2025-09-08
8 ก.ย. 2025 - ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ 32.10 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนที่ 32.18 บาทต่อดอลลาร์ โดยนักวิเคราะห์มองกรอบสัปดาห์นี้ไว้ที่ 31.85–32.45 บาทต่อดอลลาร์ และคาดว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในช่วง 32.00–32.20 บาทต่อดอลลาร์
ตั้งแต่คืนที่ผ่านมา เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังทะลุ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ แม้ยังไม่ผ่านกรอบล่างที่ 32.25–32.39 บาทต่อดอลลาร์ สอดคล้องกับการอ่อนค่าของดอลลาร์จากแรงกดดันบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวลง และราคาทองคำที่พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่
แรงกดดันต่อดอลลาร์ชัดเจนขึ้น หลังตัวเลข JOLTS เดือนกรกฎาคมลดลงเหลือ 7.18 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดเกือบ 7.4 ล้านตำแหน่ง และรายงาน Beige Book ของเฟดสะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดแรงงาน ตลาดจึงมั่นใจว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนกันยายน ขณะเดียวกันยังคาดการณ์ว่าเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และอาจต่อเนื่องถึง 4 ครั้งในปี 2026
อย่างไรก็ตาม แรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามาบางส่วน โดยเฉพาะจากฝั่งเงินเยนที่อ่อนค่า ขณะเดียวกันบรรยากาศการลงทุนที่เปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นก็กดดันราคาทองคำให้ย่อตัวลง ช่วยชะลอแรงแข็งค่าของเงินบาท
สัปดาห์ก่อนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ตลาดเร่งคาดหวังการลดดอกเบี้ยเพิ่ม กดดันทั้งดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ สำหรับสัปดาห์นี้ ตลาดจับตาตัวเลขเงินเฟ้อ CPI และ PPI ของสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่สะท้อนเงินเฟ้อคาดการณ์ ขณะเดียวกันยังเฝ้ารอดูการปรับข้อมูลแรงงานจาก BLS ที่อาจชี้การชะลอตัวแรงขึ้น
ฝั่งยุโรป คาดว่า ECB จะหยุดวงจรการลดดอกเบี้ยที่ระดับ 2% แต่ยังเปิดช่องนโยบายผ่อนคลาย หากจำเป็น สถานการณ์การเมืองฝรั่งเศสยังเป็นตัวแปรใหญ่ หลังนายกฯ François Bayrou เสี่ยงพ่ายโหวตไว้วางใจ ซึ่งอาจทำให้ประธานาธิบดี Emmanuel Macron ต้องเลือกแต่งตั้งนายกฯ ใหม่หรือยุบสภา ส่วนเอเชีย ตลาดจับตาเงินเฟ้อและการค้าเดือนสิงหาคมของจีน ขณะที่การเมืองญี่ปุ่นสั่นคลอนหลังนายกฯ Shigeru Ishiba ลาออก เสี่ยงนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ด้านไทยนักลงทุนรอติดตามการตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนสิงหาคม
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การกลับไปอ่อนค่าแรงของเงินบาท “ยาก” หลังตลาดเร่งคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย และการเมืองไทยคลี่คลาย ลดแรงกดดันจากต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทยังเผชิญ Two-Way Risk โดยมีโอกาสอ่อนค่าหรือชะลอการแข็งค่า หากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด ซึ่งจะหนุนให้ดอลลาร์และบอนด์ยีลด์รีบาวด์ขึ้น กดดันราคาทองคำและเงินบาท
นักวิเคราะห์เตือนว่าควรจับตาทิศทางราคาทองคำ (XAUUSD) และเงินหยวนจีน (CNY) อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดทิศทางค่าเงินบาทในระยะสั้น
หากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด โอกาสที่เฟดจะเร่งลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจะทำให้ดอลลาร์ถูกกดดันต่อ ส่งผลให้เงินบาทมีสิทธิ์แข็งค่าลงไปทดสอบแนวรับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากเงินเฟ้อกลับสูงกว่าคาด ตลาดอาจกลับมาซื้อดอลลาร์ทันที ทำให้เงินบาทอ่อนค่าเร็วและแรงได้
ในระยะกลางถึงปลายปี แนวโน้มเงินบาทยังขึ้นอยู่กับทิศทางนโยบายเฟดและสถานการณ์การเมืองโลกเป็นหลัก โดยเฉพาะจีนและยุโรปซึ่งมีผลต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายทั่วโลก นักลงทุนจึงต้องระมัดระวังและเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ค่าเงินบาทยังคงเดินบนเส้นทางผันผวนระหว่างแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ การตัดสินใจนโยบายการเงินของเฟด และความไม่แน่นอนทางการเมืองโลก แม้จะมีแรงหนุนให้แข็งค่าต่อจากดอลลาร์อ่อนและราคาทองคำพุ่ง แต่ความเสี่ยง Two-Way Risk ทำให้เงินบาทพร้อมจะสะดุดอ่อนค่าได้ทุกเมื่อ
นักลงทุนและผู้นำเข้าผู้ส่งออกจึงควรจับตาปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิด และเตรียมกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เพราะทิศทางข้างหน้าของเงินบาทไม่ได้มีเพียงเส้นตรง หากแต่เต็มไปด้วยโค้งหักศอกที่อาจเปลี่ยนเกมได้ตลอดเวลา
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ