เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-21
สำหรับมือใหม่ในปี 2025 การยึดติดกับคู่สกุลเงินหลัก (Major Pairs) โดยเฉพาะ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, AUD/USD, USD/CAD และ EUR/GBP ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะคู่เหล่านี้ให้สเปรดที่แคบที่สุด มีสภาพคล่องสูงสุด ขับเคลื่อนด้วยปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่เข้าใจง่าย และยังมีแหล่งความรู้และสื่อการสอนให้ศึกษาได้มากมาย
นอกจากนี้ ควรเลือกเทรดในช่วงเวลาที่ตลาดหลักซ้อนทับกัน เช่น ลอนดอน–นิวยอร์ก หรือ โตเกียว–ลอนดอน บริหารขนาดการเปิดสถานะอย่างระมัดระวัง ใช้คำสั่ง Stop Loss ทุกครั้ง และมุ่งเน้นการฝึกฝนให้เชี่ยวชาญในคู่เดียวก่อนจะขยายไปคู่อื่น
ภาพรวมตลาด Forex (ตุลาคม 2025)
• ปริมาณ FX รายวัน : 7.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณการโดย BIS)
• คู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายสูงสุด (ส่วนแบ่งตลาด) : EUR/USD 24%, USD/JPY 13%, GBP/USD 9%, AUD/USD 6%
• ความผันผวนเฉลี่ยรายวันของคู่หลัก : ประมาณ 0.45%
• ช่วงการซื้อขายหลัก : ลอนดอน (38%), นิวยอร์ก (19%), เอเชีย (7%)
คู่มือนี้รวบรวมข้อมูลตลาดล่าสุดปี 2025 พร้อมข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแนะนำคู่สกุลเงินที่เหมาะที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น อธิบายจุดเด่น ลักษณะการเทรด และปัจจัยความเสี่ยงของแต่ละคู่ไว้อย่างครบถ้วน
ก่อนจะไปดูว่าคู่สกุลเงินใดดีที่สุดสำหรับมือใหม่ เราควรเข้าใจก่อนว่าลักษณะใดบ้างที่ทำให้คู่สกุลเงินนั้นเหมาะกับนักเทรดมือใหม่:
สภาพคล่อง : สภาพคล่องสูงช่วยให้ได้สเปรดแคบ ต้นทุนการซื้อขายต่ำ และเข้า–ออกออเดอร์ได้ง่าย
ความผันผวน : ความผันผวนในระดับปานกลางเปิดโอกาสให้ทำกำไรได้โดยไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงรุนแรงเกินไป
ความคาดการณ์ได้ : คู่สกุลเงินที่ได้รับอิทธิพลจากเศรษฐกิจที่มั่นคงมักมีแนวโน้มราคา (Trend) ที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ
ความโปร่งใสทางเศรษฐกิจ : ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางกลยุทธ์ได้ง่าย
แหล่งข้อมูลที่หาได้ทั่วไป : คู่ยอดนิยมจะมีบทวิเคราะห์ ข่าวสาร และการศึกษาทางเทคนิคให้เข้าถึงได้มาก
คู่สกุลเงินที่มีคุณสมบัติเหล่านี้มักกลายเป็น “รากฐานการเรียนรู้” ของมือใหม่ เพราะผสมผสานระหว่าง ความเสี่ยงที่จัดการได้ และทรัพยากรข้อมูลที่อุดมสมบูรณ์
จากรายงานด้านสภาพคล่องและความผันผวนของปี 2025 พบว่าคู่สกุลเงิน 6 คู่ต่อไปนี้โดดเด่นที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น ด้วยเหตุผลจาก สเปรดที่ต่ำ ปัจจัยมหภาคที่ชัดเจน และพฤติกรรมตลาดที่มีเสถียรภาพ
คู่สกุลเงิน | สภาพคล่อง | สเปรดโดยทั่วไป | จุดเด่น | ความผันผวน | แนวโน้มปี 2025 |
---|---|---|---|---|---|
EUR/USD | ลึกที่สุด (≈24% ของตลาดโลก) | <1 pip | เศรษฐกิจโปร่งใส ตอบสนองชัดต่อข่าวจาก Fed และ ECB | ปานกลาง | ดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับนโยบายผ่อนคลายของ ECB |
USD/JPY | ลำดับที่ 2 | ~1 pip | บ่งชี้ทิศทางความเสี่ยงทั่วโลก มีช่องว่างนโยบายการเงินชัดเจน | คงที่ มีบางช่วงผันผวน | ช่องว่างนโยบาย Fed–BoJ ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก |
GBP/USD | สูง | 1.5–2 pips | ตอบสนองแรงต่อข้อมูลเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรและ BoE | สูงกว่า EUR/USD | นโยบาย BoE และการค้าระหว่าง UK–EU ส่งผลต่อความผันผวน |
AUD/USD | แข็งแกร่ง (โดยเฉพาะเวลาทำการในเอเชีย) | ~1.5 pips | เชื่อมโยงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เหมาะกับผู้ชอบเทรดตามเศรษฐกิจมหภาค | ปานกลาง | ขึ้นอยู่กับการเติบโตของจีนและราคาทรัพยากร |
USD/CAD | สูงในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ | ~1.5 pips | ผูกกับราคาน้ำมัน มีรูปแบบพื้นฐานชัดเจน | ปานกลาง | ทิศทาง Fed และอุปสงค์น้ำมันโลกเป็นปัจจัยสำคัญ |
EUR/GBP | คู่ครอสยอดนิยม | <1.5 pips | ความผันผวนต่ำ เหมาะสำหรับมือใหม่ | ต่ำ–ปานกลาง | คาดว่าจะแกว่งในกรอบ 0.85–0.90 ท่ามกลางการฟื้นตัวของ UK–EU |
คู่สกุลเงินทั้งหกนี้มีจุดร่วมสำคัญคือ สภาพคล่อง ความผันผวนที่เหมาะสม และความชัดเจนของทิศทางตลาด ซึ่งเป็นสามเสาหลักของการเทรดสำหรับผู้เริ่มต้น
EUR/USD ยังคงเป็นคู่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่มือใหม่ เพราะมีสภาพคล่องสูงและตอบสนองต่อข้อมูลเศรษฐกิจได้อย่างสม่ำเสมอ
USD/JPY ให้รูปแบบการเคลื่อนไหวที่มั่นคง โดยได้รับอิทธิพลจากความแตกต่างทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และญี่ปุ่น (BoJ)
GBP/USD แม้จะมีความผันผวนสูงกว่า แต่ให้ผลตอบแทนดีสำหรับผู้ที่ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจและนโยบายของ BoE อย่างใกล้ชิด
AUD/USD และ USD/CAD เหมาะกับเทรดเดอร์ที่สนใจตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก ช่วยเพิ่มความหลากหลายในพอร์ตเทรด
EUR/GBP เหมาะกับมือใหม่ที่ต้องการความเสี่ยงต่ำ เพราะมีความผันผวนไม่มากและเคลื่อนไหวในกรอบค่อนข้างนิ่ง
โดยรวมแล้ว คู่สกุลเงินเหล่านี้ถือเป็น “สนามฝึกที่เหมาะสมที่สุด” สำหรับเรียนรู้โครงสร้างตลาด ทดสอบกลยุทธ์ และสร้างวินัยการเทรดภายใต้ความเสี่ยงที่ควบคุมได้จริง
แม้ว่าคู่สกุลเงินหลัก (Major Pairs) จะให้เงื่อนไขการเทรดที่ดีที่สุด แต่คู่เกิดใหม่ (Emerging Pairs) บางคู่ก็น่าสนใจในแง่ของการกระจายความเสี่ยงหรือการเก็งกำไรตามธีมเศรษฐกิจเฉพาะทาง สำหรับมือใหม่ สามารถลองสำรวจได้เมื่อเริ่มคุ้นเคยกับคู่หลักแล้ว เช่น
NZD/USD: มีลักษณะคล้าย AUD/USD แต่สภาพคล่องต่ำกว่าเล็กน้อย
USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิส): เป็นคู่สกุลเงินที่ถือว่า “สินทรัพย์หลบภัย” มักตอบสนองต่อภาวะความเสี่ยงในตลาด
EUR/JPY: รวมพลวัตของทั้งเศรษฐกิจยูโรโซนและญี่ปุ่น เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสมดุลของสภาพคล่องและความผันผวน
ในปี 2025 ควรจับตาการเคลื่อนไหวของ USD/CNY เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวและมีแนวโน้มเปิดเสรีนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น
“ความชัดเจนสำคัญกว่าความซับซ้อน” โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น ลองใช้ขั้นตอนง่าย ๆ นี้ในการเทรดทุกวัน:
เลือกคู่เดียวและช่วงเวลาเดียว เริ่มต้นจาก EUR/USD ในช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน (ประมาณ 8:00–12:00 GMT) ซึ่งเป็นเวลาที่มีสภาพคล่องดีที่สุด
ใช้กรอบเวลาเดียวและกลยุทธ์เดียว เทรดเพียงกลยุทธ์เดียว (เช่น การเทรดตามโมเมนตัมบนกราฟ 15 นาที หรือการเทรดแบบกลับค่าเฉลี่ยในกราฟ 1 ชั่วโมง) พร้อมกำหนดจุดเข้า (Entry) จุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) และเป้าหมายกำไร (Target) ให้ชัดเจน
จำกัดความเสี่ยงต่อครั้งไว้ที่ 0.5–1% ใช้การคำนวณขนาดสัญญา (Position Sizing) เพื่อควบคุมความเสี่ยง และอย่าเพิ่มขนาดการเทรดหลังจากขาดทุน จงมองแต่ละออเดอร์เป็น “การทดลอง” ที่สามารถเรียนรู้และประเมินผลได้
กิจวัตรนี้จะช่วยให้คุณจัดการจิตวิทยาได้ง่ายขึ้น และฝึกฝนความแม่นยำในการเข้าออกออเดอร์ รวมถึงการจดบันทึกเทรดก่อนที่จะเพิ่มความซับซ้อนในภายหลัง
เริ่มต้นด้วยการเทรดขนาดเล็ก : จำกัดความเสี่ยงของแต่ละออเดอร์จนกว่าจะคุ้นชินกับความผันผวนของตลาด FX
ตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit: ใช้คำสั่งอัตโนมัติเพื่อจัดการอัตราส่วนความเสี่ยง–ผลตอบแทนอย่างมีวินัย
ติดตามปฏิทินเศรษฐกิจ : การประชุมธนาคารกลาง ข้อมูล CPI และรายงานการจ้างงานเป็นตัวขับเคลื่อนราคาหลัก
หลีกเลี่ยงการเทรดคู่ที่ผันผวนเกินไปในตอนแรก: ฝึกเทรดคู่หลักให้เชี่ยวชาญก่อนขยับไปยังคู่แปลกใหม่หรือคู่ที่มีสภาพคล่องต่ำ
ติดตามข่าวสารทั่วโลก: สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ การเจรจาการค้า หรือวิกฤตระหว่างประเทศสามารถสร้างความผันผวนอย่างรุนแรงได้
ในแง่ของปัจจัยมหภาค แต่ละคู่หลักมีตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ควรติดตามผ่านปฏิทินเศรษฐกิจ เช่น
EUR/USD : อัตราดอกเบี้ยของ Fed, รายงานการจ้างงานสหรัฐ (Non-farm Payrolls), นโยบายของ ECB และดัชนี PMI ของยูโรโซน
USD/JPY : ข้อมูล CPI สหรัฐ, แถลงการณ์นโยบายของ BoJ และกระแสเงินลงทุนในช่วงตลาดเสี่ยงต่ำ (Risk-off)
GBP/USD : ดัชนี CPI ของสหราชอาณาจักร, การตัดสินใจของ BoE, ข้อมูล GDP และข่าวด้านงบประมาณของรัฐบาลอังกฤษ
AUD/USD : ดัชนี PMI ของจีน, ข้อมูลการจ้างงานออสเตรเลีย และการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
USD/CAD : ข้อมูลการจ้างงานแคนาดา, นโยบายของ BoC และราคาน้ำมันดิบ
EUR/GBP : ดัชนี PMI, GDP และความแตกต่างทางนโยบายระหว่าง BoE และ ECB
ควรตรวจสอบกำหนดการประกาศข้อมูลล่วงหน้า และหลีกเลี่ยงการเปิดสถานะที่ใช้เลเวอเรจสูงก่อนประกาศข่าวสำคัญ เว้นแต่คุณมีกลยุทธ์เฉพาะสำหรับการเทรดข่าวโดยตรง
สำหรับมือใหม่ EBC Financial Group ช่วยให้การเทรดง่ายขึ้น ด้วยการดำเนินคำสั่งที่รวดเร็ว สเปรดโปร่งใส เครื่องมือการเรียนรู้คุณภาพดี และการกำกับดูแลภายใต้หน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ จุดสำคัญที่ควรตรวจสอบก่อนเลือกโบรกเกอร์ ได้แก่:
การกำกับดูแลด้านกฎระเบียบ
สเปรดเฉลี่ยและค่าคอมมิชชัน
รูปแบบการดำเนินการ
บัญชีทดลองหรือบัญชีขนาดเล็ก
ความรวดเร็วในการถอนเงินและบริการลูกค้า
อย่าหมกมุ่นเกินไปกับความแตกต่างของสเปรดเพียงไม่กี่จุด จนกว่ากลยุทธ์ของคุณจะพิสูจน์แล้วว่าสามารถทำกำไรได้จริง เพราะในระยะยาว “ความสม่ำเสมอในการดำเนินคำสั่งและจิตวิทยาการเทรด” มีผลต่อผลลัพธ์มากกว่าแค่ตัวเลขของสเปรด
เมื่อคุณสามารถทำกำไรอย่างสม่ำเสมอจากคู่สกุลเงินเดียวได้แล้ว คุณอาจพิจารณาขยายพอร์ตไปยังคู่เพิ่มเติมได้ หากคุณมีคุณสมบัติดังนี้:
สามารถสร้างผลตอบแทนบวกได้อย่างต่อเนื่องจากการเทรดจริงหรือบัญชีทดลองอย่างน้อย 100 ครั้ง
อธิบายได้อย่างชัดเจนถึงปัจจัยมหภาค (Macro Drivers) ที่มีอิทธิพลต่อคู่ใหม่ และสามารถติดตามข่าวสารได้เป็นประจำทุกสัปดาห์
มีระบบการคำนวณขนาดการเปิดสถานะ (Position Sizing) เพื่อควบคุมความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ต
เชี่ยวชาญในการเทรดในหลายช่วงเวลา (Sessions) และเข้าใจการปรับเวลาออมแสง (DST Adjustments)
อย่าขยายพอร์ตเร็วเกินไป เพราะการเข้าใจเชิงลึกใน “คู่เดียว” ย่อมดีกว่าการเทรดหลายคู่แบบผิวเผิน
โดยทั่วไป EUR/USD จะมีสเปรดเฉลี่ยแคบที่สุด ทำให้เป็นคู่ที่มีต้นทุนการเทรดถูกที่สุดสำหรับนักเทรดรายย่อย
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ ช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน (ประมาณ 8:00–12:00 GMT) เพราะมีสภาพคล่องสูงที่สุด แต่ควรระวังการเปลี่ยนแปลงของเวลาออมแสง (DST) ที่อาจทำให้ช่วงเวลานี้ขยับได้เล็กน้อย
ในช่วงแรก ไม่ควรใช้เลเวอเรจ หรือใช้ในระดับต่ำมาก เพื่อให้เน้นการฝึกฝนทักษะด้านการเข้า–ออกออเดอร์ และควบคุมอารมณ์ในการเทรดให้มั่นคงก่อน
ได้แน่นอน เพียงเลือกคู่เดียวและเทรดในช่วงเวลาที่คงที่ทุกวัน เทรดเดอร์พาร์ทไทม์จำนวนมากประสบความสำเร็จด้วยกลยุทธ์อย่าง Breakout หรือ Mean Reversion โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดลอนดอน–นิวยอร์กซ้อนกัน
สรุปแล้ว เส้นทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับมือใหม่ในปี 2025 ยังคงเป็นการเริ่มต้นจาก คู่สกุลเงินหลัก (Major Pairs) ได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, AUD/USD, USD/CAD และ EUR/GBP
แม้ว่าสภาพตลาดในปี 2025 จะมีรายละเอียดที่ซับซ้อนขึ้น แต่ “หลักการเทรดที่ดี” ยังคงเหมือนเดิม คือการควบคุมความเสี่ยงอย่างมีวินัย ใช้แผนเทรดที่ทำซ้ำได้ และติดตามผลการเทรดอย่างซื่อสัตย์
ดังนั้น จงเทรดในช่วงที่มีสภาพคล่องสูง บริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ และฝึกเชี่ยวชาญในกลยุทธ์เดียวให้มั่นใจก่อนจะขยายไปสู่แนวทางอื่น
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ