简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

10 เคล็ดลับเทรดรายวันอย่างไรให้มีกำไรมั่นคง

2025-05-21

การเทรดรายวัน (Intrading Trading) เป็นหนึ่งในรูปแบบที่มีความเคลื่อนไหวรวดเร็วและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงที่สุดในตลาดหุ้น ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนระยะยาว การเทรดรายวันเน้นไปที่ความเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้น ซึ่งต้องอาศัยการตัดสินใจที่รวดเร็ว วินัยที่เคร่งครัด และกลยุทธ์ที่ชัดเจน


แล้วนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการเริ่มต้นจะสามารถทำกำไรจากการเทรดรายวันได้อย่างไร? ในบทความนี้นี้ คุณจะได้พบกับ 10 เคล็ดลับที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรดรายวัน พร้อมคำอธิบาย ตัวอย่าง และข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจในสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


การเทรดรายวันคืออะไร?

การเทรดรายวันคืออะไร?

การเทรดรายวัน คือการเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียวกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคาระยะสั้นในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น ดัชนี Forex สินค้าโภคภัณฑ์ หรืออนุพันธ์ ซึ่งแตกต่างจากการเทรดแบบสวิง (Swing Trading) หรือการถือครองระยะยาว เนื่องจากนักเทรดรายวันจะไม่ถือสถานะข้ามคืน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นนอกเวลาทำการของตลาด


นักเทรดมักใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค รูปแบบกราฟ ข่าวสาร และอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ เพื่อหาจุดเข้าและจุดออกจากตลาด ความสำเร็จในการเทรดรายวันขึ้นอยู่กับความแม่นยำ ความรวดเร็วการบริหารเงินทุนและวินัยทางจิตวิทยา



การเทรดรายวันได้สามารถทำกำไรได้จริงหรือไม่?

คำตอบคือ ได้ การเทรดรายวันสามารถสร้างผลกำไรได้ หากคุณมีความรู้ ความพร้อม และวินัยที่ดี อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จ เพราะหลายคนมักขาดการเตรียมตัว ไม่มีแผนที่ชัดเจน หรือไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม จึงนำไปสู่การขาดทุน


การเทรดรายวันเป็นทักษะที่ต้องอาศัยการฝึกฝน การวางกลยุทธ์ และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากคุณปฏิบัติตามคำแนะนำและเทคนิคที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว โอกาสประสบความสำเร็จก็จะสูงขึ้น และความเสี่ยงที่จะขาดทุนโดยไม่จำเป็นก็จะลดลงตามไปด้วย


10 เคล็ดลับในการทำกำไรจากการเทรดรายวัน

เคล็ดลับในการทำกำไรจากการเทรดรายวัน

1. เลือกหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงเพื่อการดำเนินการที่ดีขึ้น

สภาพคล่องถือเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดรายวัน หุ้นที่มีสภาพคล่องสูงจะช่วยให้นักเทรดสามารถเข้าและออกจากสถานะได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทำให้ราคาผันผวนมากเกินไป หุ้นลักษณะนี้มักมีปริมาณการซื้อขายสูง ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อกับเสนอขาย (Bid-Ask Spread) แคบ และสะท้อนราคาตลาดได้แม่นยำกว่า


ตัวอย่างของสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง ได้แก่:

  • หุ้นขนาดใหญ่ เช่น Apple, Reliance Industries หรือ TCS

  • ETF ที่อิงตามดัชนี เช่น SPY หรือ NIFTYBEES

  • คู่สกุลเงินหลัก เช่น EUR/USD หรือ USD/JPY


ควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำหรือปริมาณการซื้อขายน้อย เพราะอาจทำให้เกิด Slippage และยากต่อการปิดสถานะในราคาที่ต้องการ



2. วางขีดจำกัดกำไรและขาดทุนในแต่ละวันให้ชัดเจน

สิ่งสำคัญอีกข้อคือต้องกำหนดขีดจำกัดการทำกำไรและขาดทุนในแต่ละวันให้ชัดเจน เมื่อถึงเป้าหมายแล้วควรหยุดเทรดทันที วิธีนี้จะช่วยลดการเทรดตามอารมณ์ และจำกัดความเสียหายในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน


ตัวอย่างเช่น หากคุณตั้งขีดจำกัดการขาดทุนไว้ที่ 2% ของเงินทุนในแต่ละวัน เมื่อติดลบถึงจุดนั้นก็ควรหยุดเทรดทันที แม้ว่าคุณจะคิดว่าการเทรดครั้งต่อไปอาจได้กำไรก็ตาม


การตั้งขอบเขตแบบนี้ช่วยป้องกันไม่ให้คุณเทรดด้วยอารมณ์ ช่วยควบคุมความเสี่ยง และทำให้การเทรดของคุณยั่งยืนมากขึ้นในระยะยาว



3. เทรดตามแนวโน้มอย่าฝืนทิศทางของตลาด

สิ่งที่นักเทรดรายวันหลายคนมักพลาดคือการพยายามจับจังหวะการกลับตัวของราคา ทั้งที่จริงแล้วการเทรดตามแนวโน้มที่ชัดเจนมักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ดังนั้น ควรใช้เครื่องมืออย่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เส้นแนวโน้ม หรืออินดิเคเตอร์ที่เกี่ยวกับปริมาณการซื้อขาย เพื่อช่วยวิเคราะห์ว่าตลาดกำลังเคลื่อนไปในทิศทางใด


ตัวอย่างเช่น หากตลาดกำลังเป็นขาขึ้น แล้วราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ นั่นอาจเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อ อย่าพยายามสวนกระแสตลาด เว้นแต่จะมีสัญญาณทางเทคนิคที่ชัดเจนและมีการยืนยันแนวโน้มกลับตัวแล้วเท่านั้น



4. ใช้ Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง

Stop Loss คือเครื่องมือจัดการความเสี่ยงที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยปิดสถานะให้โดยอัตโนมัติเมื่อราคาวิ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของคุณ การไม่ตั้ง Stop Loss เท่ากับการเปิดโอกาสให้การขาดทุนเล็กน้อยลุกลามกลายเป็นความเสียหายรุนแรงได้ในพริบตา


ก่อนเปิดสถานะใด ๆ ควรกำหนดความเสี่ยงที่คุณรับได้ต่อการเทรดแต่ละครั้ง เช่น ไม่เกิน 1% ของเงินทุน และตั้งจุด Stop Loss ให้เหมาะสมกับแนวรับหรือแนวต้านในเชิงเทคนิค วิธีนี้จะช่วยปกป้องพอร์ตของคุณและทำให้คุณอยู่ในเกมได้ยาวนานขึ้น



5. เรียนรู้การอ่านกราฟและรูปแบบต่าง ๆ

การวิเคราะห์ทางเทคนิคคือหัวใจของการเทรดรายวัน คุณควรฝึกอ่านกราฟแท่งเทียน ระบุแนวรับแนวต้านและรู้จักรูปแบบกราฟที่สำคัญ เช่น

  • Flags และ Pennants

  • Double Top และ Double Bottom

  • Head and Shoulders

  • การทะลุแนวรับหรือแนวต้าน (Breakout/Breakdown)


รูปแบบเหล่านี้จะช่วยให้คุณคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาได้แม่นยำยิ่งขึ้น และหาจุดเข้าออกที่มีโอกาสทำกำไรสูง หากผสานเข้ากับอินดิเคเตอร์ประเภทปริมาณการซื้อขายหรือโมเมนตัม ยิ่งคุณชำนาญในการอ่านกราฟมากเท่าไหร่ ความมั่นใจและความแม่นยำในการเทรดของคุณก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย



6. เลือกกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะกับตัวคุณ

การเทรดรายวันไม่ได้มีกลยุทธ์เดียวที่เหมาะกับทุกคน เพราะแต่ละคนมีนิสัยความเสี่ยงและเวลาที่ใช้เทรดต่างกัน ดังนั้น ควรหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองจริง ๆ


ตัวอย่างกลยุทธ์ยอดนิยมที่ใช้ เช่น

  • Breakout Trading: ซื้อเมื่อราคาทะลุแนวต้าน หรือขายเมื่อราคาต่ำกว่าแนวรับ

  • Scalping: เทรดหลาย ๆ ครั้งในหนึ่งวัน เพื่อเก็บกำไรเล็ก ๆ จากการเคลื่อนไหวของราคา

  • Momentum Trading: เข้าเทรดตอนที่ปริมาณซื้อขายและแนวโน้มราคากำลังแรง

  • Reversal Trading :มองหาจังหวะราคาที่ขึ้นหรือลงมากเกินไป เพื่อคาดการณ์ว่าราคาจะเปลี่ยนทิศทาง


อย่าลืมทดสอบกลยุทธ์ของคุณกับข้อมูลย้อนหลัง และปฏิบัติตามแผนอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนกลยุทธ์บ่อย ๆ แค่เพราะผลลัพธ์ช่วงสั้น ๆ


7. จับจังหวะเวลาการเทรดให้เหมาะสมกับช่วงเวลาตลาด

เวลาเป็นสิ่งสำคัญมากในการเทรดรายวัน เพราะแต่ละช่วงเวลาของตลาดจะมีความเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน เช่น

  • ช่วงเปิดตลาด (9:15–10:30 น. ตามเวลา IST หรือ 9:30–11:00 น. ตามเวลา EST) เป็นช่วงที่ตลาดผันผวนสูงและปริมาณการซื้อขายมาก เหมาะกับการเทรดแบบ Breakout Trading

  • ช่วงกลางวัน ตลาดจะค่อนข้างนิ่ง และสัญญาณเทรดมักไม่น่าเชื่อถือ

  • ช่วงปิดตลาด จะมีความเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น เพราะนักเทรดปิดสถานะของตัวเอง


ถ้าคุณเข้าใจจังหวะเหล่านี้ จะช่วยวางแผนว่า ควรเทรดตอนไหน และควรพักช่วงไหน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


8. หลีกเลี่ยงการเทรดมากเกินไปและการเทรดเพื่อล้างทุน

การเทรดมากเกินไปมักเกิดจากความใจร้อนหรืออารมณ์ที่ไม่มั่นคง เช่น เมื่อขาดทุนแล้วอยากเอาคืนทันที หรือพยายามเทรดโดยไม่มีสัญญาณที่ชัดเจน ซึ่งมักนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาด ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการขาดทุนที่มากกว่าเดิม


ควรกำหนดจำนวนการเทรดในแต่ละวันให้ชัดเจน เน้นการเทรดที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ และถ้าเจอช่วงขาดทุนติดต่อกัน ควรหยุดพักก่อน อย่ารีบเทรดหนักเพื่อล้างทุน เพราะคือกับดักที่ทำให้บัญชีของคุณพังเร็วที่สุด การมีวินัยและควบคุมตัวเองให้ได้ คือกุญแจสำคัญของนักเทรดรายวันที่ประสบความสำเร็จ


9. จดบันทึกการเทรดเพื่อติดตามและพัฒนา

การจดบันทึกช่วยให้เรารู้ว่าแต่ละการเทรดได้ผลอย่างไร และช่วยให้เห็นจุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเอง ควรจดรายละเอียดทุกครั้ง เช่น

  • ราคาที่เข้าและออก

  • เวลาที่เทรด

  • กลยุทธ์ที่ใช้

  • เหตุผลที่ตัดสินใจเทรด

  • ผลลัพธ์ (กำไร/ขาดทุน)

  • สิ่งที่ทำได้ดีหรือผิดพลาด


ทบทวนบันทึกเป็นประจำ เพื่อประเมินความสม่ำเสมอและปรับปรุงกลยุทธ์ นี่คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยพัฒนาให้เป็นนักเทรดที่เก่งขึ้น


10. ติดตามข่าวสารตลาดอย่างต่อเนื่อง

นักเทรดรายวันต้องติดตามข่าวเศรษฐกิจ ผลประกอบการบริษัท และข่าวสำคัญอื่น ๆ เพราะเหตุการณ์เหล่านี้อาจทำให้ราคาหุ้นผันผวนอย่างรวดเร็ว และส่งผลต่อการตัดสินใจเทรดของเรา


แนะนำให้ใช้ปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อติดตามข่าวสำคัญ เช่น

  • การประกาศอัตราดอกเบี้ย

  • ข้อมูลเงินเฟ้อ

  • รายงานการจ้างงาน

  • ผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ


การเทรดช่วงที่มีข่าวใหญ่ ๆ อาจเสี่ยงสูง จึงควรระมัดระวัง หรือหลีกเลี่ยงถ้าไม่ถนัดกลยุทธ์ที่เน้นข่าว


นอกจากนี้ ควรจับความรู้สึกของตลาดว่ามีแนวโน้มขาขึ้น (Bullish) หรือขาลง (Bearish) เพราะจะช่วยให้เข้าใจภาพรวมและคาดการณ์ราคาหุ้นในกลุ่มต่าง ๆ ได้ดีขึ้น


การเทรดรายวันเหมาะกับคุณหรือไม่?


การเทรดรายวันไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เพราะต้องใช้เวลา สมาธิ และการควบคุมอารมณ์สูง ถ้าคุณชอบวิเคราะห์กราฟ ตัดสินใจได้เร็ว และทำงานได้ดีเมื่อต้องเผชิญกับความกดดัน การเทรดรายวันอาจเหมาะกับคุณ


แต่ถ้าคุณชอบจังหวะที่ช้าลง หรือมีงานประจำอยู่แล้ว อาจลองพิจารณาการเทรดแบบสวิง (Swing Trading) หรือการลงทุนระยะยาวแทน เพราะสิ่งสำคัญคือการหาวิธีเทรดที่เข้ากับไลฟ์สไตล์และจิตใจของตัวเอง


สรุป


การทำกำไรจากการเทรดรายวันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทางลัดสู่ความร่ำรวยทันที การเทรดแบบนี้ต้องอาศัยวินัย การเตรียมตัวที่รอบคอบ กลยุทธ์ที่เหมาะสม และความอดทนอย่างมาก หากคุณปฏิบัติตามคำแนะนำ 10 ข้อในบทความนี้ จะช่วยให้คุณสร้างพื้นฐานที่มั่นคง สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาผลงานของตัวเองให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว


ความสำเร็จไม่ได้มาจากการชนะทุกการเทรด แต่เกิดจากความสม่ำเสมอ การจำกัดขาดทุน และการใช้ข้อได้เปรียบของตัวเองอย่างชาญฉลาดในระยะยาว จงเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง รักษาความถ่อมตัวและมองการเทรดเป็นการเดินทางระยะยาว ไม่ใช่แค่แผนรวยเร็ว


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
เส้นทางสู่ Day Trader มืออาชีพ เริ่มต้นได้จากที่บ้าน
ทำความรู้จักโบรกเกอร์ Forex พร้อมเคล็ดลับการเลือกโบรกเกอร์
Premarket Trading คืออะไร? ข้อดี ข้อเสีย และกลยุทธ์
เริ่มเทรดยังไงให้ปัง! เทคนิคเด็ดสำหรับนักเรียน
ซื้อขายสกุลเงินอย่างมั่นใจ: เคล็ดลับและเครื่องมือสำคัญ