2025-09-29
29 ก.ย. 2025 - ราคาทองคำ (XAU/USD) ขยับขึ้นต่อเนื่องเหนือระดับ 3,750 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันจันทร์ หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาตามคาดการณ์ ยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยในปีนี้ ดอกเบี้ยที่ต่ำลงทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำลดลง ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นแรงเสริมความต้องการทองคำด้วย
นักลงทุนยังจับตาคำพูดของเจ้าหน้าที่เฟดที่จะปราศรัยต่อสาธารณะในวันจันทร์นี้ ทั้ง Christopher Waller, Beth Hammack, Alberto Musalem, John Williams และ Raphael Bostic ซึ่งหากมีท่าทีแข็งกร้าว (hawkish) อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันราคาทองคำได้
ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 2.7% จากปีก่อนหน้า จาก 2.6% ในเดือนกรกฎาคม และตรงกับคาดการณ์ตลาด ขณะที่ Core PCE ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.9% YoY เท่ากับเดือนกรกฎาคม ส่วนรายเดือน PCE ขยับขึ้น 0.3% และ Core PCE ขึ้น 0.2%
Tai Wong นักเทรดมืออาชีพมองว่า “ตัวเลข PCE เดือนนี้ไม่ได้ขัดขวางโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังในการประชุมเดือนตุลาคม” ปัจจุบัน ตลาดให้น้ำหนักถึง 88% ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคม และ 65% ว่าจะมีการปรับลดอีกครั้งในเดือนธันวาคม (CME FedWatch Tool)
ในเชิงเทคนิค ทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มบวก ราคายืนเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เอ็กซ์โปเนนเชียล 100 วัน (EMA) แต่ดัชนี RSI ระยะ 14 วัน อยู่ที่ 75.90 สะท้อนภาวะซื้อเกิน (overbought) อาจทำให้เกิดการพักฐานก่อนขึ้นรอบใหม่ โดยแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 3,800–3,810 ดอลลาร์ หากผ่านได้อาจเห็นการดีดไปถึง 3,850 ดอลลาร์ ขณะที่แนวรับแรกอยู่ที่ 3,722 ดอลลาร์ หากหลุดลงมามีโอกาสถอยไปถึง 3,632 ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI (สัญญาฟิวเจอร์ส NYMEX) เคลื่อนไหวใกล้ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเอเช้าวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายเดือนตุลาคม ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงกดดันดัชนี DXY ลง 0.25% ใกล้ 97.90 ยิ่งช่วยหนุนน้ำมันบางส่วน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา น้ำมัน WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 66.20 ดอลลาร์ แต่กลับเผชิญแรงขายจากความคาดหวังว่า OPEC+ อาจตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 5 ตุลาคม รายงานจาก Reuters ระบุว่า มีโอกาสสูงที่กลุ่มจะอนุมัติการเพิ่มกำลังการผลิตอีกอย่างน้อย 137,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งท่ามกลางภาวะความต้องการโลกที่ถูกกดดันจากสงครามการค้าของสหรัฐฯ ถือเป็นปัจจัยลบต่อราคาน้ำมัน
อีกแรงกดดันมาจากข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกลางอิรักและรัฐบาลเขตปกครองเคอร์ดิสถาน ที่จะเพิ่มการส่งออกน้ำมัน 180,000–190,000 บาร์เรลต่อวันผ่านท่าเรือ Ceyhan ของตุรกี ทำให้ตลาดกังวลว่าอุปทานส่วนเกินจะกดราคาน้ำมันลงอีก
ตลาดการเงินโลกกำลังอยู่ในจุดที่ความคาดหวังต่อนโยบายการเงินของสหรัฐฯ มีอิทธิพลโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์สำคัญ ทั้งทองคำและน้ำมัน การที่ PCE ออกมาตามคาด ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นแรงหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ก็ต้องระวังสัญญาณซื้อเกินที่อาจนำไปสู่การพักฐานระยะสั้น
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันแม้ได้รับแรงบวกจากดอลลาร์อ่อนค่า แต่ก็ถูกถ่วงด้วยความเป็นไปได้ที่ OPEC+ จะเพิ่มกำลังการผลิต และการที่อิรักกับเคอร์ดิสถานเตรียมอัดน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มอีกเกือบ 200,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งอาจกลายเป็นแรงกดดันต่อเสถียรภาพของราคาพลังงานในระยะสั้น
ภาพรวมแล้ว ทั้งทองคำและน้ำมันต่างสะท้อนความเปราะบางของตลาด ที่ขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินของเฟดควบคู่กับปัจจัยอุปทานโลก นักลงทุนจึงต้องจับตาการประชุมเฟดในเดือนตุลาคมและการตัดสินใจของ OPEC+ ในต้นเดือนเดียวกันอย่างใกล้ชิด เพราะจะเป็นตัวกำหนดทิศทางสำคัญของตลาดการเงินทั่วโลกในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ