7 หุ้นนางฟ้าอย่าง Apple, Microsoft, Amazon และอื่น ๆ ยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาด แต่การเผชิญกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจทำให้การลงทุนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบมากขึ้นในปี 2025
7 หุ้นนางฟ้าอย่าง Apple, Microsoft, Amazon, Alphabet, Meta Platforms, Nvidia และ Tesla ได้ครองความเป็นผู้นำในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน
ด้วยความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้หุ้นเหล่านี้มีมูลค่าตลาดสูงจนทำสถิติใหม่ มูลค่ารวมของพวกเขาในปี 2024 ทะลุ 17.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 35% ของมูลค่าตลาดทั้งหมดของ S&P 500
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ปี 2025 นักลงทุนเริ่มกลับมาประเมินใหม่ถึงอนาคตของหุ้น 7 ตัวนี้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้น
ภาพรวมผลการดำเนินงานของ 7 หุ้นนางฟ้าในปี 2025
ในปี 2025 การเปลี่ยนแปลงในตลาดนำมาซึ่งความท้าทายที่สำคัญสำหรับ 7 หุ้นนางฟ้า ซึ่งกลุ่มนี้เผชิญกับความผันผวนอย่างหนัก โดย ETF Roundhill Magnificent Seven (MAGS) ร่วงลงไปกว่า 15% นับตั้งแต่ต้นปี
จนถึงเดือนมีนาคม หุ้น 6 ตัวในกลุ่มนี้มีการลดลงระหว่าง 7% ถึง 15% โดย Tesla ประสบการร่วงลงอย่างรุนแรงถึง 38.1% เนื่องจากยอดขายที่ชะลอตัวและความกังวลเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของ CEO Elon Musk
Nvidia ก็เผชิญกับปัญหาครั้งใหญ่เช่นกัน โดยมูลค่าลดลงไปถึง 25% สาเหตุหลักมาจากการคาดการณ์ว่าบริษัทจะต้องจ่ายภาษีการส่งออก 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากข้อจำกัดใหม่ที่สหรัฐฯ กำหนดเกี่ยวกับการส่งออกชิปAIไปยังจีน
ในขณะที่ Meta Platforms ถือเป็นหุ้นเดียวในกลุ่มนี้ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในช่วงเวลานี้
ปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ
อย่างที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนได้กลับมาเป็นประเด็นที่กังวลในวงการเทคโนโลยี การที่รัฐบาลทรัมป์กำหนดข้อจำกัดใหม่ในการส่งออก โดยเฉพาะการจำกัดการส่งออกชิป AI ส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัทต่าง ๆ เช่น Nvidia และ Apple โดยเฉพาะ Nvidia ที่มูลค่าตลาดลดลงเกือบ 250 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากมาตรการดังกล่าว
นอกจากนี้ คำเตือนจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ Jerome Powell เกี่ยวกับผลกระทบจากภาษีใหม่ที่อาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ก็ยิ่งทำให้ตลาดตกอยู่ในความวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยแบบดั้งเดิม เช่น ทองคำ ที่ราคาพุ่งขึ้น 23% ในปี 2025 และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่มากกว่า 3,200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์
ผลประกอบการและแนวโน้มการเติบโต
แม้ว่าตลาดจะมีความผันผวน แต่ 7 หุ้นนางฟ้ายังคงสามารถทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง ในปี 2024 ผลกำไรของกลุ่มนี้เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 40.4% จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 13.9% สำหรับปี 2025 คาดว่าผลกำไรจะเติบโต 12.6% จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 9.5%
สำหรับไตรมาสแรกของปี 2025 คาดว่าผลกำไรจะเพิ่มขึ้น 13.1% จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 11.9% ส่วนผลประกอบการทั้งปี คาดว่าผลกำไรจะเพิ่มขึ้น 12.6% โดยมียอดรวมที่ 556.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 493.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2024
อย่างไรก็ตาม การเติบโตในปีนี้มีอัตราที่ชะลอตัวลงจากการเติบโตของผลกำไรในปีที่ผ่านมา 40.4% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเติบโตยังคงมีอยู่ แต่มีแนวโน้มที่จะชะลอลง นอกจากนี้ อัตราส่วนราคาต่อผลกำไรล่วงหน้าของหุ้นเหล่านี้สูงกว่าหุ้น 8 ตัวแรกใน S&P 500 ถึง 42% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์
แนวโน้มการดำเนินงานของแต่ละบริษัท
แต่ละบริษัทในกลุ่ม 7 หุ้นนางฟ้ามีความท้าทายและโอกาสที่แตกต่างกัน:
Apple: ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ แต่ยังคงเจอกับอุปสรรคจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานและการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลในตลาดสำคัญ
Microsoft: ยังคงรักษาความแข็งแกร่งในตลาดคลาวด์และโซลูชั่นสำหรับองค์กร แต่การเติบโตเริ่มชะลอตัวลงจากการแข่งขันที่รุนแรงและความอิ่มตัวของตลาด
Amazon: กำลังรับมือกับความท้าทายในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกที่ซับซ้อน โดยต้องบาลานซ์ระหว่างการครองตำแหน่งผู้นำในอีคอมเมิร์ซกับปัญหาที่เกิดขึ้นในธุรกิจคลาวด์
Alphabet: กำลังเผชิญกับการสอบสวนจากหน่วยงานต่อต้านการผูกขาด และต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์การโฆษณาดิจิทัลที่ส่งผลกระทบต่อรายได้
Meta Platforms: ลงทุนหนักใน Metaverse ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอน
Nvidia: กำลังเผชิญกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกชิป AI แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาความเป็นผู้นำในด้านการประมวลผลกราฟิก
Tesla: ต้องรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัทในเรื่องของการบริหารจัดการและทิศทางกลยุทธ์
ความกังวลเกี่ยวกับการรวมตัวของตลาดและการกระจายความเสี่ยง
การที่ 7 หุ้นนางฟ้ามีบทบาทสำคัญในตลาดทำให้เกิดความกังวลเรื่องการรวมตัวของตลาด เพราะหุ้นเหล่านี้มีน้ำหนักมากในดัชนีหลัก ๆ ซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานของพวกเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของตลาดโดยรวม
ในปี 2023 และ 2024 บริษัทเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2025 ผลกำไรของกลุ่มนี้จะลดลงเหลือ 33% ของการเติบโตของดัชนี ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่ตลาดจะเริ่มมีการกระจายความเสี่ยงมากขึ้น
การพัฒนาในครั้งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพิจารณากลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงที่กว้างขึ้น เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาหุ้นกลุ่มเดียวมากเกินไป
ข้อควรพิจารณาสำหรับการลงทุน
นักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นของ 7 หุ้นนางฟ้า ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้:
การประเมินมูลค่าหุ้น: ควรพิจารณามูลค่าหุ้นในปัจจุบันร่วมกับการคาดการณ์ผลกำไรและการเติบโตในอนาคต เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับการลงทุน
สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ: การทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดทางกฎหมายและการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นจะช่วยให้สามารถประเมินความเสี่ยงในการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น
นวัตกรรมทางเทคโนโลยี: การพิจารณาความมุ่งมั่นของแต่ละบริษัทในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และผลสำเร็จจากนวัตกรรมจะเป็นตัวชี้วัดถึงความยั่งยืนในระยะยาว
พลศาสตร์ของตลาด: การติดตามการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงในสภาพการแข่งขัน และปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรม จะช่วยให้คาดการณ์ผลการดำเนินงานได้แม่นยำขึ้น
สรุป
7 หุ้นนางฟ้ามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภาคเทคโนโลยีและการเงินในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แม้ในปี 2025 พวกเขายังคงมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แต่การเผชิญหน้ากับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความท้าทายด้านกฎระเบียบ และการอิ่มตัวของตลาดทำให้การวางแผนการลงทุนต้องรอบคอบและระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
นักลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ โดยพิจารณาทั้งการเติบโตของบริษัทและสถานการณ์เศรษฐกิจที่กว้างขึ้น เพื่อการตัดสินใจลงทุนที่มีความรอบคอบและสามารถคาดการณ์ได้อย่างมั่นใจ
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ติดตามราคาทองคำและเงินในปัจจุบัน สำรวจแนวโน้ม 10 ปี ปัจจัยสำคัญ อัตราส่วนราคา และเรียนรู้ว่าเวลาใดอาจเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อหรือลงทุน
2025-06-13เรียนรู้ว่าญี่ปุ่นใช้สกุลเงินอะไร บทบาทของญี่ปุ่นในฐานะสกุลเงินอย่างเป็นทางการ และเหตุใดจึงเป็นสกุลเงินที่ผู้ค้าสกุลเงินทั่วโลกชื่นชอบ
2025-06-13ค้นพบว่า SWPPX ของ Schwab มอบการเข้าถึง S&P 500 ต้นทุนต่ำได้อย่างไร พร้อมมอบประสิทธิภาพที่มั่นคงและความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอในระยะยาว
2025-06-13