2025-09-08
ก่อนหน้านี้ เราได้เรียนรู้วิธีการเปิดคำสั่งซื้อขายใน MT4 แล้ว แต่ในการเทรดจริง การส่งคำสั่งซื้อขายไม่ได้ง่ายเพียงแค่คลิกปุ่ม เนื่องจากสภาวะตลาดเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เทรดเดอร์จึงต้องปรับวิธีการเทรดให้สอดคล้องกับเป้าหมาย
MT4 มีคำสั่งซื้อขายหลักอยู่ 2 ประเภท คือ Market Execution และ Pending Orders
การส่งคำสั่งแบบ Market Execution คือการส่งคำสั่งซื้อขายทันทีตามราคาตลาดปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น หากทองคำกำลังซื้อขายที่ราคา 3,470.20 ดอลลาร์สหรัฐ การส่งคำสั่งซื้อแบบ Market จะถูกดำเนินการที่ราคานั้นทันที
การส่งคำสั่งแบบ Market Execution มีประโยชน์อย่างมากในสภาวะตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน โดยเทรดเดอร์สามารถติดตามแรงขับเคลื่อนของตลาด ซื้อในขาขึ้น หรือขายในขาลง
อย่างไรก็ตาม คำสั่งแบบ Market อาจได้รับผลกระทบจากสภาพสภาพคล่องของตลาด หากสภาพคล่องไม่ดี อาจเกิด Slippage ซึ่งคือราคาที่ดำเนินการจริงแตกต่างจากราคาที่แสดง ตัวอย่างเช่น หากคุณส่งคำสั่งซื้อที่ราคา 3,470.20 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ถูกดำเนินการจริงที่ 3,470.50 ดอลลาร์สหรัฐ คุณต้องจ่ายเพิ่มอีก 0.30 ดอลลารสหรัฐ เนื่องจากเกิด Slippage
Pending Orders จะถูกดำเนินการก็ต่อเมื่อราคาตลาดไปถึงราคาที่กำหนดล่วงหน้าเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากคุณตั้งคำสั่งขายไว้ที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ คำสั่งจะถูกดำเนินการก็ต่อเมื่อราคาตลาดแตะระดับนั้น มิฉะนั้นคำสั่งจะยังไม่ถูกใช้งาน
คำสั่ง Pending ช่วยให้การส่งคำสั่งมีความแม่นยำมากขึ้น คำสั่งซื้อจะถูกดำเนินการตรงตามราคาที่ตั้งไว้ แต่คำสั่งขายจะถูกดำเนินการที่ราคาที่ตั้งไว้ลบด้วยสเปรด ซึ่งหมายความว่า หากคุณตั้ง Sell Limit ที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ และราคาตลาดแตะเพียง 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ แต่สเปรดขยายตัวจากความผันผวน อาจทำให้คำสั่งไม่ไม่สำเร็จ
ดังนั้น สภาพสภาพคล่องของตลาดจึงมีความสำคัญทั้งกับคำสั่ง Market และ Pending
นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับคำสั่ง Market ปลเว MT4 ยังมี Pending Orders 4 ประเภท
คำสั่ง Pending ถือเป็นวิธีการส่งคำสั่งขั้นสูง เนื่องจากสะท้อนการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตของเทรดเดอร์ แต่ละประเภทของคำสั่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การเทรดที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. Buy Limit:
คำสั่งซื้อเพื่อซื้อที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน มักใช้เมื่อคาดว่าตลาดจะปรับตัวลดลงชั่วคราวก่อนกลับขึ้นต่อ ช่วยให้คุณสามารถ "ซื้อในช่วงราคาต่ำ" ในระดับที่ดีกว่า
2. Sell Limit:
คำสั่งขายเพื่อขายที่ราคาสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน มักใช้เมื่อคาดว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นชั่วคราวก่อนกลับลง เป็นวิธีการ "ขายเมื่อราคาขึ้น" ใกล้แนวต้าน
3. Buy Stop:
คำสั่งซื้อเพื่อซื้อที่ราคาสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน ออกแบบมาเพื่อจับการเบรคเอาต์ขึ้น หากราคาผ่านแนวต้าน คำสั่งจะถูกส่งและเข้าร่วมกับแรงขับเคลื่อนขาขึ้น
4. Sell Stop:
คำสั่งขายเพื่อขายที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน ใช้สำหรับเข้าซื้อขายในช่วงเบรคเอาต์ลง เมื่อแนวรับถูกทำลาย คำสั่งจะถูกส่งและติดตามการเคลื่อนไหวลง
เทรดเดอร์ต้องเลือกประเภทคำสั่งให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด Market Execution เหมาะกับสถานการณ์ที่ความเร็วสำคัญ ส่วน Pending Orders เหมาะกับการวางแผนเข้าตลาดอย่างมีกลยุทธ์ ความสามารถในการสลับใช้อย่างเหมาะสมช่วยให้เทรดเดอร์ปรับตัวได้ในทุกสภาวะตลาด
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ