简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

อัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate) คืออะไร? คู่มือพื้นฐานสำหรับมือใหม่

เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-22    อัปเดตเมื่อ: 2025-10-24

หากคุณเคยเดินทางไปต่างประเทศ คุณก็คงเคยสัมผัสถึงพลังของ “อัตราแลกเปลี่ยน” มาแล้ว ลองจินตนาการว่าคุณยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ในสนามบิน พร้อมเงินสด 100 ปอนด์ในมือ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังแปลงเป็นยูโร ตัวเลขอัตราที่เจ้าหน้าที่แจ้งให้คุณทราบนั้น คือสิ่งที่กำหนดมูลค่าเงินของคุณในอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งตัวเลขนี้ไม่ได้คงที่ แต่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในทุกวินาที เนื่องจากมีการซื้อขายสกุลเงินมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลกทุกวัน


อัตราแลกเปลี่ยนเปรียบเสมือนหัวใจของระบบเศรษฐกิจโลก เพราะมันเป็นตัวกำหนดราคาสินค้านำเข้า มีอิทธิพลต่ออัตราเงินเฟ้อ และส่งผลต่อผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่ซื้อเงินเยนในโตเกียว หรือเป็นเจ้าของธุรกิจที่นำเข้าสินค้าจากยุโรป คุณก็กำลังเผชิญกับอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ทุกวันเช่นกัน

อัตราแลกเปลี่ยน


คำนิยาม


อัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate) คือ “ราคาของสกุลเงินหนึ่งเมื่อแสดงในรูปของอีกสกุลเงินหนึ่ง” เช่น หากอัตรา GBP/USD เท่ากับ 1.25 หมายความว่า เงินปอนด์อังกฤษ 1 ปอนด์ สามารถแลกเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐได้ 1.25 ดอลลาร์ ทุกการแสดงอัตราแลกเปลี่ยนจะมีสกุลเงินสองชนิด คือ “สกุลเงินฐาน” (ตัวแรก) และ “สกุลเงินอ้างอิง” (ตัวที่สอง) เมื่ออัตราเพิ่มขึ้น หมายถึงสกุลเงินฐานแข็งค่าขึ้น และเมื่ออัตราลดลง สกุลเงินฐานย่อมอ่อนค่าลง ตัวอย่างเช่น หาก GBP/USD เพิ่มจาก 1.25 เป็น 1.30 หมายความว่าเงินปอนด์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ


อัตราแลกเปลี่ยนแบ่งออกได้เป็น “อัตราแลกเปลี่ยนนามธรรม” ซึ่งสะท้อนราคาตลาด และ “อัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริง” ซึ่งปรับตามความแตกต่างของอัตราเงินเฟ้อระหว่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงจึงช่วยแสดงให้เห็นว่าราคาสินค้าและบริการในประเทศหนึ่งเทียบกับอีกประเทศเป็นอย่างไรเมื่อคำนึงถึงเงินเฟ้อแล้ว


ประเภทของอัตราแลกเปลี่ยน


1. อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (Fixed Exchange Rate)


ในระบบนี้ รัฐบาลหรือธนาคารกลางจะกำหนดและคงอัตราไว้ในระดับที่แน่นอน ตัวอย่างเช่น ดอลลาร์ฮ่องกงถูกตรึงค่าไว้ประมาณ 7.80 ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ระบบนี้ช่วยสร้างเสถียรภาพในการค้า แต่จำกัดความยืดหยุ่นทางนโยบายการเงิน


2. อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว (Floating Exchange Rate)


อัตราในระบบนี้ถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานในตลาดเสรี สกุลเงินอย่างปอนด์ ยูโร และดอลลาร์สหรัฐอยู่ภายใต้ระบบนี้ มูลค่าจะเปลี่ยนแปลงตามความเชื่อมั่นของนักลงทุน อัตราดอกเบี้ย และภาวะเศรษฐกิจ 


3. อัตราแลกเปลี่ยนแบบกึ่งลอยตัว (Managed Float หรือ Pegged Float)


เป็นระบบผสมที่อนุญาตให้ค่าเงินเคลื่อนไหวได้ในกรอบที่กำหนด โดยธนาคารกลางจะเข้ามาแทรกแซงเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรุนแรงเกินไป ตัวอย่างเช่น สกุลเงินหยวนของจีน (Renminbi) ใช้ระบบนี้ในการบริหารค่าเงิน


ทำไมอัตราแลกเปลี่ยนจึงผันผวน?


อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากนักลงทุน ภาคธุรกิจ และรัฐบาลทั่วโลกต่างปรับเปลี่ยนวิธีถือครองและซื้อขายเงินตราอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความผันผวน ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ ดุลการค้า และเสถียรภาพทางการเมือง อัตราดอกเบี้ยที่สูงมักดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มากขึ้น ทำให้ความต้องการในสกุลเงินนั้นเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำช่วยสนับสนุนให้สกุลเงินแข็งค่า เนื่องจากช่วยรักษากำลังซื้อของประชาชนไว้ได้ การเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่งและดุลการค้าที่เกินดุลสามารถส่งผลให้ค่าสกุลเงินเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน ความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น การเลือกตั้งหรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ มักส่งผลให้ค่าเงินอ่อนลง


ในช่วงปี 2024–2025 ปัจจัยเหล่านี้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์จึงอ่อนค่าลง ขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้น ในขณะเดียวกัน เงินเยนของญี่ปุ่นยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมาก โดยแตะระดับประมาณ 155 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงกลางปี 2025 ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 30 ปี


อัตราแลกเปลี่ยนในการเทรด Forex


อัตราแลกเปลี่ยนถือเป็นพื้นฐานของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ซึ่งเป็นตลาดที่มีการซื้อขายสกุลเงินเป็นคู่ (Currency Pairs) เทรดเดอร์จะเก็งกำไรจากการคาดการณ์ว่าค่าเงินหนึ่งจะ “แข็งค่า” หรือ “อ่อนค่า” เมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง หากเทรดเดอร์เชื่อว่ายูโรจะมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เขาจะเปิดสถานะ “ซื้อ” คู่เงิน EUR/USD แต่ถ้าเชื่อว่ายูโรจะอ่อนค่าลง ก็จะเปิดสถานะ “ขาย” แทน การเคลื่อนไหวที่เล็กที่สุดของอัตราแลกเปลี่ยนเรียกว่า “pip” (ย่อมาจาก percentage in point)


ตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตามรายงานของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements) มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปี 2025 อยู่ที่ประมาณ 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงขนาดและสภาพคล่องระดับโลกของตลาดนี้


ตัวอย่างในชีวิตจริง: อัตราแลกเปลี่ยนส่งผลต่อชีวิตประจำวันอย่างไร?


ลองนึกถึงผู้นำเข้ารถยนต์ในสหราชอาณาจักรที่ซื้อรถจากญี่ปุ่น หากรถหนึ่งคันมีราคา 3,000,000 เยน และอัตราแลกเปลี่ยน GBP/JPY เท่ากับ 180 ผู้นำเข้าจะต้องจ่ายเงินประมาณ £16,667 ต่อคัน แต่หากค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 175 รถคันเดิมจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเป็น £17,143 นั่นหมายความว่าเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของอัตราแลกเปลี่ยน ก็สามารถเพิ่มต้นทุนได้เกือบ £500 ต่อคัน


ในทางกลับกัน หากเทรดเดอร์สามารถคาดการณ์การอ่อนค่าของเงินปอนด์ได้อย่างถูกต้อง เขาอาจทำกำไรได้จากการ “ขาย” คู่เงิน GBP/JPY ล่วงหน้า และปิดสถานะเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนปรับลดลง


ทำไมอัตราแลกเปลี่ยนจึงสำคัญต่อทุกคน?


อัตราแลกเปลี่ยนไม่ได้ส่งผลเฉพาะต่อการค้าระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างลึกซึ้ง เมื่อค่าเงินภายในประเทศอ่อนลง ราคาสินค้านำเข้าจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่ในทางกลับกัน การอ่อนค่าของค่าเงินกลับเป็นประโยชน์ต่อผู้ส่งออก เพราะสินค้าของพวกเขาจะมีราคาถูกลงในสายตาของต่างประเทศ นักท่องเที่ยวก็รู้สึกได้โดยตรงเช่นกัน เมื่อค่าเงินปอนด์แข็งค่า การท่องเที่ยวต่างประเทศจะมีค่าใช้จ่ายถูกลง แต่หากปอนด์อ่อนค่า ค่าใช้จ่ายในต่างประเทศตั้งแต่กาแฟในปารีสไปจนถึงโรงแรมในนิวยอร์กก็จะเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับนักลงทุนระยะยาว เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญหรือกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งมูลค่าผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อแปลงกลับเป็นเงินสกุลท้องถิ่นย่อมขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน หากค่าเงินปอนด์แข็งขึ้น รายได้จากต่างประเทศจะถูกแปลงกลับมาเป็นปอนด์ได้น้อยลง และในทางกลับกัน

อัตราแลกเปลี่ยน


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน


Q1. อัตราแลกเปลี่ยนคืออะไรในความหมายง่าย ๆ?


อัตราแลกเปลี่ยนคือ “ราคาของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเงินท้องถิ่นของคุณสามารถแลกเป็นเงินตราต่างประเทศได้มากน้อยเพียงใด


Q2. ทำไมอัตราแลกเปลี่ยนถึงเปลี่ยนแปลงบ่อย?


อัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เนื่องจากการปรับขึ้นหรือลงของอัตราดอกเบี้ย ระดับเงินเฟ้อ ดุลการค้า และความเชื่อมั่นของนักลงทุน ข่าวสารเกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลางหรือข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอาจทำให้ค่าเงินเคลื่อนไหวได้ภายในเวลาไม่กี่นาที


Q3. ใครเป็นผู้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยน?


ในระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว (Floating System) อัตราจะถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานในตลาดโลก ขณะที่ในระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (Fixed System) ธนาคารกลางจะเป็นผู้ดูแลและรักษาอัตราไว้ในระดับที่ต้องการ โดยอาจซื้อหรือขายสกุลเงินเพื่อควบคุมความเสถียร


ภาพรวม: ทำไมการเรียนรู้อัตราแลกเปลี่ยนจึงสำคัญ?


การเข้าใจอัตราแลกเปลี่ยนช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของการทำงานของเศรษฐกิจโลกได้ชัดเจนขึ้น ในปี 2025 เมื่ออัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวและธนาคารกลางหลักทั่วโลกใช้นโยบายการเงินที่ระมัดระวังมากขึ้น ความผันผวนของค่าเงินก็ลดลงจากระดับรุนแรงในช่วงโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดุลการค้า และมุมมองของนักลงทุนยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินปรับตัวขึ้นลงอยู่เสมอ การเข้าใจความเคลื่อนไหวเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถตีความข่าวเศรษฐกิจได้ดีขึ้น และตัดสินใจทางการเงินได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนงบประมาณท่องเที่ยวหรือการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน


คำศัพท์น่ารู้: สรุปสั้น ๆ ที่ควรจำ


อัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate): มูลค่าของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง บอกให้รู้ว่าเงินท้องถิ่นของคุณสามารถแลกเป็นเงินตราต่างประเทศได้เท่าใด และอัตรานี้จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามภาวะเศรษฐกิจและกิจกรรมในตลาด


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ