简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

วิเคราะห์ หุ้น Visa vs Mastercard ใครครองบัลลังก์การเงินโลก?

2025-09-25

หุ้น Visa คือหุ้นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการชำระเงินดิจิทัลที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญมากในยุคที่การเงินโลกกำลังเผชิญความท้าทายยจากปัจจัยต่าง ๆ เนื่องจาก Visa ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มกลางเชื่อมผู้บริโภคและผู้ค้า ช่วยให้ธุรกรรมทางการเงินดำเนินไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย บทความนี้จึงจะพาไปสำรวจเชิงลึกเกี่ยวกับหุ้น Visa ตั้งแต่แหล่งรายได้หลัก การเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Mastercard ไปจนถึงบทบาทและแนวโน้มของ Visa ต่ออนาคตการเงินโลก


เปิดแหล่งรายได้หลักหุ้น Visa ที่ขับเคลื่อนผลกำไร


หุ้น Visa ยังคงโดดเด่นในฐานะผู้นำธุรกิจการชำระเงินระดับโลก เพราะมีโครงสร้างรายได้ที่แข็งแรงและกระจายความเสี่ยงได้ดี ปีการเงิน 2024 บริษัทสร้างรายได้รวมกว่า 35.9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า ซึ่งรายได้ของ Visa มาจากหลายช่องทาง โดยแต่ละหมวดไม่เพียงเสริมกัน แต่ยังสะท้อนบทบาทของ Visa ในระบบการเงินโลกที่มากกว่าแค่เป็น “เครือข่ายบัตรเครดิต”


หากแยกตามหมวด รายได้หลักแบ่งได้เป็น 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่


  • Data Processing Revenue (17.7 พันล้านดอลลาร์ / +10% YoY): รายได้จากการอนุมัติและประมวลผลธุรกรรม ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมด

  • Service Revenue (16.1 พันล้านดอลลาร์ / +9% YoY): ค่าธรรมเนียมจากธนาคารและร้านค้าที่ใช้เครือข่าย Visa รวมถึงบริการเสริมด้านป้องกันการฉ้อโกงและข้อมูลเชิงลึก

  • International Transaction Revenue (12.7 พันล้านดอลลาร์ / +9% YoY): ค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมข้ามพรมแดนที่มีมาร์จิ้นสูง ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการค้าโลก

  • Other Revenue (3.2 พันล้านดอลลาร์ / +28% YoY): รายได้จาก licensing, marketing และโซลูชันข้อมูล แม้สัดส่วนยังเล็กแต่เติบโตเร็วที่สุด


แม้ Visa จะเผชิญความท้าทาย เช่น incentive ที่ต้องจ่ายให้พันธมิตร และการแข่งขันจาก fintech ใหม่ ๆ แต่การกระจายรายได้ที่หลากหลายทำให้บริษัทมีเสถียรภาพและศักยภาพในการเติบโตระยะยาว การที่ทุกหมวดเติบโตพร้อมกันชี้ให้เห็นว่า Visa ไม่ได้พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่กำลังยึดครองบทบาทโครงสร้างพื้นฐานหลักของการเงินโลกอย่างแท้จริง


หุ้น Visa - EBC


เปรียบเทียบหุ้น Visa กับ Mastercard: ใครเหนือกว่า?


หุ้น Visa และ Mastercard เป็นคู่แข่งหลักในตลาดการชำระเงินดิจิทัล ทั้งสองบริษัทมีโมเดลธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างในบางด้าน ในไตรมาสที่แล้ว Visa รายงานรายได้ 10.17 พันล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิ 5.3 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ Mastercard รายงานรายได้ 6.5 พันล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิ 3.1 พันล้านดอลลาร์ แม้ว่า Mastercard จะมีรายได้และกำไรน้อยกว่า แต่ก็มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่า โดยมีการเติบโตของรายได้ 16% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว


ในด้านการขยายตลาด Mastercard มีการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การชำระเงินผ่านมือถือและการใช้บล็อกเชน ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน Visa ก็ไม่ยอมน้อยหน้า โดยมีการพัฒนาบริการมูลค่าเพิ่มและการขยายตลาดในประเทศกำลังพัฒนา


ตารางเปรียบเทียบ Visa vs Mastercard


รายการ

Visa (FY2024)

Mastercard (FY2024)

รายได้รวม (Net Revenue)

~US$35.926 พันล้าน

~US$28.167 พันล้าน (+12% YoY)

กำไรสุทธิ (Net Income)

~US$19.743 พันล้าน

~US$12.874 พันล้าน (+15% YoY)

อัตราการเติบโตของรายได้ YoY

+10%

+12%

สัดส่วนรายได้นอกประเทศ / ต่างประเทศ

ประมาณ 30%

ประมาณ 70%


aleksandrs-karevs-JINo-2tOfmA-unsplash (1).jpg


วิเคราะห์บทบาทหุ้น Visa กับอนาคตของการเงินโลก


หุ้น Visa ยังคงถูกมองว่าเป็นเสาหลักในโครงสร้างการเงินโลก ด้วยเครือข่ายการชำระเงินที่ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศและการประมวลผลธุรกรรมกว่าหลายพันล้านครั้งต่อปี จุดแข็งของ Visa อยู่ที่การเป็น “โครงสร้างพื้นฐานการเงิน” ที่ผู้บริโภคและธุรกิจแทบเลี่ยงไม่ได้ ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเดินหน้าสู่ดิจิทัล การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ การขยายตัวของธุรกรรมไร้เงินสด และความต้องการชำระเงินข้ามพรมแดนที่รวดเร็วและปลอดภัย ต่างเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ Visa ยังคงมีอนาคตสดใส


อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเติบโตของ Visa ไม่ได้ราบรื่นไร้อุปสรรค ความเสี่ยงจากคริปโตเคอร์เรนซีและเทคโนโลยีการเงินใหม่ ๆ เริ่มกลายเป็นคู่แข่งทางอ้อมต่อธุรกิจการประมวลผลธุรกรรมแบบดั้งเดิม หากคริปโตได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและมีโครงสร้างการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น ก็อาจลดการพึ่งพาเครือข่ายการชำระเงินอย่าง Visa ได้ 


อีกทั้งการเกิดขึ้นของ Stablecoin และ CBDC (Central Bank Digital Currency) ที่หลายประเทศกำลังทดลองใช้งาน อาจเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของการเงินโลกไป ทำให้ Visa ต้องเผชิญแรงกดดันในการปรับตัว


ความเสี่ยงของหุ้น Visa


  • การแข่งขันจากเทคโนโลยีการเงินใหม่ – Fintech และแพลตฟอร์มชำระเงินดิจิทัล รวมถึงผู้ให้บริการ Mobile Payment อาจลดส่วนแบ่งธุรกรรมของ Visa

  • คริปโตเคอร์เรนซีและ Stablecoin – การยอมรับคริปโตในวงกว้างอาจลดการพึ่งพาเครือข่ายการชำระเงินแบบดั้งเดิม

  • ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก – ภาวะเงินเฟ้อ การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนของตลาดการเงินอาจกระทบปริมาณธุรกรรมและรายได้

  • ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและการปฏิบัติตามกฎหมาย – การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับด้านการเงิน การกำกับดูแลธุรกรรมข้ามพรมแดน หรือกฎหมายคุ้มครองข้อมูลผู้บริโภค อาจเพิ่มต้นทุนหรือจำกัดการดำเนินงาน

  • ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัย – การโจมตีทางไซเบอร์ ระบบล่ม หรือข้อผิดพลาดในการประมวลผลธุรกรรมอาจสร้างผลกระทบเชิงลบต่อความน่าเชื่อถือและกำไร

  • อัตราแลกเปลี่ยนและตลาดต่างประเทศ – Visa มีรายได้จากต่างประเทศสูง ความผันผวนของค่าเงินอาจกระทบกำไรสุทธิ


cardmapr-nl-s8F8yglbpjo-unsplash (1).jpg


คำถามที่พบบ่อย (FAQs)


Q: หุ้น Visa เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทใด?

A: หุ้น Visa เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงทางการเงิน และมีแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะนักลงทุนที่สนใจในอุตสาหกรรมการชำระเงินดิจิทัล


Q: ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหุ้น Visa มีอะไรบ้าง?

A: ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหุ้น Visa ได้แก่ ความผันผวนของตลาดการเงิน การแข่งขันจากบริษัทอื่น ๆ และการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีการชำระเงิน


Q: หุ้น Visa ทำกำไรจากอะไรบ้าง?

A: รายได้หลักมาจาก Data Processing, Service Revenue, International Transaction, และ Other Revenue ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมธุรกรรม บริการเสริม และรายได้ข้ามประเทศ


สรุป


หุ้น Visa ยังคงเป็นผู้นำตลาดการชำระเงินระดับโลก ด้วยรายได้รวมปี 2024 ประมาณ 35.9 พันล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิราว 19.7 พันล้านดอลลาร์ โครงสร้างรายได้ของบริษัทกระจายตัวทั้งจาก Data Processing, Service Revenue, International Transaction และ Other Revenue ทำให้ Visa มีความยืดหยุ่นสูงต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจและการแข่งขันในตลาดการเงิน ทั้งนี้ รายได้จากธุรกรรมข้ามประเทศยังช่วยเพิ่มมาร์จิ้นและสร้างความมั่นคงระยะยาว


เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งสำคัญอย่าง Mastercard จะเห็นได้ว่า Visa มี ขนาดธุรกิจใหญ่กว่าและปริมาณธุรกรรมสูงกว่า ในขณะที่ Mastercard มีอัตราการเติบโตและสัดส่วนรายได้นอกประเทศสูงกว่า ตารางเปรียบเทียบล่าสุดของทั้งสองบริษัทชี้ให้เห็นว่า Visa ยังครองตำแหน่งผู้นำด้านรายได้รวมและกำไรสุทธิ ขณะที่ Mastercard เป็นคู่แข่งที่น่าจับตาในแง่การขยายตลาดต่างประเทศและบริการเสริม


อนาคตของ Visa ยังคงเชื่อมโยงกับ แนวโน้มการเงินดิจิทัล การขยายตัวของอีคอมเมิร์ซ และความต้องการชำระเงินแบบไร้เงินสดทั่วโลก แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจาก คริปโตเคอร์เรนซี, Fintech, และการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ แต่ Visa ก็พยายามปรับตัวด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ การทดลองบริการคริปโต และการลงทุนในระบบชำระเงินดิจิทัล ทำให้บริษัทยังคงรักษาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินระดับโลก และสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาว


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
VGT ETF คืออะไร ลงทุนวันนี้คุ้มค่าหรือไม่?
ภาพรวมการลงทุนหุ้น Mastercard และประเด็นสำคัญ
หมดเปลือก เทรดหุ้นอเมริกา เริ่มต้นยังไง ความเสี่ยงที่ต้องรู้
ดัชนี US30 คืออะไร? องค์ประกอบ กลยุทธ์ และวิธีเทรด
เปิดบัญชี CFD ปี 2025 ง่ายนิดเดียว! มือใหม่ก็ทำได้