เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-24
24 ต.ค. 2025 - ราคาทองคำ (XAU/USD) อ่อนตัวลงต่ำกว่าระดับ 4,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงการซื้อขายเอเช้าวันศุกร์ จากแรงแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนยังคงระมัดระวังหลังจากการเทขายรุนแรงในช่วงก่อนหน้า นักวิเคราะห์มองว่าการสิ้นสุดเทศกาลดีวาลีในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคทองคำรายใหญ่อันดับสองของโลก อาจทำให้ความต้องการทองคำแท้ลดลงและกดดันราคาในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากภาวะรัฐบาลสหรัฐชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อและความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลก อาจหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกันการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าและเดือนธันวาคม ก็ช่วยจำกัดแรงขาย เนื่องจากดอกเบี้ยที่ต่ำลงทำให้ต้นทุนในการถือครองทองคำซึ่งไม่มีผลตอบแทนลดลง
ตลาดรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐประจำเดือนกันยายนที่จะเผยแพร่ในวันศุกร์ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า CPI รวมจะเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อรายปีอยู่ที่ 3.1% ขณะที่ CPI พื้นฐาน (ไม่รวมอาหารและพลังงาน) คาดว่าจะขยับขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบรายปี
นอกจากนี้ การเจรจาการค้าระดับสูงระหว่างสหรัฐและจีนจะเริ่มต้นในวันศุกร์ที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีรองนายกรัฐมนตรีเหอ หลี่เฟิง ของจีน เข้าร่วมประชุมร่วมกับรัฐมนตรีคลังสหรัฐ สกอตต์ เบสเซนต์ และผู้แทนการค้าสหรัฐ เจมิสัน เกรียร์ ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีกำหนดพบกันในสัปดาห์หน้าระหว่างการประชุม APEC
สหรัฐยังคงพิจารณามาตรการจำกัดการส่งออกซอฟต์แวร์ไปจีน เพื่อตอบโต้การที่ปักกิ่งจำกัดการส่งออกแร่หายาก ขณะที่วิกฤตชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐลากยาวถึงวันที่ 24 แล้ว กลายเป็นการหยุดทำงานของภาครัฐที่ยาวนานเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ หลังร่างกฎหมายชั่วคราวของพรรครีพับลิกันไม่ผ่านวุฒิสภาเป็นครั้งที่ 12 ด้วยคะแนนเสียง 54 ต่อ 46
ในอีกด้านหนึ่ง ทรัมป์ได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมจากกรณีสงครามยูเครน โดยมุ่งเป้าไปที่บริษัทน้ำมันรายใหญ่ Lukoil และ Rosneft ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการใช้มาตรการลักษณะนี้ในสมัยที่สองของเขา ผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่าเฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในการประชุมครั้งหน้าและเดือนธันวาคม โดยเครื่องมือ CME FedWatch บ่งชี้ความเป็นไปได้สูงถึง 97%
กราฟรายวันชี้ว่าทองคำยังมีแนวโน้มเชิงบวก เนื่องจากราคายังเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียล 100 วัน และดัชนี RSI 14 วันอยู่เหนือระดับ 60 บ่งชี้แรงซื้อยังไม่หมด กรอบแนวต้านแรกอยู่ที่ 4,218 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวันที่ 15 ตุลาคม หากผ่านได้อาจไปต่อที่ 4,330 ดอลลาร์ และ 4,365 ดอลลาร์ตามขอบบนของ Bollinger Band ส่วนแนวรับแรกอยู่ที่ 4,066 ดอลลาร์ และจุดจิตวิทยา 4,000 ดอลลาร์

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ปรับตัวลดลงใกล้ระดับ 61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงการซื้อขายเอเช้าวันศุกร์ หลังจากปรับขึ้นติดต่อกันสามวัน อย่างไรก็ดี ราคายังเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลด้านอุปทาน หลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัสเซียสองแห่งคือ Rosneft และ Lukoil
บริษัททั้งสองซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของการส่งออกน้ำมันรัสเซีย และมากกว่า 5% ของการผลิตน้ำมันทั่วโลก การถูกคว่ำบาตรจึงอาจกระทบต่อเสถียรภาพด้านอุปทานพลังงานโลก รอยเตอร์รายงานว่า บริษัทน้ำมันของจีนได้ระงับการซื้อน้ำมันรัสเซียทางเรือชั่วคราว ขณะที่โรงกลั่นในอินเดียเตรียมลดการนำเข้าเพื่อปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรใหม่ ด้านสหภาพยุโรป (EU) ก็ได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรด้านพลังงานต่อรัสเซียเช่นกัน
ยูเครนยังคงโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซีย โดยอ้างว่าได้โจมตีโรงกลั่นของ Rosneft เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สหรัฐระบุว่าพร้อมจะใช้มาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวปฏิเสธผลกระทบของมาตรการดังกล่าว โดยมองว่าเป็น “การกระทำที่ไม่เป็นมิตร” และย้ำว่ารัสเซียยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดพลังงานโลก
ในอีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีน้ำมันของคูเวตเปิดเผยว่า กลุ่มโอเปก (OPEC) พร้อมจะปรับเพิ่มการผลิตหากตลาดขาดแคลน เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันในระยะสั้น

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ