การเริ่มต้นเดือนสิงหาคมอย่างปั่นป่วน ได้เห็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและปัจจัยมหภาคเขย่าตลาดโลก เดือนนี้จะเต็มไปด้วยความผันผวนหรือไม่?
การเริ่มต้นเดือนสิงหาคมเป็นไปอย่างวุ่นวาย เมื่อหุ้นขนาดใหญ่ระดับโลกและปัจจัยเชิงนโยบายที่สร้างความประหลาดใจรอบใหม่ได้จุดชนวนให้เกิดความผันผวนครั้งใหญ่ในตลาดหุ้น สกุลเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่นักลงทุนยังคงประมวลผลจากเหตุการณ์สำคัญที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน สายตาของตลาดก็เริ่มหันไปจับตาปฏิทินเศรษฐกิจที่อัดแน่นด้วยการประกาศข้อมูลสำคัญและความเสี่ยงที่รออยู่เบื้องหน้า
ผู้นำของกลุ่มเทคโนโลยี:
หลังจากที่ Microsoft กลายเป็นบริษัทที่สองของโลกที่มีมูลค่าตลาดแตะ 4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของบริการคลาวด์ Azure ที่เพิ่มขึ้นถึง 39% เมื่อเทียบกับปีก่อน และรายได้ไตรมาสที่แข็งแกร่งเกินคาด อย่างไรก็ตาม ความสนใจของนักลงทุนก็เปลี่ยนไปยัง Amazon ซึ่งราคาหุ้นร่วงลงกว่า 7% แม้จะมีกำไรเพิ่มขึ้น 35% (แตะ 18.2 พันล้านดอลลาร์) และรายได้เติบโต 13% เนื่องจากแนวโน้มที่ระมัดระวังและการเติบโตของ AWS ที่ชะลอลง (โตเพียง 17.5% ต่ำกว่าคู่แข่ง) ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล
ในทางตรงกันข้าม Meta และ Apple สร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดมากกว่า โดยหุ้น Meta พุ่งขึ้น 12% หลังรายงานผลประกอบการดีกว่าคาดและแนวโน้มเชิงบวก ส่วน Apple มีรายได้ไตรมาส 3 ทำสถิติใหม่ที่ 94 พันล้านดอลลาร์ และยอดขาย iPhone กับบริการต่าง ๆ ยังเติบโตดีส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2% ช่วยบรรเทาความกังวลจาก Amazon ได้บางส่วน
ดัชนีและความกว้าง:
ดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์สลดลง 0.2% ในช่วงปลายสัปดาห์ และดัชนี Nasdaq 100 ลดลง 0.23% การสูญเสียความกว้างของตลาด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากหุ้นขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง ยังคงเป็นข้อกังวลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ผันผวนและหุ้นขนาดเล็กยังคงชะลอตัว
ผลกระทบจากมาตรการภาษี:
ประธานาธิบดีทรัมป์จุดชนวนความวิตกใหม่เกี่ยวกับสงครามการค้า หลังมาตรการภาษีใหม่มีผลบังคับใช้ โดยเก็บภาษีขั้นต่ำ 10% กับคู่ค้าส่วนใหญ่ และสูงถึง 41% กับสินค้าบางรายการตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นเอเชียเปิดต่ำลง ขณะที่ค่าเงินยูโรเทียบดอลลาร์ (EUR/USD) ร่วงลง 1.3% หลังข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปสร้างความกังวลต่อการเติบโต ในระยะยาวของยุโรป
ดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัว แม้ทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษีกับประเทศที่ไม่ใช่คู่ค้าอย่างเป็นทางการ ซึ่งยังคงส่งผลให้ตลาดในภูมิภาคนี้ระมัดระวังความเสี่ยง
การจับตานโยบายจากธนาคารกลาง:
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25–4.50% โดยไม่มีสัญญาณการผ่อนคลายที่ชัดเจนในเดือนกันยายน แม้จะมีแรงกดดันทางการเมืองเพิ่มขึ้น ดัชนีดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบสองเดือน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 4.37%
นักลงทุนต่างจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางการลดดอกเบี้ยในอนาคต โดยตลาดยังแบ่งเป็นสองฝ่าย แต่เริ่มลดการเดิมพันต่อการผ่อนคลายนโยบายในระยะสั้น
สินค้าโภคภัณฑ์และความเคลื่อนไหวอื่นๆ:
ราคาน้ำมันขยับขึ้นเกือบ 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทำให้ความเชื่อมั่นดีขึ้น ก่อนที่จะผ่อนคลายลงหลังจากปริมาณสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นและสัญญาณการเติบโตไม่แน่นอน
รูเบิลรัสเซียขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับปีก่อน ท่ามกลางมาตรการควบคุมเงินทุนและอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่สูง
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและตลาดแรงงานสหรัฐฯ:
ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคมจะประกาศในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะอยู่ที่ประมาณ 110,000 ตำแหน่ง ลดลงจาก 147,000 ครั้งก่อนหน้า ขณะที่อัตราการว่างงานคาดว่าจะทรงตัวที่ประมาณ 4.1% หากตัวเลขออกมา “พลิกความคาดหมาย” อาจทำให้ค่าเงินและอัตราดอกเบี้ยผันผวนอย่างมาก
อัตราเงินเฟ้อและดัชนี PMI :
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนและดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนและสหรัฐฯ จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญถึงทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะภาคบริการ ซึ่งกำลังถูกทดสอบอย่างหนักจากความตึงเครียดด้านการค้าอย่างต่อเนื่อง
ผลประกอบการของภาคเอกชน:
บริษัทในกลุ่มการเงิน อุตสาหกรรม และเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูงในสหรัฐฯ จะรายงานผลประกอบการจำนวนมากในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นบททดสอบสำคัญว่า “Magnificent Seven” (กลุ่มหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ 7 ตัว) จะสามารถรักษาโมเมนตัมได้หรือไม่ หรือฤดูกาลนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของตลาด
นโยบายและการค้า:
ธนาคารกลางของสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และอินเดียจะมีการประชุมในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อค่าเงินของแต่ละประเทศ และกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และท่าทีตอบโต้จากสหภาพยุโรปอย่างใกล้ชิด
แม้หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของตลาด แต่นักลงทุนเริ่มระมัดระวังมากขึ้นต่อการปรับตัวที่กระจุกอยู่ในหุ้นไม่กี่ตัว รวมถึงแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคที่ยังไม่คลี่คลาย ความผันผวนเริ่มสูงขึ้น โดยตลาดออปชันสะท้อนการคาดการณ์ถึงความเคลื่อนไหวที่กว้างขึ้นและกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงที่เข้มข้นขึ้น ข้อมูลยังชี้ให้เห็นถึงการหมุนเวียนของเงินทุนจากหุ้นเติบโตไปยังหุ้นเน้นมูลค่าและกลุ่มป้องกันความเสี่ยง (Defensive) ขณะเดียวกัน ตลาดเกิดใหม่เผชิญกับการไหลออกของเงินทุนท่ามกลางการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ
ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่:
ตัวเลขการจ้างงานหรืออัตราเงินเฟ้อที่น่าผิดหวังเป็นแรงกระตุ้นให้อัตราผันผวน
ภาษีที่สูงขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและอัตรากำไรของภาคธุรกิจ
สัญญาณการบริโภคหรือสินเชื่ออ่อนแอในช่วงครึ่งปีหลัง
สัญญาณจากเฟด ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ล้วนสะท้อนความระมัดระวัง โดยยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย และให้น้ำหนักกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาเป็นหลัก ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปยังคงสร้างแรงสั่นสะเทือน โดยเฉพาะในตลาดค่าเงินและกลุ่มอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการค้าโลก ในเอเชีย ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะขยายขอบเขตการเก็บภาษี ยิ่งทำให้ธนาคารกลางในภูมิภาคมีข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายมากขึ้น และสร้างความผันผวนในตลาดเอเชีย
แรงขับเคลื่อนหลักของตลาดกำลังกำหนดทิศทางความผันผวนของเดือนสิงหาคมอยู่หรือไม่? คำตอบในขณะนี้คือ “ใช่” นักลงทุนทั่วโลกจึงควรเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นแบบฉับพลัน จากทั้งปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคและสัญญาณจากภาคธุรกิจ ตามที่การวิเคราะห์ของ EBC ระบุไว้ การเคลื่อนไหวของบริษัทชั้นนำอาจส่งผลทั้งบวกและลบต่อทิศทางตลาด จึงยิ่งทำให้การบริหารความเสี่ยงและการหมุนเวียนการลงทุนระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าที่เคย
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
การลงทุนมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ของ Apple ในสหรัฐฯ ได้รับการยกเว้นภาษี ส่งผลให้ราคาหุ้นของ AAPL พุ่งขึ้นกว่า 7% เนื่องจากตลาดต่างพากันสนับสนุนการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ของบริษัท
2025-08-07การนำเข้าทองแดงของจีนแสดงสัญญาณผสมในเดือนกรกฎาคม 2025 การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยกระตุ้นการเติบโตของสินค้าโภคภัณฑ์ท่ามกลางข่าวจากธนาคารกลางสหรัฐฯ และการเคลื่อนไหวของตลาดสกุลเงินหรือไม่?
2025-08-07ดัชนี Nikkei 225 พุ่งขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีหลังจากคำมั่นของทรัมป์ในการเรียกเก็บภาษี 100% กับการนำเข้าชิปเซมิคอนดักเตอร์ แม้ว่ายักษ์ใหญ่ชิปจากเกาหลีใต้บางรายอาจได้รับการยกเว้น
2025-08-07