Nonfarm Payrolls คืออะไร มีผลกระทบกับตลาด Forex อย่างไร

ในโลกการเงินและตลาดฟอเร็กซ์ Nonfarm คือตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยแสดงจำนวนตำแหน่งงานที่ถูกสร้างขึ้นนอกภาคเกษตรกรรม เหล่านักลงทุนจึงจับตามองอย่างใกล้ชิดเพราะสะท้อนสภาพเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ดังนั้นบทความนี้จึงขอพาไปอธิบายว่า Nonfarm คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกับตลาด Forex และข้อควรรู้สำคัญสำหรับนักเทรดเพื่อให้เข้าใจและใช้ข้อมูลนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Nonfarm Payrolls คืออะไร ทำไมทรงอิทธิพลในระบบเศรษฐกิจ

Nonfarm Payrolls (์NFP) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Nonfarm คือรายงานสถิติการจ้างงานในภาคเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่รวมงานในภาคเกษตรกรรม ซึ่งถูกจัดทำโดยกระทรวงแรงงานสหรัฐ (U.S. Bureau of Labor Statistics) และประกาศออกมาเป็นประจำทุกเดือน ตัวเลขในรายงานจะแสดงจำนวนตำแหน่งงานใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงเดือนก่อนหน้า เป็นการวัดความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจโดยรวม

โดยการเปลี่ยนแปลงของ Nonfarm Payrolls ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการขยายตัวหรือชะลอตัวของเศรษฐกิจ หากจำนวนงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมายความว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโต มีการจ้างงานมากขึ้นและความต้องการแรงงานสูง ในทางกลับกัน ถ้าจำนวนงานลดลงหรือติดลบ อาจสะท้อนภาวะชะลอตัวหรือวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น

สถิติ Nonfarm Payrolls ของปี 2025 (นับย้อนหลัง 1 เดือน)

• 7 ก.พ. : 143,000 ตำแหน่ง

• 7 มี.ค. : 151,000 ตำแหน่ง (แพ้คาดการณ์)

• 4 เม.ย. : 228,000 ตำแหน่ง

• 2 พ.ค. : 177,000 ตำแน่ง

• 6 มิ.ย. : 139,000 ตำแหน่ง

• 3 ก.ค. : 147,000 ตำแหน่ง

• 1 ส.ค. : 73 ตำแหน่ง (แพ้คาดการณ์)

Nonfarm Payrolls เกี่ยวข้องกับตลาด Forex อย่างไร?

Nonfarm คือหนึ่งในตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดสำหรับตลาด Forex โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคู่เงินที่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐ เพราะการประกาศตัวเลขนี้ไม่เพียงสะท้อนสภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ แต่ยังเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความเคลื่อนไหวของค่าเงินและความผันผวนในตลาด Forex

ดังนั้นนักเทรดทั่วโลกจึงพากันจับตามองข่าว Nonfarm Payrolls อย่างใกล้ชิด เพราะข้อมูลนี้ช่วยชี้แนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตลาดมีความเคลื่อนไหวรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประกาศข่าวออกมา

• ตัวชี้วัดสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทรงอิทธิพล
  Nonfarm Payrolls แสดงจำนวนตำแหน่งงานที่ถูกสร้างขึ้นนอกภาคเกษตร ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแรงของตลาดแรงงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก ค่าเงินดอลลาร์จึงมักตอบสนองต่อตัวเลขนี้อย่างรวดเร็ว

  
  

• ส่งผลโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
  หากจำนวนงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดหมาย จะทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เพราะนักลงทุนคาดว่าเศรษฐกิจแข็งแรง และ Fed อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อตรึงเงินเฟ้อ ในทางกลับกัน ถ้าข้อมูลต่ำกว่าคาด ดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเนื่องจากคาดว่านโยบายการเงินอาจผ่อนคลายมากขึ้น

  
  

• ความผันผวนสูงช่วงประกาศข่าว
  ช่วงเวลาที่ Nonfarm Payrolls ถูกปล่อยออกมา มักเกิดความผันผวนอย่างมากในตลาด Forex เพราะนักเทรดจำนวนมากเข้าซื้อขายอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อข่าวทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง

  
  

• ผลกระทบต่อคู่เงินหลัก
  คู่เงินยอดนิยมอย่าง EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY จะได้รับผลกระทบโดยตรงและชัดเจนจากข้อมูล Nonfarm Payrolls เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินหลักในการซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์โลก

4 ข้อควรระวังต้องรู้ก่อนเทรด Forex หลังประกาศ NFP

หลังจาก Nonfarm Payrolls ถูกประกาศออกมา ตลาด Forex มักเกิดความผันผวนสูง เนื่องจากนักเทรดจำนวนมากเข้าซื้อขายพร้อมกันเพื่อตอบสนองต่อตัวเลขที่ออกมา ไม่ว่าจะสูงหรือต่ำกว่าคาดการณ์ นักเทรดควรระมัดระวังและวางแผนกลยุทธ์อย่างรอบคอบ ดังนี้

1. ใช้คำสั่ง Stop Loss และ Take Profit อย่างเหมาะสม : การตั้ง Stop Loss ช่วยป้องกันการขาดทุนเกินควบคุมในช่วงราคาผันผวนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะช่วง 30 นาทีหลังประกาศข่าว Take-Profit ช่วยล็อกกำไรเมื่อราคาวิ่งถึงเป้าหมาย และยังช่วยให้เทรดเดอร์ไม่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ในตลาดที่เคลื่อนไหวแรง

2. ระวังการเปิดคำสั่งขนาดใหญ่ (Position Sizing) : การถือคำสั่งขนาดใหญ่เกินไปอาจทำให้พอร์ตเกิดความเสี่ยงสูงทันทีเมื่อราคาผันผวน การลดขนาดคำสั่งให้เหมาะสมกับความผันผวนและมูลค่าพอร์ตช่วยให้สามารถรับมือกับการแกว่งตัวของตลาดได้ดีขึ้น และลดโอกาสขาดทุนหนัก

3. หลีกเลี่ยงการเทรดโดยใช้เลเวอเรจสูงมาก : เลเวอเรจสูงจะทำให้กำไรและขาดทุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงประกาศ Nonfarm การใช้เลเวอเรจสูงในตลาดที่ผันผวนมากอาจทำให้บัญชีถูกล้างได้ การลดเลเวอเรจลงจะช่วยให้พอร์ตมีความยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับความผันผวนโดยไม่เสียทุนทั้งหมด

4. รอให้ตลาดนิ่งหรือยืนยันแนวโน้มก่อนเข้าเทรด : การเข้าเทรดทันทีหลังข่าวออกอาจเสี่ยงต่อการ “โดนฟลุค” ของราคา ควรรอให้ตลาดนิ่งหรือมีสัญญาณยืนยันแนวโน้ม เช่น การยืนยันแนวรับ-แนวต้านหรือสัญญาณจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ การรอเวลาสั้น ๆ อาจช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความแม่นยำในการเปิดคำสั่ง

เปิดลิสต์ 5 เทคนิคและเครื่องมือวิเคราะห์ข่าว Nonfarm

อย่างไรก็ดี แม้ Nonfarm Payrolls จะเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่ทรงพลังและมีผลกระทบสูงต่อความเคลื่อนไหวของตลาด Forex ก็จริง แต่การใช้ข้อมูลนี้เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจเทรดที่แม่นยำ นักเทรดและนักลงทุนจึงควรใช้เครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยงในการเทรด เช่น

1. อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate)

อัตราการว่างงานแสดงเปอร์เซ็นต์ของประชากรวัยทำงานที่ไม่มีงานทำแต่กำลังหางานอยู่ เป็นดัชนีชี้วัดสุขภาพตลาดแรงงานโดยตรง แม้ Nonfarm Payrolls จะแสดงจำนวนตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้น แต่หากอัตราการว่างงานยังคงสูง แสดงว่าตลาดแรงงานยังมีปัญหาเรื่องการจ้างงานที่ยั่งยืน

ทำให้เมื่อนำข้อมูลทั้งสองมาประกอบกัน จะช่วยให้เห็นภาพรวมที่สมบูรณ์กว่า เช่น งานเพิ่มขึ้นแต่คนยังว่างงานมาก อาจหมายความว่าแรงงานที่ถูกจ้างส่วนใหญ่เป็นงานชั่วคราว หรือภาคแรงงานบางส่วนยังไม่เข้าร่วมตลาดแรงงานอย่างเต็มที่

2. ค่าแรงเฉลี่ยรายชั่วโมง (Average Hourly Earnings)

ค่าแรงเฉลี่ยรายชั่วโมงแสดงแนวโน้มรายได้ของแรงงานในตลาด หากค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจบ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่สูงขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าจ้างสูงขึ้นและอาจส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวขึ้นตาม ข้อมูลนี้จึงเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับธนาคารกลางในการปรับนโยบายดอกเบี้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ เทรดเดอร์ที่เข้าใจข้อมูลนี้จะสามารถคาดการณ์ทิศทางดอลลาร์และนโยบาย Fed ได้แม่นยำกว่า

3. ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index - CPI)

CPI เป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อ โดยตัวเลขนี้สะท้อนแรงกดดันทางด้านราคาที่อาจเกิดขึ้นในเศรษฐกิจ ข้อมูล CPI ร่วมกับ Nonfarm Payrolls ช่วยให้มองเห็นว่าการเพิ่มขึ้นของงานและค่าแรงนั้นมีผลต่อเงินเฟ้อจริงหรือไม่

โดยเมื่อ CPI เพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับ Nonfarm Payrolls ที่แข็งแกร่ง จะส่งผลให้ตลาดคาดหวังการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เข้มงวดมากขึ้น และทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

4. GDP (Gross Domestic Product)

GDP คือมูลค่ารวมของสินค้าบริการที่ผลิตในประเทศ เป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งและการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม การเติบโตของ GDP ที่สอดคล้องกับตัวเลข Nonfarm Payrolls ช่วยยืนยันว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขยายตัวอย่างมั่นคง

ในทางตรงกันข้าม หาก GDP ชะลอตัว แต่ Nonfarm Payrolls ยังดี อาจเป็นสัญญาณว่าส่วนของตลาดแรงงานยังมีความแข็งแรง แต่เศรษฐกิจโดยรวมกำลังเผชิญความท้าทาย ซึ่งเป็นข้อมูลที่เทรดเดอร์ควรพิจารณาประกอบการตัดสินใจ

5. การวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis)

การวิเคราะห์เชิงเทคนิคช่วยให้เทรดเดอร์หาจุดเข้าซื้อหรือขายที่เหมาะสมร่วมกับการใช้ข้อมูลพื้นฐานจาก Nonfarm Payrolls โดยเครื่องมือยอดนิยม เช่น แนวรับ-แนวต้าน (Support and Resistance), ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), RSI และ MACD

ดังนั้นเมื่อมีข่าว Nonfarm Payrolls ที่ทำให้ตลาดผันผวนสูง การใช้เทคนิคเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยง และจับจังหวะการเปิดปิดคำสั่งซื้อขายได้แม่นยำขึ้น เพิ่มโอกาสทำกำไรในตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: Nonfarm Payrolls ประกาศออกมาเมื่อไร?

A: รายงาน Nonfarm Payrolls จะถูกประกาศในวันศุกร์แรกของทุกเดือน เวลา 8:30 น. ตามเวลาสหรัฐฯ (EST)

Q: Nonfarm Payrolls กับอัตราว่างงานมีความแตกต่างกันอย่างไร?

A: Nonfarm Payrolls แสดงจำนวนงานที่ถูกสร้างขึ้นหรือหายไป ส่วนอัตราว่างงานแสดงสัดส่วนของคนที่ไม่มีงานทำแต่กำลังหางาน

Q: ทำไมถึงไม่รวมภาคเกษตรใน Nonfarm Payrolls?

A: ภาคเกษตรมีความผันผวนตามฤดูกาลสูงและอาจทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนได้ จึงถูกแยกออกเพื่อให้ตัวเลขสะท้อนภาพรวมตลาดแรงงานที่แม่นยำขึ้น

สรุป

Nonfarm คือรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ไม่รวมภาคเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนสภาพตลาดแรงงานและภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก การเปลี่ยนแปลงของตัวเลขนี้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดและเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางนโยบายการเงินของ Fed

ซึ่งในตลาด Forex ข้อมูล Nonfarm Payrolls มีอิทธิพลอย่างมากต่อตลาดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินมักแข็งค่าหรืออ่อนค่าตามผลการประกาศ และทำให้เกิดความผันผวนสูงในช่วงเวลานั้น นักเทรดจึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและวิเคราะห์ประกอบกับข้อมูลอื่น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม การตีความข่าวนี้ต้องพิจารณาควบคู่กับข้อจำกัด เช่น การปรับปรุงข้อมูลย้อนหลัง และการเปรียบเทียบกับข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความคลาดเคลื่อน

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ