简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

CFD กับ Forex ต่างกันอย่างไร เลือกเทรดแบบไหนดี?

เผยแพร่เมื่อ: 2025-07-16    อัปเดตเมื่อ: 2025-07-17

ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อยหรือนักลงทุนสถาบัน ตลาดการเงินมีเครื่องมือมากมายให้เลือกใช้ โดย Forex และ CFD เป็นสองเครื่องมือยอดนิยม


แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นตราสารอนุพันธ์ที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาได้โดยไม่ต้องถือสินทรัพย์จริง แต่ทั้งสองมีโครงสร้าง เลเวอเรจ ผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์การเทรดที่แตกต่างกันอย่างมาก


ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า CFD กับ Forex ต่างกันอย่างไร รวมถึงวิธีที่แพลตฟอร์มโบรกเกอร์ระดับโลกอย่าง EBC Financial Group สนับสนุนทั้งสองตลาด พร้อมแนะนำว่าควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับสไตล์และเป้าหมายการเทรดของคุณมากที่สุด


การเทรด Forex คืออะไร?

การเทรด Forex

การเทรด Forex คือการซื้อสกุลเงินหนึ่งพร้อมกับขายอีกสกุลเงินหนึ่งในเวลาเดียวกัน เป็นตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 7.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ครอบคลุมศูนย์กลางทางการเงินทั่วโลก ตั้งแต่ซิดนีย์จนถึงนิวยอร์ก


คู่สกุลเงินที่นิยมเทรดมากที่สุด ได้แก่ EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY และ AUD/USD โดยนักเทรดจะเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของค่าสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงิน โดยอิงจากข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายของธนาคารกลาง หรือแม้แต่กระแสความเชื่อมั่นของตลาด


แพลตฟอร์มอย่าง EBC Financial Group มอบสภาพคล่องในระดับลึก สเปรดต่ำ และโครงสร้างพื้นฐานระดับสถาบัน ทำให้การเทรด Forex เข้าถึงได้ง่ายและเชื่อถือได้ทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นและมืออาชีพ


การเทรด CFD คืออะไร?

การเทรด CFD

การเทรด CFD (Contract for Difference) เป็นการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ประเภทหนึ่ง ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ทางการเงินหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงินดิจิทัล หรือแม้กระทั่ง Forex เองโดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์จริง


เมื่อทำการเทรด CFD นักลงทุนจะทำสัญญากับโบรกเกอร์ เช่น EBC Financial Group เพื่อแลกเปลี่ยนส่วนต่างของราคาสินทรัพย์ตั้งแต่เปิดสถานะจนปิดสถานะ หากราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นและคุณถือสถานะ Long ก็จะได้กำไรหากราคาลดลงก็จะขาดทุน


CFD ยังเปิดโอกาสให้นักเทรดเข้าถึงตลาดทั่วโลกได้จากแพลตฟอร์มเดียว ที่ EBC Financial Group นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาด CFD ชั้นนำ พร้อมเครื่องมือระดับมืออาชีพ การวิเคราะห์ขั้นสูง และระบบการประมวลผลที่แข็งแกร่ง รองรับสภาพแวดล้อมการเทรดยุคใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ


6 ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Forex และ CFD

ความแตกต่างระหว่าง Forex และ CFD

1. สินทรัพย์ที่ใช้ในการเทรด

  • Forex: เทรดเฉพาะคู่สกุลเงินเท่านั้น โดยทุกคำสั่งซื้อขายจะเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินสองสกุล

  • CFD: ครอบคลุมสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้นดัชนี (เช่น S&P 500) สินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ น้ำมัน) สกุลเงินดิจิทัล (Bitcoin) พันธบัตร และรวมถึง Forex ด้วย


สรุปสำคัญ: Forex เน้นเฉพาะเจาะจงเรื่องค่าเงิน ขณะที่ CFD มอบโอกาสในการกระจายความเสี่ยงไปยังหลายตลาด


2. โครงสร้างตลาดและช่วงเวลาเปิดทำการ

  • Forex: เปิดทำการ 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ สอดคล้องกับรอบการซื้อขายทั่วโลก ได้แก่ ซิดนีย์ โตเกียว ลอนดอน และนิวยอร์ก

  • CFD: ขึ้นอยู่กับประเภทของสินทรัพย์ เช่น หุ้น CFD จะเปิดตามเวลาของตลาดหุ้น ส่วนดัชนีหรือสินค้าโภคภัณฑ์บางรายการอาจเปิดทำการขยายเวลาหรือเทรดข้ามคืนได้


สรุปสำคัญ: Forex เหมาะกับการวางกลยุทธ์ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ CFD ต้องอิงตามเวลาตลาดเฉพาะแต่ละสินทรัพย์


3. เลเวอเรจและมาร์จิ้น

  • Forex: มักให้เลเวอเรจสูงโดยเฉพาะกับคู่สกุลเงินหลัก ซึ่งอาจอยู่ระหว่าง 30:1 ถึง 500:1 ขึ้นอยู่กับเขตอำนาจและโบรกเกอร์

  • CFD: เลเวอเรจแตกต่างกันตามประเภทของสินทรัพย์ เช่น หุ้น CFD มักให้เลเวอเรจต่ำ (5:1 ถึง 20:1) ขณะที่ดัชนีหรือสินค้าโภคภัณฑ์อาจสูงกว่า


สรุปสำคัญ: Forex มีเลเวอเรจสูงกว่ามาก เหมาะกับกลยุทธ์ที่ต้องการผลตอบแทนเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงมากกว่า


4. สภาพคล่องและสเปรด

  • Forex: มีสภาพคล่องสูงมาก โดยเฉพาะกับคู่เงินหลัก ส่งผลให้มีสเปรดแคบและคำสั่งซื้อขายถูกดำเนินการได้รวดเร็ว

  • CFD: สภาพคล่องแตกต่างกันตามสินทรัพย์ เช่น ดัชนีหลักหรือสินค้าโภคภัณฑ์จะมีสภาพคล่องดี แต่หุ้นหรือคริปโตบางตัวอาจมีสเปรดกว้างและเกิด Slippage ได้ง่าย


สรุปสำคัญ: Forex เหมาะกับการเทรดระยะสั้นที่ต้องการต้นทุนต่ำ CFD ควรเลือกสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องเพียงพอ


5. ค่าใช้จ่ายในการเทรด

  • Forex: คิดค่าธรรมเนียมหลักจากสเปรด บางโบรกเกอร์อาจมีค่าคอมมิชชันเพิ่มเติมในบัญชีประเภท Raw Spread

  • CFD: มีค่าใช้จ่ายหลายประเภท ได้แก่ สเปรด ค่าคอมมิชชัน และค่าธรรมเนียมถือครองข้ามคืน (Swap หรือ Rollover) หากเปิดสถานะนานกว่าหนึ่งวัน


สรุปสำคัญ: ทั้งสองตลาดมีโครงสร้างต้นทุนชัดเจน แต่ CFD มีค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงได้มากขึ้นตามประเภทของสินทรัพย์และระยะเวลาที่ถือครอง


6. กลยุทธ์การเทรด

  • Forex: นิยมใช้กลยุทธ์หลากหลาย เช่น Scalping, Swing Trading, Day Trading, Carry Trade หรืออัลกอริธึมเทรด

  • CFD:ใช้กลยุทธ์หลากหลายตามประเภทของสินทรัพย์ เช่น เทรดตามผลประกอบการในหุ้น CFD, ตามเทรนด์ในดัชนี หรือย้อนกลับค่าเฉลี่ยในสินค้าโภคภัณฑ์


สรุปสำคัญ: CFD เปิดโอกาสในการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายกว่า แต่ Forex ช่วยให้นักเทรดสามารถเชี่ยวชาญในตลาดเฉพาะได้ลึกยิ่งขึ้น


ทำไมจึงควรเลือก EBC Financial Group สำหรับการเทรด Forex และ CFD?

แพลตฟอร์มการเทรดที่ดีที่สุด

EBC Financial Group คือโบรกเกอร์ระดับโลกที่ได้รับการกำกับดูแลจากหลากหลายประเทศ ให้บริการเทรดสินทรัพย์หลากหลายประเภท พร้อมการเข้าถึงตลาดโดยตรง การดำเนินคำสั่งแบบเรียลไทม์ และโครงสร้างพื้นฐานระดับสถาบันที่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนสถาบัน มืออาชีพ และนักลงทุนรายย่อยทั่วโลก


สิ่งที่ทำให้ EBC โดดเด่นคือ:


  • การเข้าถึงสินทรัพย์หลายประเภท: เทรด Forex สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และหุ้นได้จากบัญชีเดียว

  • การกำกับดูแลระดับโลก: ได้รับใบอนุญาตจากหลายภูมิภาค เช่น สหราชอาณาจักรและเอเชียแปซิฟิก

  • สภาพคล่องระดับสถาบัน: มีระบบส่งคำสั่งและรวบรวมสภาพคล่องอย่างมืออาชีพ

  • แพลตฟอร์มขั้นสูง: รองรับ MT4, MT5 และแพลตฟอร์มเฉพาะของบริษัท

  • แหล่งความรู้คุณภาพสูง: มีคลาสเรียนออนไลน์ วิดีโอสอน และบทวิเคราะห์ตลาด ทั้งสำหรับมือใหม่และมืออาชีพ


ไม่ว่าคุณต้องการเทรด EUR/USD เก็งกำไรทองคำหรือ Nasdaq 100 EBC พร้อมมอบการเข้าถึงตลาดอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ


ควรเลือกเทรดอะไร? Forex หรือ CFD?


คำตอบขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรด ความชอบในสินทรัพย์ และระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้


ควรเลือกเทรด Forex กับ EBC หากคุณ:

  • ต้องการสภาพคล่องสูงและสเปรดแคบ

  • ต้องการเทรดคู่เงินหลักได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์

  • ติดตามข่าวเศรษฐกิจ นโยบายธนาคารกลาง หรือแนวโน้มมหภาค


ควรเลือกเทรด CFD กับ EBC หากคุณ:

  • ต้องการกระจายพอร์ตไปยังหุ้น ดัชนี ทองคำหรือน้ำมัน

  • มีแผนกลยุทธ์เฉพาะ เช่น เทรดตามผลประกอบการ เทรดตามเทรนด์ของดัชนี หรือวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์

  • สามารถบริหารความเสี่ยงจากการถือสถานะข้ามคืนได้


เคล็ดลับสำหรับมืออาชีพ: นักเทรดมืออาชีพของ EBC หลายคนเลือกใช้ทั้งสองแบบ โดยเทรด Forex สำหรับกลยุทธ์ระยะสั้น และใช้ CFD สำหรับวางตำแหน่งระยะยาวหรือเทรดตามเหตุการณ์สำคัญ


สรุป


โดยสรุปแล้ว การเทรด Forex และ CFD ต่างมีโอกาสและความเสี่ยงในแบบเฉพาะตัว Forex เหมาะกับผู้ที่ต้องการสภาพคล่องสูง วิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค และเข้าถึงตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ CFD เหมาะกับผู้ที่มองหาความหลากหลายทางกลยุทธ์และการเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น


แต่คุณไม่จำเป็นต้องเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะที่ EBC Financial Group คุณสามารถเทรดทั้ง Forex และ CFD ควบคู่กันได้ ด้วยแพลตฟอร์มระดับโลก สภาพคล่องระดับสถาบัน และทีมสนับสนุนมืออาชีพที่จะช่วยให้คุณเทรดได้อย่างมั่นใจ


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!
บัญชีเทรดสำคัญแค่ไหน? เจาะลึกคำตอบสำหรับมือใหม่
คู่มือเริ่มต้นเทรด จากศูนย์สู่การเป็นนักลงทุน
ซื้อทองตอนนี้ดีไหม? วิเคราะห์เชิงกลยุทธ์มหภาค
CFD vs ETF วิเคราะห์กลยุทธ์และความเสี่ยง 2025