เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-04
Bollinger Bands ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นความผันผวนได้ทันที ว่าราคากำลังร้อนแรง กำลังเย็นลง หรือกำลังเตรียมตัวจะเกิดการเบรกเอาท์
ในฐานะหนึ่งในอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในยุคปัจจุบัน Bollinger Bands มอบกรอบการวิเคราะห์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังสำหรับทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาด
ด้วยการผสมผสานค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เข้ากับแถบบนและล่างที่อิงตามความผันผวน อินดิเคเตอร์นี้ช่วยให้เทรดเดอร์ตีความจุดสุดโต่งของราคา ความแข็งแรงของเทรนด์ และจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้ในตลาดฟอเร็กซ์ หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโทเคอร์เรนซี
Bollinger Band คืออินดิเคเตอร์ที่อิงกับความผันผวน โดยจะแสดงค่าเฉลี่ยของราคา พร้อมแถบบนและล่างเพื่อบอกว่าราคาเคลื่อนไหวสูงหรือต่ำเพียงใดเมื่อเทียบกับกิจกรรมของตลาดในช่วงที่ผ่านมา
อินดิเคเตอร์นี้ประกอบด้วยเส้น 3 เส้นที่ล้อมรอบราคา ได้แก่ เส้นค่าเฉลี่ยตรงกลาง แถบบน และแถบล่าง
แถบเหล่านี้จะขยายออกเมื่อความผันผวนเพิ่มขึ้น และจะหดแคบลงเมื่อความผันผวนลดลง ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจสภาวะตลาดและระบุจุดที่ราคาอาจเคลื่อนไหวสุดขั้วได้

ตารางนี้ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นภาพความสัมพันธ์ระหว่างราคาและความผันผวนล่าสุดได้อย่างชัดเจน
| องค์ประกอบ | คำอธิบาย |
|---|---|
| Middle Band | เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบธรรมดา (SMA) โดยทั่วไปตั้งไว้ที่ 20 ช่วงเวลา |
| Upper Band | ค่า SMA บวกกับตัวคูณส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน |
| Lower Band | ค่า SMA ลบด้วยตัวคูณส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน |
| การเคลื่อนไหวตามความผันผวน (Volatility-Based Movement) | แถบจะขยายเมื่อความผันผวนสูง และหดตัวเมื่อความผันผวนต่ำ |
ระบุสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และขายมากเกินไป (Oversold)
ตรวจจับช่วงที่ความผันผวนพุ่งสูงหรือช่วงที่ความผันผวนถูกบีบตัว
สนับสนุนกลยุทธ์การตามเทรนด์
คาดการณ์การเบรกเอาท์หลังจากช่วงพักตัวหรือสะสมราคา
ยืนยันจุดเข้าเทรดร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น เช่น RSI หรือ MACD
สูตรของ Bollinger Bands ประกอบด้วย 3 เส้น ได้แก่ เส้นกลางซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบธรรมดา (SMA) ส่วนแถบบนและแถบล่างคำนวณจากการบวกหรือลบค่าตัวคูณของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานออกจากเส้นกลาง
สูตรที่นิยมใช้ทั่วไปคือ SMA 20 ช่วงเวลา และตัวคูณส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2 เท่า
สูตรคำนวณ:
Upper Band = 20-day SMA + (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของราคา 20 วัน × 2)
Middle Band = 20-day Simple Moving Average (SMA)
Lower Band = 20-day SMA − (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของราคา 20 วัน × 2)

เมื่อราคาเข้าใกล้หรือแตะแถบบน หมายความว่าตลาดกำลังเคลื่อนไหวอยู่บริเวณระดับบนของช่วงราคาในระยะหลัง
สิ่งนี้ไม่ได้แปลว่า “ควรขายทันที” แต่บ่งบอกว่า:
ราคามีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวล่าสุด
ตลาดอาจกำลังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น
การเคลื่อนไหวอาจต่อเนื่องได้ หากโมเมนตัมยังแข็งแรง
หากจะมองกลับตัว ควรใช้เครื่องมืออื่นเพื่อยืนยัน
เมื่อราคาเคลื่อนลงไปใกล้หรือแตะแถบล่าง หมายความว่าตลาดกำลังเคลื่อนในระดับล่างของช่วงราคาในระยะหลัง ซึ่งบ่งบอกว่า:
มีความอ่อนแอหรือแรงกดดันฝั่งขาย
เทรนด์ขาลงอาจยังดำเนินต่อ
การดีดกลับมีโอกาสเกิดขึ้น แต่ต้องยืนยันด้วยอินดิเคเตอร์อื่น
เส้นกลางทำหน้าที่คล้าย “โซนมูลค่าระยะสั้น” หรือจุดสมดุลของราคา
เมื่อราคาเคลื่อนเหนือเส้นกลาง:
ฝั่งซื้อมีอิทธิพลมากกว่า
ตลาดอาจกำลังเข้าสู่เทรนด์ขาขึ้น
เมื่อราคาเคลื่อนต่ำกว่าเส้นกลาง:
ฝั่งขายมีความแข็งแกร่งกว่า
เทรนด์อาจกำลังเปลี่ยนเป็นขาลง
เมื่อแถบบนและแถบล่างถ่างออกจากกัน แสดงว่าความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้น
สิ่งนี้สามารถบ่งชี้ว่า:
มีการเคลื่อนไหวแบบเทรนด์แรง
เกิดการเบรกเอาท์ที่มีโมเมนตัมสูง
เทรนด์ปัจจุบันอาจมีโอกาสดำเนินต่อ
แถบที่ขยายกว้างมักเกิดหลังข่าวแรง หรือระหว่างขาเทรนด์ที่ชัดเจน
“Squeeze” เกิดขึ้นเมื่อแถบทั้งสองเคลื่อนเข้าใกล้กันมาก แสดงถึง:
ความผันผวนต่ำ
ตลาดกำลังถูกบีบตัว
เบรกเอาท์แรง ๆ อาจกำลังจะเกิดขึ้น
สัญญาณ Squeeze ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญที่สุดของ Bollinger Bands
ในเทรนด์ที่แข็งแรง ราคาอาจ “เดินตามแถบ” ทั้งบนหรือล่าง
เดินตามแถบบน = ความแข็งแกร่งของฝั่งซื้อ (Bullish)
เดินตามแถบล่าง = ความแข็งแกร่งของฝั่งขาย (Bearish)
สัญญาณนี้สื่อถึงการต่อเนื่องของเทรนด์มากกว่าเป็นสัญญาณกลับตัว
Bollinger Bands ไม่ควรใช้เดี่ยว ๆ เพื่อเข้าเทรด เพราะราคาอาจแตะแถบซ้ำ ๆ ในช่วงเทรนด์แรง เทรดเดอร์จึงนิยมใช้การยืนยันร่วมกับ:
RSI (ตรวจโมเมนตัมหรือไดเวอร์เจนซ์)
Volume (ยืนยันการเบรกเอาท์)
แพทเทิร์นแท่งเทียน (สัญญาณปฏิเสธราคา / สัญญาณต่อเนื่อง)
แนวรับและแนวต้าน
ลองนึกภาพคู่สกุลเงินที่เทรดอยู่บริเวณ 1.1000 ตลอดหลายวันที่ผ่านมา
บนกราฟของคุณ ระบบจะคำนวณค่าเฉลี่ยของแท่งเทียน 20 แท่งล่าสุด และได้ค่า SMA 20 วัน = 1.1050
ค่านี้คือ Middle Band
ตลาดมีการแกว่งตัวปานกลาง และแพลตฟอร์มวัดความผันผวนได้เป็นส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ) เท่ากับ 0.0025 ซึ่งเมื่อใช้ตัวคูณ 2 ตามสูตร Bollinger Bands ระบบจะคำนวณ “volatility cushion” จาก:
SMA + (σ × 2)
= 1.1050 + (0.0025 × 2)
= 1.1050 + 0.0050
= 1.1100
SMA − (σ × 2)
= 1.1050 − (0.0025 × 2)
= 1.1050 − 0.0050
= 1.1000
Middle Band: 1.1050
Upper Band: 1.1100
Lower Band: 1.1000
เทรดเดอร์จะอ่านข้อมูลนี้อย่างไร
ถ้าราคาเคลื่อนขึ้นใกล้ 1.1100 หมายความว่าราคาอยู่ด้านบนของช่วงความผันผวนล่าสุด
ถ้าราคาลงใกล้ 1.1000 หมายความว่าอยู่ด้านล่างของช่วงความผันผวนล่าสุด
ถ้าแถบกว้างมาก → ตลาดกำลังมีความผันผวนสูง
ถ้าแถบแคบมาก → ตลาดสงบ อาจกำลังเตรียมเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
คือการวัดว่าราคา “แกว่งตัวมากแค่ไหน” ในช่วงล่าสุด
การแกว่งตัวมาก → ค่า cushion ใหญ่
การแกว่งตัวน้อย → ค่า cushion เล็ก
สมมติว่าราคาแตะแถบบนสองครั้งในขณะที่แถบกำลังขยาย มือใหม่อาจคิดว่า “ถึงแถบบน = ต้องขาย”แต่จริง ๆ แล้ว Bollinger Bands ไม่ได้บอกจุดเข้าออกโดยตรง การแตะแถบบนหมายถึงราคากำลังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับความผันผวนล่าสุด ไม่ได้เป็นสัญญาณกลับตัวเสมอไป
เทรดเดอร์ควรใช้การยืนยันร่วมกับเครื่องมืออื่น เช่น RSI divergence แพทเทิร์นแท่งเทียน เส้นเทรนด์ (trendline) หรือโซนแนวรับ–แนวต้าน
ตัวอย่างนี้แสดงให้เทรดเดอร์เห็นว่า Bollinger Bands ควรใช้ตามบริบท ไม่ควรใช้เดี่ยว ๆ
| อินดิเคเตอร์ | โฟกัสหลัก | ความแตกต่าง |
|---|---|---|
| Bollinger Bands | ความผันผวนและระดับราคาที่สุดขั้ว | ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน |
| Keltner Channels | ช่องราคา (Price Channels) | ใช้ค่า ATR แทนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน |
| ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) | ทิศทางเทรนด์ | ไม่มีองค์ประกอบด้านความผันผวน |
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: ค่าเฉลี่ยของราคาย้อนหลัง ใช้เพื่อลดสัญญาณรบกวนของตลาดและช่วยให้เห็นทิศทางเทรนด์ชัดขึ้น
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน: ตัวชี้วัดทางสถิติที่บอกว่าราคาแกว่งออกจากค่าเฉลี่ยมากน้อยแค่ไหน ใช้บ่อยในการวัดความผันผวน
ความผันผวน: ระดับความเร็วและขนาดของการเปลี่ยนแปลงราคาในช่วงเวลาหนึ่ง
RSI (Relative Strength Index ) : อินดิเคเตอร์โมเมนตัมที่วัดความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวราคา เพื่อหาสภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
การเบรกเอาต์: การเคลื่อนไหวของราคาที่ทะลุแนวต้านหรือหลุดแนวรับ ซึ่งมักบ่งบอกถึงการเริ่มต้นของเทรนด์ใหม่
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เริ่มใช้ค่า 20 periods และ 2 standard deviations ซึ่งเป็นค่าพื้นฐานที่นิยมที่สุด
ใช้ได้ทุกกรอบเวลา แม้จะได้รับความนิยมบนกราฟ 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง และรายวัน แต่สามารถใช้กับกรอบเวลาใดก็ได้
Bollinger Bands ไม่สามารถทำนายการกลับตัวได้ด้วยตัวมันเอง การแตะแถบบนหรือล่างแสดงถึงระดับราคาที่สุดขั้ว แต่ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าราคาจะกลับตัวแน่นอน
Bollinger Bands ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นภาพความผันผวนของตลาดได้อย่างชัดเจน โดยการแสดงเส้นค่าเฉลี่ยพร้อมแถบบนและล่างแบบไดนามิก
แถบเหล่านี้จะปรับขยายหรือหดตัวตามการเคลื่อนไหวของราคา ช่วยให้เทรดเดอร์ระบุโซนซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไป สังเกตช่วงที่ตลาดถูกบีบตัว และประเมินความแข็งแรงของเทรนด์
แม้ Bollinger Bands จะใช้งานง่ายและเหมาะกับมือใหม่ แต่ให้ผลดีที่สุดเมื่อใช้งานร่วมกับเครื่องมืออื่น เช่น RSI หรือการวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน
เมื่อเทรดเดอร์เข้าใจวิธีที่แถบขยาย หดตัว และปฏิสัมพันธ์กับราคา ก็จะสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและปรับตัวตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ