ราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงจากปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน การผลิตของกลุ่ม OPEC+ เพิ่มขึ้น และสัญญาณอุปสงค์ที่ชะลอตัวจากจีน และนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่ไม่แน่นอน
ราคาน้ำมันดิบ WTI อ่อนตัวลงอีกครั้งในวันพฤหัสบดี หลังจากข้อมูลปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความต้องการในประเทศที่เริ่มลดลง ข้อมูลที่ไม่คาดคิดนี้ ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตจากกลุ่ม OPEC+ และความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ กดดันตลาดน้ำมันอย่างหนัก ทำให้การฟื้นตัวตลอด 3 วันที่ผ่านมาของ WTI ต้องหยุดชะงักลง
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 มิถุนายน เพิ่มขึ้น 3.845 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 2 ล้านบาร์เรล และพลิกกลับจากการลดลง 5.836 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นมากกว่าการีคาดนี้สะท้อนถึงแนวโน้มความต้องการที่อ่อนแอลงในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
ข้อมูลดังกล่าวสร้างความระมัดระวังให้กับนักเทรดพลังงาน โดยมองว่าการเพิ่มขึ้นของปริมาณสำรองอาจเกิดจากโรงกลั่นลดการผลิต หรือต้องเผชิญกับความต้องการเชื้อเพลิงที่อ่อนตัวลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ภายหลังจากรายงานปริมาณสำรองน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 66.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลระหว่างการซื้อขายช่วงเช้าของยุโรปในวันพฤหัสบดี การปรับลงนี้ได้ยุติการฟื้นตัวติดต่อกัน 3 วัน และตอกย้ำความกังวลในวงกว้างเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจมหภาค
การร่วงลงของ WTI เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่าการบริโภคเชื้อเพลิงภายในประเทศกำลังชะงักลง ซึ่งอาจเป็นผลจากการเดินทางที่น้อยลง ภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว หรือภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ซบเซา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูขับขี่ของสหรัฐฯ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นช่วงที่มีการบริโภคพลังงานสูง
ปัจจัยลบเพิ่มเติมคือความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ โดยช่วงผ่อนผันการจัดเก็บภาษีในอัตราสูง 90 วันกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 9 กรกฎาคม โดยที่ยังไม่มีข้อตกลงใหม่กับคู่ค้าอย่างสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความระแวดระวัง
หากมีการกลับมาใช้ภาษีที่ถูกระงับไว้ หรือมีการเก็บภาษีใหม่ ความต้องการเชื้อเพลิงอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในภาคการขนส่งและภาคอุตสาหกรรม ความไม่แน่นอนนี้จึงเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดพลังงานโลก ซึ่งขณะนี้อยู่ในภาวะเปราะบาง
นอกจากแรงกดดันภายในประเทศแล้ว พัฒนาการด้านอุปทานในระดับโลกก็เป็นอีกปัจจัยที่ถ่วงราคา WTI โดยรายงานจาก Reuters ระบุว่ากลุ่ม OPEC+ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก OPEC และพันธมิตรอย่างรัสเซีย เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 411,000 บาร์เรลต่อวันในการประชุมครั้งถัดไป
การเพิ่มขึ้นดังกล่าวจะทำให้การเพิ่มกำลังการผลิตรวมในปี 2025 อยู่ที่ 1.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือมากกว่า 1.5% ของความต้องการน้ำมันทั่วโลก แม้ว่าตลาดจะคาดหวังการผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการผลิตบ้าง แต่ขนาดและจังหวะของการเพิ่มกำลังผลิตทำให้เกิดคำถามต่อกลยุทธ์ของกลุ่ม OPEC+ ในภาวะที่ความต้องการเปราะบางและปริมาณสำรองเพิ่มขึ้น
อีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มความกังวลต่อตลาดคือนัยของข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยดัชนี PMI ของจีนในเดือนมิถุนายนลดลงมาอยู่ที่ 50.6 จาก 51.1 ในเดือนพฤษภาคม และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 51.0
นับเป็นการขยายตัวของภาคบริการที่ช้าที่สุดในรอบ 9 เดือนท่ามกลางคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงและกิจกรรมส่งออกที่ซบเซา ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันของจีนที่อาจอ่อนแรง โดยเฉพาะเมื่อการบริโภคภายในประเทศและกิจกรรมทางธุรกิจกำลังสูญเสียแรงส่ง
การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน WTI สะท้อนถึงความเปราะบางของตลาดน้ำมันโลก ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะอุปทานเพิ่มขึ้น ความต้องการที่อ่อนแอ และความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาวะน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นในอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะที่แผนการเพิ่มกำลังการผลิตของ OPEC+ อาจทำให้สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานยิ่งแย่ลง
ในขณะเดียวกัน ความระมัดระวังจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากจีนยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน จนกว่าจะมีสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของอุปสงค์และเสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ ราคาน้ำมัน WTI จึงมีแนวโน้มจะอยู่ภายใต้แรงกดดันต่อไป โดยนักลงทุนจะยังคงตอบสนองต่อข้อมูลระยะสั้นและนโยบายต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ตลาดจับตาความสัมพันธ์ระหว่างยูโรกับดอลลาร์สหรัฐอย่างใกล้ชิด เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อแนวโน้มระยะใกล้ของยูโร
2025-08-15เงินปอนด์เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบสามสัปดาห์เมื่อวันศุกร์ หลังตัวเลขเงินเฟ้อแข็งแกร่งกว่าคาด ทำให้นักลงทุนลดความคาดหมายการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed
2025-08-15หุ้นเอเชียทยาน ขณะที่ดัชนี Nikkei 225 ทำ All Time High โดย GDP ของญี่ปุ่นออกมาเหนือความคาดหมาย และความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนดัชนี CSI300 การฟื้นตัวนี้จะยืนได้ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่หลากหลายหรือไม่?
2025-08-15