On Balance Volume คืออะไร? อินดิเคเตอร์ทรงพลังเพื่อการลงทุน

2025-01-06
สรุป

On Balance Volume คืออินดิเคเตอร์ที่ช่วยยืนยันแนวโน้มจากปริมาณการซื้อขาย ใช้งานง่าย แต่ควรใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นเพื่อความแม่นยำ

ในฐานะนักลงทุนคุณ อาจกำลังมองหาวิธีที่จะทำให้คุณมีความเข้าใจตลาดล่วงหน้าและสามารถคาดการณ์ทิศทางของหุ้นได้ดีกว่าคนอื่น ๆ อินดิเคเตอร์ On Balance Volume (OBV) คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณทำสิ่งนี้ได้ โดยเปิดเผยแรงซื้อและแรงขายที่ซ่อนอยู่ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา


OBV จะช่วยให้คุณจับจังหวะของตลาดได้ดีขึ้น โดยแสดงการสะสมของแรงซื้อหรือแรงขายที่เกิดขึ้นตามเวลา เมื่อ OBV ขึ้นพร้อมกับราคา นั่นแสดงถึงกระแสที่แข็งแกร่งและมีการสนับสนุนจากปริมาณการซื้อขายที่ดี แต่ถ้า OBV เริ่มเบี่ยงเบนจากราคา นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มของตลาดอาจจะเริ่มอ่อนแรงลง เมื่อคุณต้องการยืนยันการทะลุ (breakout) หรือสังเกตการกลับตัวของแนวโน้ม อินดิเคเตอร์นี้จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น


ความหมายและวัตถุประสงค์ของอินดิเคเตอร์ On Balance Volume

อินดิเคเตอร์ On Balance Volume (OBV) เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งช่วยให้นักเทรดและนักวิเคราะห์สามารถมองเห็นแนวโน้มของตลาดได้ในมุมมองที่แตกต่าง โดยการเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวของราคาและปริมาณการซื้อขาย อินดิเคเตอร์นี้ถูกพัฒนาโดย Joseph Granville ในปี 1960 และมีหลักการที่เรียบง่ายแต่มีกำลัง โดยปริมาณการซื้อขายมักจะนำหน้าการเคลื่อนไหวของราคา กล่าวคือ เมื่อปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นแต่ราคายังไม่ขยับ มันอาจบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งหรือความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ในตลาด ซึ่งสามารถช่วยทำนายการเปลี่ยนแปลงของราคาในอนาคต

Joseph Granville

ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นจะเป็นสัญญาณของการสนับสนุนจากผู้ซื้อในช่วงที่ราคาขึ้น ส่วนการลดลงของ OBV จะหมายถึงการไหลออกของปริมาณการซื้อขายจากสินทรัพย์ในช่วงที่ราคาลดลง ซึ่งแสดงถึงแรงขา ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณการซื้อขายนี้ทำให้ OBV เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของแนวโน้มตลาดและช่วยคาดการณ์การกลับตัวของตลาดก่อนที่การเปลี่ยนแปลงในราคาจะชัดเจน


การคำนวณและสูตรของอินดิเคเตอร์ On Balance Volume

อินดิเคเตอร์ OBV คำนวณแบบสะสมโดยสร้างเส้นที่สะท้อนถึงการไหลของปริมาณสุทธิ ซึ่งมีสูตรการคำนวณดังนี้:

  • หากราคาปิดวันนี้สูงกว่าราคาปิดเมื่อวาน: OBV = OBV ก่อนหน้า + ปริมาณการซื้อขายวันนี้

  • หากราคาปิดวันนี้ต่ำกว่าราคาปิดเมื่อวาน: OBV = OBV ก่อนหน้า - ปริมาณการซื้อขายวันนี้

  • หากราคาปิดวันนี้ไม่เปลี่ยนแปลง: OBV = OBV ก่อนหน้า

สูตรของ OBV

สูตรของ OBV นี้แสดงให้เห็นว่าเส้น OBV ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างไร เมื่อเส้น OBV ขึ้น หมายความว่าผู้ซื้อกำลังสะสมหุ้นในขาขึ้น ในขณะที่ถ้า OBV ลดลง แสดงว่าผู้ขายกำลังครอบงำตลาด หากเส้น OBV แสดงแนวราบ หมายความว่าไม่มีแรงซื้อหรือขายที่ชัดเจน


ตัวอย่างเช่น ถ้าหุ้นปิดสูงขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขาย 1 ล้านหุ้น OBV จะเพิ่มขึ้น 1 ล้าน หากวันถัดไปหุ้นปิดลงพร้อมกับปริมาณการซื้อขาย 500,000 หุ้น OBV จะลดลง 500,000 การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะสะสมเป็นเส้น OBV ซึ่งนักเทรดใช้ในการสังเกตแนวโน้ม การเบี่ยงเบน หรือการกลับตัวของราคา


บทบาทของอินดิเคเตอร์ On Balance Volume ในกลยุทธ์การเทรด

หลังจากที่เราได้สำรวจหลักการพื้นฐานและสูตรของอินดิเคเตอร์ OBV ไปแล้ว จะเห็นได้ว่า ค่าของมันอยู่ที่การผสมผสานระหว่างปริมาณการซื้อขายและการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อให้มุมมองที่ละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของ OBV อยู่ที่การที่มันสามารถใช้ในการวัดความรู้สึกของตลาดและระบุแรงที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงของราคา สำหรับนักเทรด อินดิเคเตอร์นี้มีประโยชน์หลายประการที่ช่วยในการตัดสินใจลงทุน


หนึ่งในวิธีที่นิยมใช้ OBV คือการยืนยันแนวโน้ม เมื่อราคากำลังขึ้นและ OBV ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย นั่นหมายความว่าแนวโน้มขาขึ้นนั้นได้รับการสนับสนุนจากการซื้อขายที่มีปริมาณมาก ซึ่งแสดงว่าแนวโน้มขาขึ้นนี้อาจจะดำเนินต่อไปได้

OBV มีแนวโน้มขาขึ้น ยืนยันแนวโน้มราคาขาขึ้น

ในทางกลับกัน หากราคาลดลงและ OBV ก็ลดตามไปด้วย มันจะยืนยันว่าแรงขายกำลังกดดันตลาด ซึ่งทำให้เรามั่นใจว่าแนวโน้มขาลงมีความแข็งแกร่ง ในทั้งสองกรณีนี้ OBV ช่วยให้มั่นใจว่าแนวโน้มไม่ได้เป็นแค่การผันผวนระยะสั้น แต่เป็นการเคลื่อนไหวของตลาดที่ยั่งยืน


การใช้งานที่สำคัญอีกประการของ OBV คือการสังเกตการเบี่ยงเบนระหว่างราคาและปริมาณการซื้อขาย การเบี่ยงเบนเกิดขึ้นเมื่อราคาทำระดับสูงใหม่ แต่ OBV ไม่สามารถทำตามได้ หรือในทางกลับกัน การเบี่ยงเบนเหล่านี้สามารถเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าของการกลับตัวของแนวโน้ม


ตัวอย่างเช่น หากหุ้นกำลังขึ้นไปทำระดับสูงใหม่ แต่ OBV ไม่สามารถขึ้นตามได้ นั่นอาจแสดงว่า ปริมาณการซื้อขายที่สนับสนุนราคากำลังอ่อนแรงลง ซึ่งอาจหมายความว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังหมดแรง และการกลับตัวอาจเกิดขึ้นได้ ในทำนองเดียวกัน หากราคากำลังทำระดับต่ำใหม่ แต่ OBV กลับเพิ่มขึ้น มันแสดงว่าแรงซื้อกำลังเพิ่มขึ้นถึงแม้ว่าราคาจะลดลง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวขึ้นที่กำลังจะเกิดขึ้น

ตัวระบุตัวตรวจจับความแตกต่าง OBV

สุดท้าย OBV ยังสามารถใช้ยืนยันการทะลุ เมื่อสินทรัพย์ทำการทะลุระดับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ OBV สามารถยืนยันได้ว่าการทะลุนั้นเป็นการเคลื่อนไหวที่แท้จริง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากความสนใจของตลาดจริง ๆ ไม่ใช่แค่การผันผวนชั่วคราว การพุ่งขึ้นของ OBV ขณะเกิดการทะลุจะเป็นสัญญาณว่าตลาดมีปริมาณการซื้อขายเพียงพอที่จะรองรับการเคลื่อนไหวของราคา ทำให้นักเทรดสามารถมองเห็นทิศทางของแนวโน้มได้ชัดเจนขึ้น

OBV Trendline Break

ในกราฟด้านบน แนวโน้มขาลงของ Amazon ถูกเน้นด้วยการทะลุเส้นแนวโน้ม ซึ่งอาจจะบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในลักษณะของราคาที่จะเกิดขึ้น แต่เพื่อยืนยันสิ่งนี้ให้มากขึ้น เราสามารถดูกราฟ OBV ที่ตอบสนองโดยตรงกับการทำลายแนวโน้มขาลง


อย่างที่เห็น การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายพร้อมกับการทำลายเส้นแนวโน้ม แสดงถึงการเคลื่อนไหวที่มีความตื่นตัวของตลาดในช่วงเวลาสำคัญนี้ นอกจากนี้ ปริมาณยังทดสอบเส้นแนวโน้มอีกครั้งก่อนที่จะเกิดการดีดกลับซึ่งยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นในความถูกต้องของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม


เมื่อพิจารณากราฟราคาควบคู่กับกราฟ OBV จะเห็นได้ว่าการตัดสินใจเข้าซื้อหุ้น Amazon จากมุมมองทางเทคนิคมีน้ำหนักและความน่าสนใจเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน คุณคิดอย่างไร? คาดเดาได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เส้นแนวโน้มถูกทะลุ?

OBV ทำลายเส้นแนวโน้ม - ตามแนวโน้มขาขึ้นบนกราฟราคา

หลังจากที่ราคาทะลุเส้นแนวโน้มขาลง Amazon ก็เริ่มปรับตัวเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นใหม่อย่างชัดเจน นักเทรดที่อาศัยสัญญาณจากการทะลุแนวโน้ม ประกอบกับปัจจัยหนุนอื่น ๆ ที่ใช้ยืนยันจังหวะเข้าซื้อ ก็มีโอกาสสูงที่จะสามารถทำกำไรจากแนวโน้มขาขึ้นครั้งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


แต่อย่างไรก็ตาม แม้การทะลุแนวโน้มจะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนและทรงพลัง แต่มันไม่ควรถูกใช้เป็นเหตุผลเดียวในการตัดสินใจลงทุน การพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น สัญญาณจากอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ หรือบริบทของตลาดโดยรวม ยังคงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยงในการเทรด


ข้อจำกัดของอินดิเคเตอร์ On Balance Volume

แม้ว่าอินดิเคเตอร์ OBV จะเป็นเครื่องมือที่หลายคนใช้ในการดูแนวโน้มของตลาดจากปริมาณการซื้อขาย แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรระวังเช่นกัน และไม่ควรใช้เป็นเครื่องมือเดียวในการตัดสินใจซื้อขาย ข้อจำกัดที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ OBV ไม่ได้บอก “ขนาด” หรือ “ความแรง” ของการเคลื่อนไหวของราคาแม้จะสามารถชี้ให้เห็นว่ามีปริมาณการซื้อขายที่สนับสนุนแนวโน้มของราคา แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปไกลแค่ไหน หรือจะเกิดขึ้นเร็วเพียงใด


อีกประเด็นหนึ่งคือ OBV อาจส่งสัญญาณหลอกได้ โดยเฉพาะในตลาดที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบหรือไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน (Sideways Market) ในสถานการณ์แบบนี้ แม้จะเห็นว่ามีปริมาณซื้อขายมากขึ้น แต่หากราคายังไม่ขยับไปทิศทางใดอย่างชัดเจน ก็อาจทำให้นักเทรดตีความผิดว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ ทั้งที่จริงแล้วอาจเป็นแค่ความผันผวนปกติของตลาด


นอกจากนี้ OBV ยังจัดอยู่ในกลุ่มอินดิเคเตอร์ประเภท Lagging Indicator แม้จะอิงจากแนวคิดว่าปริมาณมักนำหน้าราคา แต่การคำนวณของ OBV ยังคงใช้ข้อมูลจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้ในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว OBV อาจไม่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ทันทีเท่าที่ควร


ด้วยเหตุนี้ นักเทรดจำนวนมากจึงไม่นิยมใช้ OBV เพียงอย่างเดียว แต่จะใช้ควบคู่กับอินดิเคเตอร์อื่น เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ RSI หรือ MACD เพื่อช่วยยืนยันสัญญาณการเทรดและลดโอกาสเกิดความผิดพลาด การใช้ OBV ร่วมกับกลยุทธ์ที่รอบคอบจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจและบริหารความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น


จุดแข็งและข้อจำกัดของอินดิเคเตอร์ On Balance Volume
จุดแข็ง ข้อจำกัด
ยืนยันแนวโน้มด้วยปริมาณการซื้อขาย
ไม่สามารถบอกขนาดของการเคลื่อนไหวของราคาได้ชัดเจน
ช่วยระบุจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น อาจให้สัญญาณหลอกในตลาดที่มีความผันผวนสูง
ใช้ยืนยันการเกิดทะลุ มีประสิทธิภาพน้อยลงในตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบ


อินดิเคเตอร์ On Balance Volume คือเครื่องมือที่ช่วยให้นักเทรดเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่าง "ปริมาณการซื้อขาย" กับ "การเคลื่อนไหวของราคา" ได้ดีขึ้น โดย OBV สามารถช่วยยืนยันแนวโน้มของตลาด บอกความขัดแย้งระหว่างราคากับปริมาณ และช่วยยืนยันจังหวะการทะลุได้อย่างมีประโยชน์


แม้ OBV จะมีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถวัดความแรงของการขึ้นหรือลงของราคาได้อย่างชัดเจน แต่ด้วยความเรียบง่ายใช้งานไม่ซับซ้อน และสามารถให้มุมมองเบื้องต้นเกี่ยวกับแรงส่งของตลาด จึงทำให้ OBV เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเลือกใช้ อย่างไรก็ตาม การใช้งาน OBV ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรใช้งานร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เช่น RSI, MACD หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบด้าน หากเข้าใจหลักการและใช้ OBV อย่างเหมาะสม ก็สามารถเพิ่มโอกาสในการวิเคราะห์ตลาดและวางกลยุทธ์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

ทำไมราคาทองคำจึงเพิ่มขึ้นในวันนี้? อธิบายปัจจัยสำคัญ

ทำไมราคาทองคำจึงเพิ่มขึ้นในวันนี้? อธิบายปัจจัยสำคัญ

เหตุใดราคาทองคำจึงเพิ่มขึ้นในวันนี้ สำรวจปัจจัยกระตุ้นแบบเรียลไทม์เบื้องหลังการปรับขึ้นราคา ตั้งแต่ความกลัวต่อเงินเฟ้อไปจนถึงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

2025-06-16
5 คำแนะนำสำหรับนักเทรดที่ต้องการธงขาขึ้นและขาลง

5 คำแนะนำสำหรับนักเทรดที่ต้องการธงขาขึ้นและขาลง

เชี่ยวชาญรูปแบบธงขาขึ้นและขาลงด้วยเคล็ดลับสำคัญ 5 ประการสำหรับการระบุ การซื้อขาย และการจัดการความเสี่ยงในตลาดที่มีแนวโน้ม เพิ่มความมั่นใจในการเทรดของคุณ

2025-06-16
 AGG คืออะไร และทำไมคุณจึงควรพิจารณาเรื่องนี้?

AGG คืออะไร และทำไมคุณจึงควรพิจารณาเรื่องนี้?

เรียนรู้ว่า Agg คืออะไร และเหตุใดจึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาการเปิดรับตลาดพันธบัตรในวงกว้างและการกระจายพอร์ตการลงทุน

2025-06-16