เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-30
หากคุณกำลังติดตาม ราคาทองวันนี้ล่าสุด เพื่อหาจังหวะเข้าทำกำไร ข้อมูลจากฮั่วเซ่งเฮงล่าสุดระบุว่า ปี 2569 จะเป็นอีกหนึ่ง "ปีทอง" ที่ราคามีโอกาสพุ่งทะยานต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยประเมินเป้าหมายสูงสุดไว้ที่ 76,200 บาท (หรือ $5,200) แม้ความร้อนแรงอาจจะลดระดับลงจากปี 2568 ที่พุ่งแรงกว่า 70% แต่โครงสร้างราคาในภาพรวมยังคงเป็นขาขึ้น

ในช่วงต้นปี 2569 การเปลี่ยนตัวประธานเฟด (Fed) คนใหม่ มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ยุค "ดอกเบี้ยขาลง" อย่างเต็มตัว ซึ่งมักจะเป็นปัจจัยบวกโดยตรงที่หนุนให้ ราคาทองคำวันนี้ และในอนาคตมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์
ต้นทุนค่าเสียโอกาสลดลง (Lower Opportunity Cost): ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีดอกเบี้ย (Non-yielding asset) เมื่อดอกเบี้ยเงินฝากและพันธบัตรลดต่ำลง ทองคำจะดูน่าสนใจขึ้นทันทีเมื่อเทียบกับการถือดอลลาร์กินดอกเบี้ย
ดอลลาร์อ่อนค่า (Weaker Dollar): ดอกเบี้ยที่ลดลงมักกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เมื่อดอลลาร์ถูกลง ราคาทองคำ (ซึ่งซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์) มักจะดีดตัวสูงขึ้นในทางเทคนิค
Real Yield ต่ำลง: หากเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ (แม้จะลดลงบ้าง) แต่ดอกเบี้ยลดลงเร็วกว่า จะทำให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yield) ลดลง ซึ่งเป็นสภาวะที่ทองคำมักทำกำไรได้ดีที่สุด
หลังจากเงินไหลออกไปหลายปี ในปี 2568-2569 เราได้เห็นเม็ดเงินมหาศาลจากกองทุน ETF ทองคำไหลกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันที่มองว่าทองคำคือหลุมหลบภัยชั้นดี
ธนาคารกลางทั่วโลก เช่น จีน โปแลนด์ และเซอร์เบีย ยังคงเดินหน้ากว้านซื้อทองคำเข้าทุนสำรองเพื่อลดความเสี่ยงจากการถือครองดอลลาร์ ทำให้ความต้องการ (Demand) ในตลาดโลกแข็งแกร่งมาก
ปัจจุบันทองคำไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในรูปพรรณหรือแท่ง แต่กลุ่มผู้ดูแล Stablecoin อย่าง Tether ได้หันมาสำรองทองคำเพิ่มขึ้นหลายสิบตัน เชื่อมโยงโลกการเงินเดิมกับโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน
ไม่ใช่แค่เก็งกำไร แต่คือ "เงินทุนสำรอง": บริษัทอย่าง Tether (ผู้ผู้ออกเหรียญ USDT) มีนโยบายจัดสรรกำไรส่วนหนึ่งไปซื้อ "ทองคำแท่งจริง" (Physical Gold) เพื่อเก็บเป็นทุนสำรอง (Reserve) ความน่าสนใจคือการซื้อของพวกเขาเป็นการ ซื้อขาดและเก็บยาว เพื่อความมั่นคง ไม่ใช่ซื้อมาขายไป
ผลกระทบ: การกระทำนี้สร้าง Demand ถาวร ในตลาดทองคำ คล้ายกับการที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ซื้อทองคำเก็บเข้าคลัง แต่มาในรูปแบบของบริษัทเอกชนด้านเทคโนโลยีที่มีเงินสดล้นมือ
นี่คือหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ค่ะ คือการนำสินทรัพย์ในโลกจริง (Gold) มาแปลงเป็นโทเคนดิจิทัล (Tokenization) เช่น Tether Gold (XAUT) หรือ Pax Gold (PAXG)
สภาพคล่องสูง (High Liquidity): ปกติทองคำแท่งซื้อขายยาก ต้องไปร้านทอง แต่พอเป็น Token ทองคำ มันซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง ทั่วโลก ในเสี้ยววินาที
การแบ่งหน่วยย่อย (Divisibility): ทองคำแท่ง 1 บาทต้องใช้เงิน 40,000+ บาท แต่ในโลกดิจิทัล คุณซื้อทองคำมูลค่าเพียง 100 บาท หรือ 0.00001 ออนซ์ก็ได้ ทำให้คนรุ่นใหม่ (Gen Z) เข้าถึงทองคำได้ง่ายขึ้นมหาศาล
ในโลกการเงินดิจิทัล นักลงทุนเริ่มนำ "Token ทองคำ" ไปวางค้ำประกัน (Collateral) เพื่อกู้ยืมเงิน Stablecoin ออกมาหมุนเวียน
นัยสำคัญ: มันทำให้ทองคำที่เคยเป็น "สินทรัพย์ที่นอนนิ่งๆ" (Idle Asset) กลายเป็นสินทรัพย์ที่ "ทำงานได้" (Productive Asset) ในโลกดิจิทัล นี่คือสาเหตุที่เม็ดเงินจากโลกคริปโทฯ ไหลกลับเข้ามาหนุนราคาทองคำจริงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ ราคาทอง ในปี 2569 ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ 2 รูปแบบที่น่าสนใจ:
ระยะยาว: แนะนำการออมทองแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนและสร้างวินัยทางการเงิน
ระยะสั้น: เน้นการเข้าซื้อตามรอบย่อตัว ไม่แนะนำให้ไล่ราคาเมื่อพุ่งสูงเกินไป และต้องมีการวางแผนจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจน
ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ