤตการเกษตรซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีที่กระทบการส่งออกสินค้าเกษตรอย่างหนัก
ภาพรวมตลาดการเงินสหรัฐในช่วงนี้สะท้อนความผันผวนสูงจากหลายปัจจัย ทั้งท่าทีของ Fed ที่ยังไม่ชัดเจน ตัวเลขเศรษฐกิจที่ผสมทั้งสัญญาณแข็งแรงและจุดอ่อน ไปจนถึงแรงกดดันทางการเมืองและการคลัง
ทองคำได้แรงหนุนจากความคาดหวังการลดดอกเบี้ย ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าจากข้อมูลเศรษฐกิจ แต่ดาวโจนส์กลับเผชิญแรงขายจากความกังวลต่อหุ้นเทคโนโลยีและปัญหาการคลัง ขณะที่พันธบัตรก็ถูกกดดันจากความเสี่ยงชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งหมดนี้ทำให้ตัวเลข PCE เดือนสิงหาคม ที่จะประกาศในวันนี้ถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะจะเป็นตัวแปรหลักที่กำหนดทิศทางของทองคำ ดอลลาร์ หุ้น และพันธบัตร ไปพร้อมกัน
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
