GBP/USD พุ่งแตะ 1.333 ทะยานสู่จุดสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

GBP/USD พุ่งแตะ 1.333 ทะยานสู่จุดสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน

ผู้เขียน: Ethan Vale

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-04

ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงการซื้อขายล่าสุด โดยคู่เงิน GBP/USD พุ่งขึ้นราว 1% แตะระดับ 1.333 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ดึงดูดความสนใจอย่างมากจากทั้งนักเทรด นักวิเคราะห์ และนักลงทุน

อัตราแลกเปลี่ยน GBP/USD วันนี้

ในบทความนี้ เราจะมาดูปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการปรับตัวขึ้นของปอนด์ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร และแนวโน้มของค่าเงินปอนด์เทียบดอลลาร์สหรัฐในระยะใกล้นี้


อะไรเป็นตัวกระตุ้นให้ GBP/USD พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว?

มีหลายปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ การปรับขึ้นแตะระดับ 1.333 ครั้งนี้เป็นผลมาจากทั้งข้อมูลเศรษฐกิจเชิงพื้นฐานและบรรยากาศการลงทุนในตลาด

1. ข้อมูลกิจกรรมธุรกิจของสหราชอาณาจักรที่ออกมาดีกว่าคาด

ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจากสหราชอาณาจักรสะท้อนสัญญาณฟื้นตัว โดยเฉพาะในภาคบริการ ดัชนี UK Services PMI เดือนพฤศจิกายน 2025 อยู่ที่ 51.3 บ่งชี้ว่ากิจกรรมธุรกิจยังคงขยายตัว แม้จะชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า


ที่สำคัญยิ่งกว่า คือดัชนี UK Manufacturing PMI เพิ่มขึ้นแตะ 50.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน และเป็นการกลับเข้าสู่ภาวะขยายตัวครั้งแรกตั้งแต่เดือนกันยายน 2024

PMI ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน


การปรับตัวดีขึ้นของทั้งภาคการผลิตและภาคบริการสะท้อนภาพการฟื้นตัวที่กว้างขึ้นของเศรษฐกิจอังกฤษ

2. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง


เงินดอลลาร์สหรัฐฯ วันนี้

ค่าเงินดอลลาร์กำลังเผชิญแรงกดดันจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจผ่อนการขึ้นดอกเบี้ย หลังจากดำเนินการปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา คำแถลงล่าสุดของ Fed ส่งสัญญาณว่ารอบการเข้มงวดอาจชะลอลง


ผลคือ นักลงทุนเริ่มลดการถือครองดอลลาร์และโยกเงินไปยังสกุลเงินอื่น รวมถึงเงินปอนด์ ซึ่งช่วยหนุนให้ GBP/USD ปรับตัวสูงขึ้น

3. บรรยากาศตลาดและการปิดสถานะขายปอนด์

ก่อนหน้านี้ เงินปอนด์ถูกเทขายต่อเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากถือสถานะขาย (short position)


แต่ข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวกล่าสุดทำให้ความเชื่อมั่นเริ่มเปลี่ยน นักลงทุนที่เคยเดิมพันว่าปอนด์จะอ่อนค่าต้องซื้อปอนด์คืนเพื่อลดความเสี่ยง ส่งผลให้เกิดแรงซื้อกลับจำนวนมาก และยิ่งผลักดันให้ค่าเงินปรับขึ้นแรงกว่าเดิม


ผลรวมของปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้คู่เงิน GBP/USD พุ่งขึ้นแตะระดับที่ไม่เห็นมานานกว่า 1 เดือน และยังคงได้รับความสนใจจากตลาดอย่างต่อเนื่อง


การวิเคราะห์ทางเทคนิคชี้หนุนการพุ่งขึ้นของ GBP/USD

ธนบัตรสเตอร์ลิง 20 ปอนด์

ภาพรวมจากชาร์ตและสัญญาณทางเทคนิคต่าง ๆ สนับสนุนการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของคู่เงิน GBP/USD

1. ระดับแนวต้านและแนวรับที่สำคัญ

จากการวิเคราะห์กราฟจะเห็นได้ว่าเงินปอนด์ได้ทะลุแนวต้านสำคัญหลายจุด ซึ่งเป็นสัญญาณว่าราคายังมีโอกาสขยับขึ้นต่อ

  • แนวต้านสำคัญบริเวณ 1.3200 ถูกทะลุขึ้นมาแล้ว ตามมาด้วยราคาพุ่งต่อเนื่องใกล้ระดับ 1.3300

  • หาก GBP/USD สามารถรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ได้ แนวต้านสำคัญถัดไปอยู่ที่ 1.3350 ซึ่งถือเป็นระดับจิตวิทยาที่ต้องจับตา

ระดับ ประเภท ความสำคัญ
1.3200 แนวรับ ระดับที่ถูกทดสอบหลายครั้ง ปัจจุบันกลายเป็นแนวรับหลัก
1.3300 แนวต้าน แนวต้านเชิงจิตวิทยาและเป้าหมายระยะสั้น
1.3350 แนวต้าน แนวต้านสำคัญสำหรับการขึ้นรอบต่อไป
1.3400 เป้าหมาย แนวต้านระยะยาวหากแนวโน้มขาขึ้นยังแข็งแรง

2. การทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

GBP/USD ได้ทะลุขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 21 วัน และ 20 วัน ซึ่งมักถูกใช้เป็นสัญญาณสำคัญของโมเมนตัมเชิงบวก (bullish momentum) การยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรักษาราคาเหนือระดับ 1.3200 บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นยังมีโอกาสดำเนินต่อในระยะสั้นถึงกลาง


สหราชอาณาจักร vs สหรัฐฯ: ทำไมปอนด์จึงแข็งค่าขณะนี้

ความแตกต่างด้านภาวะเศรษฐกิจระหว่างสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าในช่วงนี้

1. ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรดีขึ้น

ข้อมูลล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นรายงาน PMI หรือผลผลิตภาคอุตสาหกรรม แสดงสัญญาณฟื้นตัว แม้การเติบโตของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรจะยังช้ากว่าสหรัฐฯ แต่ตัวเลขล่าสุดบ่งชี้ว่าภาพรวมดีกว่าที่ตลาดคาดไว้


ความแข็งแกร่งในภาคบริการซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และทำให้พวกเขามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคตของปอนด์

2. ความอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ

ในทางตรงกันข้าม ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าจากสัญญาณเชิงผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) หลังจากขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกมาตลอดหลายเดือน ตลาดเริ่มคาดว่า Fed อาจชะลอหรือหยุดการเข้มงวดทางการเงิน


การเปลี่ยนแปลงคาดการณ์นโยบายนี้ทำให้ความต้องการดอลลาร์ลดลง โดยเฉพาะในภาวะที่บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกดีขึ้น การอ่อนค่าของดอลลาร์จึงเอื้อให้สกุลเงินอื่น รวมถึงปอนด์ แข็งค่าขึ้น

มุมมองนักวิเคราะห์และแนวโน้มของ GBP/USD ในระยะสั้น

นักวิเคราะห์หลายรายให้ความเห็นว่าคู่เงิน GBP/USD อาจมีโอกาสปรับขึ้นต่อ หากโมเมนตัมขาขึ้นยังแข็งแรงและข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษยังคงสนับสนุน บางสำนักประเมินว่าปอนด์อาจขึ้นไปทดสอบ 1.35 หากแรงซื้อยังคงต่อเนื่อง


ขณะที่บางรายเตือนว่า หากเศรษฐกิจอังกฤษมีสัญญาณชะลอตัว หรือเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ก็อาจจำกัด upside ของปอนด์ได้เช่นกัน

การคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

บริษัทนักวิเคราะห์ คาดการณ์ GBP/USD เหตุผล
ยูบีเอส 1.3400 เศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวต่อเนื่อง + ดอลลาร์อ่อนค่า
ธนาคารดอยซ์แบงก์ 1.3200 กังวลความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยในสหราชอาณาจักร
ซิตี้ 1.3350 ข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษผสมทั้งบวกและลบ + นโยบาย Fed ยังไม่ชัดเจน


ผลกระทบของการพุ่งขึ้นของ GBP/USD ต่อภาคธุรกิจ นักเดินทาง และนักลงทุน

การปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของคู่เงิน GBP/USD ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ ผู้เดินทาง หรือผู้ลงทุน

1. สำหรับผู้ส่งออกและผู้นำเข้าของสหราชอาณาจักร

ค่าเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นทำให้สินค้าส่งออกของอังกฤษมีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ซื้อในต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการสินค้าจากสหราชอาณาจักรลดลง ในทางกลับกัน ผู้นำเข้าจะได้รับประโยชน์ เพราะต้นทุนสินค้านำเข้าถูกลง เนื่องจากปอนด์ที่แข็งค่าทำให้สินค้าต่างประเทศมีราคาถูกลงเมื่อซื้อเข้ามาในประเทศ

2. สำหรับนักเดินทางและการโอนเงิน

เมื่อปอนด์แข็งค่ามากขึ้น นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษจะมีค่าใช้จ่ายน้อยลงเมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีค่าสกุลเงินอ่อนกว่า สำหรับการโอนเงินกลับไปยังประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะไปยังสหรัฐอเมริกา จำนวนเงินที่ผู้รับได้รับจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งแกร่งขึ้นของเงินปอนด์

3. สำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ FX

การพุ่งขึ้นของ GBP/USD ในช่วงล่าสุดเปิดโอกาสให้เกิดกำไรระยะสั้นแก่นักลงทุนและเทรดเดอร์ อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวโน้มความผันผวนที่อาจเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จากทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ผู้ลงทุนควรติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดและบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ


ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาในคู่เงิน GBP/USD ช่วงสัปดาห์ข้างหน้า

ศึกษาการสร้างรายได้จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ขณะที่คู่เงิน GBP/USD ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง ยังมีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อทิศทางในอนาคต ได้แก่

1. ข้อมูลเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร

รายงานสำคัญที่จะประกาศ เช่น PMI, เงินเฟ้อ และข้อมูลตลาดแรงงาน จะเป็นตัวชี้ว่าปอนด์สามารถรักษาโมเมนตัมขาขึ้นได้หรือไม่ หากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี จะช่วยหนุนให้ GBP/USD แข็งค่าต่อ

2. ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

สหรัฐฯ เตรียมประกาศข้อมูลสำคัญ เช่น ตัวเลขจ้างงานและเงินเฟ้อ หากผลลัพธ์ออกมาเหนือคาดหรือผิดคาดมาก อาจกระตุ้นให้ Fed ปรับมุมมอง ซึ่งจะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์และคู่เงิน GBP/USD โดยตรง

3. ภาวะภูมิรัฐศาสตร์และบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก

ความผันผวนจากเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางหลัก ๆ อาจส่งผลต่อความเสี่ยงในตลาดโลก และมีผลต่อ GBP/USD เช่นกัน


คำถามที่พบบ่อย

Q1: การพุ่งขึ้นของ GBP/USD จะยั่งยืนหรือไม่?

ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษที่ต้องออกมาดีต่อเนื่อง และค่าเงินดอลลาร์ที่ยังอ่อนตัว หากหนึ่งในสองปัจจัยนี้เปลี่ยนไป ความแข็งแกร่งของปอนด์อาจสะดุดได้

Q2: GBP/USD มีโอกาสขึ้นแตะ 1.35 ในเร็ว ๆ นี้หรือไม่?

นักวิเคราะห์บางรายมองว่ามีความเป็นไปได้ หากโมเมนตัมเศรษฐกิจอังกฤษยังแข็งแกร่งและดอลลาร์ยังอ่อนค่า อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาผิดคาดอาจกระทบคาดการณ์นี้

Q3: ความเสี่ยงอะไรบ้างที่อาจทำให้แนวโน้มขาขึ้นหยุดลง?

ความเสี่ยงต่อแนวโน้มขาขึ้น ได้แก่ ข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษออกมาอ่อนแอกว่าคาด นโยบายจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปลี่ยนทิศทางอย่างไม่คาดคิด หรือเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวแรงกว่าที่ตลาดคาด


บทสรุป

การปรับขึ้นของ GBP/USD สู่ระดับ 1.333 สะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในบรรยากาศตลาด โดยมีแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษที่ออกมาดี และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง แม้จะมีแนวโน้มเชิงบวกต่อไป แต่การลงทุนในช่วงนี้ควรระมัดระวัง


ทิศทางของ GBP/USD ในช่วงสัปดาห์หน้า จะขึ้นอยู่กับสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอังกฤษและทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งทั้งสองปัจจัยจะเป็นตัวกำหนดโมเมนตัมของตลาดต่อไป


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
ดัชนี PMI ภาคบริการของ ISM สหรัฐฯ วันนี้: ผลกระทบต่อดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตร
ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) คืออะไร?
อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษชะลอตัวลงเหลือ 3.6% ก่อนการคาดเดาอัตราดอกเบี้ย
Straight Through Processing (STP) คืออะไร?
Electronic Communication Network (ECN) คืออะไร?