เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-29
สวัสดีค่ะนักลงทุนทุกท่าน เช้านี้ตลาดการเงินเริ่มต้นสัปดาห์ส่งท้ายปี 2025 ด้วยความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะ ค่าเงินบาทวันนี้ (29 ธ.ค. 68) ที่เปิดตลาดอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 31.12 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าลงจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า (31.04 บาทต่อดอลลาร์) สาเหตุหลักมาจากแรงเทขายทำกำไรในตลาดทองคำและการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์
สำหรับนักเทรดและนักลงทุนที่กำลังมองหาจังหวะเข้าทำกำไรในช่วงตลาดผันผวนแบบนี้ การเลือกโบรกเกอร์ที่มั่นใจได้อย่าง EBC Financial Group จะช่วยให้คุณไม่พลาดทุกโอกาสสำคัญด้วยการส่งคำสั่งที่รวดเร็วและกราฟราคาที่แม่นยำ

จากการวิเคราะห์โดยคุณพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS พบว่าปัจจัยหลักที่กดดันเงินบาทมีดังนี้:
แรงขายทองคำ: ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวลดลงจากโซน 4,540 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับ 4,490 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากแรงขายทำกำไรช่วงสิ้นปี ทำให้มีกระแสเงินทุนไหลออกกดดันค่าเงินบาท
การเคลื่อนไหวของดอลลาร์: แม้เงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวแบบ Sideways แต่จังหวะย่อตัวของดอลลาร์ช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทไว้ได้บ้าง
Expert Insight: กรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้คาดว่าจะอยู่ที่ 30.90 - 31.35 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบวันนี้อยู่ที่ 31.05 - 31.20 บาทต่อดอลลาร์
หากคุณเห็นจังหวะกราฟสวิงตัวแบบนี้ การเทรด Forex กับ EBC Financial Group ที่มีสเปรดต่ำ จะช่วยให้คุณบริหารต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเทรดฝั่งซื้อหรือฝั่งขาย
แม้วันนี้เงินบาทจะอ่อนค่า แต่ภาพรวมระยะยาวจนถึงไตรมาสแรกของปี 2026 เรายังประเมินว่า เงินบาท ยังมีแนวโน้ม "แข็งค่าขึ้น" ได้อยู่ครับ แต่ในระยะสั้นช่วงส่งท้ายปีนี้ อาจเห็นการชะลอตัวบ้างเพราะตลาดรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ
ช่วงหยุดยาวปีใหม่ ปริมาณธุรกรรมในตลาดจะเบาบาง (Thin Market) ทำให้กราฟมีโอกาสเหวี่ยงแรงได้ทั้งสองทิศทาง หากมีข่าวหรือโฟลว์ธุรกรรมใหญ่ๆ เข้ามา โดยเฉพาะ:
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ: หากการจ้างงานออกมาดีกว่าคาด ดอลลาร์อาจแข็งค่ากดดันบาท
ราคาทองคำ: หากทองคำพักฐาน หรือพุ่งขึ้นจากแรงซื้อ FOMO (Fear of Missing Out) ก็จะกระทบค่าเงินบาทโดยตรง
ปัจจัยภายใน: เช่น ความกังวลเรื่องการเมือง หรือปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ
จากโมเดลประเมินมูลค่าเหมาะสม (Fair Value) พบว่าราคาที่แท้จริงของเงินบาทควรอยู่ที่ 33-34 บาทต่อดอลลาร์ ดังนั้น ระดับที่ต่ำกว่า 30.75 บาทต่อดอลลาร์ ถือว่าเงินบาท "แข็งค่าเกินจริง" (Overvalued) ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะดีดกลับมาอ่อนค่าได้ในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า นี่คือจังหวะที่นักลงทุนระยะกลางควรจับตามองอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้คุณวางแผนการเทรดกับ EBC Financial Group ได้อย่างแม่นยำ นี่คือปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ครับ:
ฝั่งสหรัฐฯ: ลุ้นยอดจ้างงานภาคเอกชน (ADP) และรายงานการประชุมเฟด (FOMC Minutes) ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยถึง 2-3 ครั้งในปี 2026
ฝั่งยุโรป: ติดตามสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน หลังมีความพยายามเจรจายุติสงคราม แต่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน
ฝั่งเอเชีย: จับตา PMI ภาคการผลิตของจีน เพื่อดูสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ฝั่งไทย: ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรม

ในภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูงและมีปัจจัยซับซ้อนเช่นนี้ การมี Partner ที่ดีคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ EBC Financial Group พร้อมสนับสนุนนักลงทุนทุกท่านด้วย:
เครื่องมือเทรดระดับโลก: เข้าถึงข้อมูลและส่งคำสั่งได้รวดเร็ว
ความน่าเชื่อถือ: เรายึดมั่นในความโปร่งใสและมาตรฐานระดับสากล
ฝ่ายบริการลูกค้า: ทีมงานมืออาชีพพร้อมดูแลและให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง (ในวันทำการ)
ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ