2025-09-02
2 ก.ย. 2025 - ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) หลังจากทำสถิติแข็งค่าติดต่อกัน 5 วัน โดยแรงกดดันหลักมาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงและเคลื่อนไหวผันผวน
จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 89% ต่อความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนหน้า เพิ่มขึ้นจาก 84% เมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะเดียวกันตลาดกำลังรอข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐในสัปดาห์นี้ ทั้งตัวเลขการจ้างงาน ADP การเปลี่ยนแปลงค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ย และการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ประจำเดือนสิงหาคม ซึ่งล้วนมีผลต่อการตัดสินใจเชิงนโยบายของเฟด
ด้านออสเตรเลีย ดัชนีราคาผู้บริโภครายเดือน (CPI) เดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 2.8% YoY สูงกว่าการคาดการณ์ 2.3% และตัวเลขเดือนก่อนหน้าที่ 1.9% การเร่งตัวของเงินเฟ้อช่วยลดความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะปรับลดดอกเบี้ยในระยะใกล้ จึงยังคงเป็นแรงหนุนต่อค่าเงิน AUD
อย่างไรก็ดี ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นของออสเตรเลียสะท้อนภาพที่หลากหลาย ใบอนุญาตก่อสร้างเดือนกรกฎาคมลดลง 8.2% MoM แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลงเพียง 4.8% ขณะที่สินเชื่อภาคเอกชนขยายตัว 0.7% MoM เร็วที่สุดตั้งแต่เดือนเมษายน และเพิ่มขึ้น 7.2% YoY ซึ่งเป็นอัตราเติบโตสูงสุดตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2023 ส่วนการใช้จ่ายลงทุนภาคเอกชน (Private Capital Expenditure) เพิ่มเพียง 0.2% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.7%
ด้านเศรษฐกิจจีนที่มีผลโดยตรงต่อค่าเงิน AUD ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Caixin PMI) เดือนสิงหาคมปรับขึ้นเป็น 50.5 จาก 49.5 ในเดือนกรกฎาคม สะท้อนการกลับมาขยายตัวเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี PMI ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) อยู่ที่ 49.4 ต่ำกว่าคาดและหดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน ส่วนภาคนอกการผลิตอยู่ที่ 50.3 ทรงตัว
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับ 6 สกุลหลักดีดกลับมาแถว 97.70 หลังอ่อนค่าติดต่อกัน 5 วัน โดยนักลงทุนยังจับตาข้อมูล PCE Price Index เดือนกรกฎาคมที่สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อไม่ลดลง
ดัชนี PCE ทั่วไปทรงตัวที่ 2.6% YoY สอดคล้องกับตลาด ขณะที่ Core PCE ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.9% YoY จาก 2.8% เดือนก่อน ถือว่าสูงสุดตั้งแต่กุมภาพันธ์ และขยับขึ้น 0.2–0.3% MoM แม้เงินเฟ้อดื้อด้าน แต่เจ้าหน้าที่เฟดยังส่งสัญญาณผ่อนคลาย เช่น Mary Daly ประธานเฟดซานฟรานซิสโกระบุว่าเฟดพร้อมจะลดดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ โดยมองว่าแรงกดดันจากภาษีนำเข้าน่าจะเป็นเพียงชั่วคราว
ความไม่แน่นอนยังเพิ่มขึ้นจากการเมืองสหรัฐ หลังศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินว่าภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกเองฝ่ายเดียวถือว่าผิดกฎหมาย ทรัมป์ตอบโต้ด้วยการยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุด ขณะเดียวกัน เขายังปลด ลิซ่า คุก ออกจากตำแหน่งกรรมการเฟด สร้างแรงกังวลต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลาง
ราคาทองคำ (XAU/USD) เปิดสัปดาห์ในโซนบวกต่อเนื่อง 5 วัน แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนแถว 3,501 ดอลลาร์/ออนซ์ ก่อนอ่อนเล็กน้อยสู่ 3,4495 ดอลลาร์ ในช่วงการซื้อขายยุโรป แรงซื้อทองคำยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน นอกจากนี้ยังมีปัจจัย ความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย เช่น คำตัดสินศาลที่ชี้ว่าภาษีของทรัมป์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และความเสี่ยงต่อความเป็นอิสระของเฟด ซึ่งเพิ่มแรงจูงใจให้นักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
ฝั่งพันธบัตรสหรัฐ อัตราผลตอบแทนทรงตัว เส้น 10 ปีเคลื่อนไหวแถว 4.23% ขณะที่พันธบัตรอายุสั้น 2 ปีอ่อนลงต่อเนื่องสู่ 3.62% ซึ่งสะท้อนการคาดการณ์ของตลาดว่าการปรับลดดอกเบี้ยใกล้เข้ามา
คู่เงิน AUD/USD เคลื่อนไหวใกล้ 0.6550 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดรอบ 5 สัปดาห์ โครงสร้างทางเทคนิคยังคงบวก โดยราคายืนเหนือเส้น EMA 9 วัน หากทะลุแนวต้าน 0.6568 ได้ มีโอกาสทดสอบระดับสูงสุด 9 เดือนที่ 0.6625 แต่หากหลุดแนวรับ 0.6520–0.6502 อาจกลับเป็นขาลงและทดสอบระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือนที่ 0.6414
สำหรับทองคำ ราคายังทรงภาพกระทิงหลังเบรกกรอบสะสมหลายเดือน แนวต้านจิตวิทยาอยู่ที่ 3,500 ดอลลาร์ หากปิดรายวันเหนือระดับนี้ได้ มีโอกาสขยับสู่โซน 3,550–3,600 ขณะที่แนวรับใกล้สุดอยู่ที่ 3,450 และ 3,400 ตามลำดับ ตัวชี้วัด RSI ยังอยู่ที่ 69 สะท้อนแรงซื้อยังไม่หมด แม้เข้าเขตซื้อมากเกินไปก็ตาม
ดอลลาร์ออสซี่ที่สะดุดการปรับตัวขึ้นครั้งนี้ เป็นผลจากแรงขายทำกำไรระยะสั้นและความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลก ขณะที่แรงกดดันจากตลาดการเงินยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง การหยุดชะงักนี้สะท้อนถึงความอ่อนไหวของค่าเงินต่อทั้งปัจจัยพื้นฐานและความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ในทางกลับกัน ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดใหม่ เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอน ความคาดหวังว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ยิ่งหนุนให้ทองคำมีเสถียรภาพมากขึ้น แม้จะมีแรงขายทำกำไรในบางช่วง แต่ภาพรวมยังคงเป็นบวกและอาจสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้หากเฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินที่ชัดเจน
ภาพรวมของตลาดสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ นักลงทุนทั่วโลกยังคงจับตาการตัดสินใจของเฟดเป็นหลัก เพราะจะเป็นตัวกำหนดทิศทางค่าเงิน ดอกเบี้ย และราคาสินทรัพย์เสี่ยงในอนาคต ความผันผวนที่เกิดขึ้นในทั้งค่าเงินและทองคำจึงเป็นสัญญาณเตือนว่า ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงตัดสินใจครั้งสำคัญ ที่อาจกำหนดทิศทางการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ