简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

รู้จัก NYSE คืออะไร อาณาจักรตลาดหุ้นที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

2025-09-25

NYSE คือศูนย์กลางตลาดหุ้นที่โดดเด่นและยอดนิยมที่สุดในโลกของการเงิน เพราะ NYSE ไม่ใช่แค่ตลาดหลักทรัพย์ แต่เป็นเวทีที่กำหนดทิศทางเศรษฐกิจและทุนระดับภูมิภาค บทความนี้จึงจะพาคุณไปเจาะลึกทั้งโครงสร้างตลาด เวลาเปิดปิด และดัชนีหุ้นสำคัญที่สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจแบบจัดเต็ม


NYSE คือตลาดหลักทรัพย์โดดเด่นที่สุดในสายตานักลงทุน!


New York Stock Exchange หรือ NYSE คือ ตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในโลกนับตั้งแต่การก่อตั้งในปี ค.ศ. 1792 เนื่องจาก  NYSE มีมูลค่าตลาดรวม (market capitalization) สูงที่สุดในโลก และจำนวนบริษัทขนาดยักษ์ใหญ่ที่เข้ามาจดทะเบียนก็โด่งดังในอุตสาหกรรมตัวเองมาก เช่น Apple, Coca-Cola, ExxonMobil และ JPMorgan Chase ดังนั้นความสำคัญของ NYSE จึงไม่ใช่เพียงตลาดซื้อขายหุ้น แต่เป็นศูนย์กลางที่สะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจโลก


อีกทั้งความพิเศษของ NYSE คือรูปแบบการซื้อขายที่ผสมผสานระหว่างระบบดิจิทัลและการซื้อขายโดยโบรกเกอร์ใน Trading Floor ทำให้ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของการซื้อขายแบบดั้งเดิมไว้ ซึ่งแตกต่างกับตลาดหุ้นที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ล้วน เช่น NASDAQ ที่แม้ว่าปัจจุบันการซื้อขายผ่านระบบดิจิทัลจะครองสัดส่วนสูงสุด แต่การมี floor trader ช่วยเพิ่มสภาพคล่องและการกำหนดราคาที่แม่นยำนั่นเอง


จุดเด่นของ NYSE ที่แตกต่างจากตลาดอื่น ๆ


  • ขนาดมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดในโลก
    NYSE มีมูลค่าตลาดรวม (market capitalization) สูงสุดเหนือทุกตลาดหุ้น การที่บริษัทข้ามชาติและบริษัทบลูชิปส่วนใหญ่เลือกเข้ามาจดทะเบียน จึงทำให้ NYSE มีสภาพคล่องสูงและเป็นมาตรฐานการลงทุนระดับโลก


  • ระบบการซื้อขายแบบผสม (Hybrid Market)
    NYSE ใช้ทั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์และการประมูลแบบเปิดผ่าน floor trader แตกต่างจากตลาดอย่าง NASDAQ ที่ใช้ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทำให้ NYSE มีความยืดหยุ่นและยังคงรักษาเสถียรภาพด้านราคา


  • บริษัทที่จดทะเบียนคือ Global Leaders
     หุ้นส่วนใหญ่ใน NYSE คือบริษัทผู้นำตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงาน สถาบันการเงิน อุตสาหกรรม หรือสินค้าบริโภคที่มีผลต่อเศรษฐกิจมหภาคโดยตรง ส่งผลให้ NYSE มีบทบาทต่อเศรษฐกิจโลกมากกว่าตลาดที่เน้นบริษัทขนาดกลางและเล็ก


  • การกำกับดูแลเข้มงวด
    บริษัทที่ต้องการเข้าจดทะเบียนใน NYSE ต้องผ่านเกณฑ์เข้มงวดทั้งด้านมูลค่าทางการเงิน ความโปร่งใส และธรรมาภิบาลองค์กร สิ่งนี้สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน และถือเป็น “ตราคุณภาพ” ของบริษัทที่สามารถเข้ามาจดทะเบียนได้


  • ภาพลักษณ์และอิทธิพลทางเศรษฐกิจโลก
    ความเคลื่อนไหวของ NYSE ไม่เพียงสะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ยังส่งแรงกระเพื่อมไปยังตลาดทุนอื่น ๆ ทั่วโลก เมื่อดัชนีใน NYSE ปรับตัว นักลงทุนในยุโรป เอเชีย และตลาดเกิดใหม่ก็มักจะตอบสนองตามไปด้วย


NYSE คือ - EBC


เปิดชื่อ 2 ดัชนีหุ้นโดดเด่นใน NYSE ที่เป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจโลก


ดัชนีหุ้นในตลาด NYSE ถือเป็น เข็มทิศทางเศรษฐกิจที่นักลงทุน นักวิเคราะห์ และสื่อการเงินทั่วโลกใช้ติดตาม เนื่องจากหุ้นที่เข้ามาจดทะเบียนใน NYSE ส่วนใหญ่เป็นบริษัทชั้นนำ เพราะการเคลื่อนไหวของดัชนีเหล่านี้จึงสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยังส่งอิทธิพลต่อการลงทุนทั่วโลก ต่อไปนี้จึงเป็นข้อมูลในภาพรวมของดัชนียอดฮิต NYSE ว่ามีอะไรบ้าง


1. Dow Jones Industrial Average (DJIA)


ดัชนี Dow Jones Industrial Average หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “ดาวโจนส์” เป็นดัชนีหุ้นเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1896 โดยติดตามหุ้นบลูชิป 30 บริษัทซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจ ดัชนีนี้มีความสำคัญในฐานะ “สัญลักษณ์” ของเศรษฐกิจอเมริกา และมักถูกนำเสนอในสื่อการเงินรายวัน


อย่างไรก็ตาม วิธีการคำนวณของ DJIA ใช้การถ่วงน้ำหนักตามราคาหุ้น (price-weighted index) ไม่ใช่ตามมูลค่าตลาด ทำให้บางครั้งไม่ได้สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจได้ครบถ้วนเหมือนดัชนีอื่น ๆ แต่ก็ยังเป็นที่นิยมเพราะสะท้อนทิศทางของบริษัทชั้นนำ และเป็นจุดเริ่มต้นให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ง่าย


2. S&P 500


S&P 500 คือดัชนีที่ติดตามหุ้น 500 บริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าตลาดสูงและมีสภาพคล่อง การถ่วงน้ำหนักของดัชนีนี้ใช้วิธี market-cap weighted index ทำให้สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจได้กว้างและแม่นยำกว่า DJIA นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่า S&P 500 คือดัชนีที่แทนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ดีที่สุด


อีกทั้ง S&P 500 ยังถูกนำไปใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิง (benchmark) สำหรับการลงทุนของกองทุนรวมและกองทุนบำเหน็จบำนาญทั่วโลก ความสำคัญนี้ทำให้ดัชนีกลายเป็นหนึ่งในมาตรฐานการลงทุนที่นักลงทุนสถาบันและรายย่อยให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะสะท้อนทั้งภาคเทคโนโลยี การเงิน พลังงาน และอุตสาหกรรมหลักของสหรัฐฯ


3. NYSE Composite Index


NYSE Composite Index คือดัชนีที่ติดตามหุ้นทั้งหมดที่ซื้อขายในตลาด NYSE ซึ่งมีจำนวนหลายพันบริษัท ครอบคลุมทั้งหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ความโดดเด่นของดัชนีนี้คือการสะท้อนภาพรวมทั้งตลาดโดยตรง ไม่ได้จำกัดเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง


ดัชนี NYSE Composite ถูกใช้เพื่อติดตามแนวโน้มตลาดในภาพกว้าง และยังเป็นเครื่องมือสำหรับนักลงทุนที่ต้องการมองทิศทางการลงทุนโดยรวม ไม่ใช่แค่หุ้นบลูชิปหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะ การเคลื่อนไหวของดัชนีนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อการประเมิน sentiment ของตลาด (ภาวะความเชื่อมั่นของนักลงทุน)


4. Russell 2000 


แม้ว่า Russell 2000 จะไม่ได้คำนวณจากหุ้นทั้งหมดใน NYSE เท่านั้น แต่ดัชนีนี้รวมถึงหุ้นขนาดเล็ก (small-cap stocks) จำนวน 2,000 บริษัท ที่ซื้อขายทั้งใน NYSE และ NASDAQ ดัชนีนี้มักถูกใช้เป็นตัวแทนวัดประสิทธิภาพของหุ้นขนาดเล็กในสหรัฐฯ


Russell 2000 สำคัญเพราะสะท้อนความแข็งแรงของเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากบริษัทขนาดเล็กจำนวนมากพึ่งพาตลาดในประเทศมากกว่าตลาดต่างประเทศ ดังนั้นเมื่อ Russell 2000 แข็งแกร่ง มักตีความได้ว่าเศรษฐกิจในประเทศกำลังฟื้นตัวหรือมีแนวโน้มเติบโตที่ดี


ดัชนีหุ้นโดดเด่นใน NYSE - EBC


ตลาด NYSE เปิด-ปิดเมื่อไร? วางกลยุทธ์ซื้อขายให้แม่นยำกว่าเดิม


ตลาดหุ้น NYSE จะอยู่ในเขตเวลาสหรัฐอเมริกา (Eastern Time) ซึ่งแตกต่างจากเอเชียหลายชั่วโมง ทำให้ NYSE จะเปิดทำการซื้อขายตั้งแต่ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 09:30 - 16:00 น. ET หรือคิดเป็นเวลาประเทศไทยคือ 20:30 - 03:00 น. (ในช่วงมีการเปลี่ยนเวลา Daylight Saving อาจขยับเป็น 21:30 - 04:00 น. ตามเวลาไทย)


อย่างไรก็ดี ก่อนเปิดตลาดจะเป็นช่วง Pre-market ตั้งแต่เวลา 04:00 - 09:30 น. ET (15:00 - 20:30 น. ตามเวลาไทย) การซื้อขายในช่วงนี้มีสภาพคล่องต่ำกว่า Regular Hours แต่สามารถตอบสนองต่อข่าวด่วน เช่น การประกาศผลประกอบการหรือข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญได้รวดเร็ว ราคาหุ้นอาจปรับตัวแรงกว่าปกติ นักลงทุนที่ชำนาญมักใช้ช่วงนี้เพื่อเตรียมคำสั่งล่วงหน้าหรือหาจังหวะเข้าตลาด


ขณะที่หลังปิดตลาดคือช่วง After-hours ตั้งแต่เวลา 16:00 - 20:00 น. ET (03:00 - 07:00 น. ตามเวลาไทย) นักลงทุนมักใช้เวลานี้ปรับพอร์ตหรือเทรดตอบสนองข่าวหลังตลาดปิด เนื่องจากสภาพคล่องต่ำและความผันผวนสูง ราคาหุ้นสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหากมีข้อมูลสำคัญ การซื้อขายในช่วงนี้จึงต้องระมัดระวังและมีแผนบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน.


นอกจากนี้ NYSE ยังมีวันหยุดตามปฏิทินทางการของสหรัฐอเมริกา เช่น วันขึ้นปีใหม่ (New Year’s Day), วันชาติ (Independence Day), วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) และวันคริสต์มาส (Christmas Day) นักลงทุนจึงควรตรวจสอบวันหยุดทุกปีเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน แถมการวางกลยุทธ์โดยอิงกับวันหยุดยังช่วยให้ประเมินสภาพคล่องของตลาดในช่วงก่อนและหลังวันหยุดได้แม่นยำขึ้นด้วย


ช่วงเวลา

เวลา Eastern Time (ET)

เวลาไทย (Bangkok)

ลักษณะการซื้อขาย

Pre-market

04:00 – 09:30 น.

15:00 – 20:30 น.

สภาพคล่องต่ำ ราคาผันผวนมาก เหมาะสำหรับตอบสนองข่าวด่วน

Regular Trading Hours

09:30 – 16:00 น.

20:30 – 03:00 น.

ช่วงหลักของการซื้อขาย สภาพคล่องสูง ราคาสะท้อนแนวโน้มตลาดชัดเจน

After-hours

16:00 – 20:00 น.

03:00 – 07:00 น.

สภาพคล่องต่ำ ความผันผวนสูง เหมาะสำหรับปรับพอร์ตหรือเทรดตอบสนองข่าวหลังตลาดปิด

หมายเหตุ: เวลาไทยอาจปรับเล็กน้อยในช่วง Daylight Saving Time ของสหรัฐฯ (โดยปกติเลื่อน +1 ชั่วโมง)


trader-5129770_1280 (1).jpg


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)


Q: NYSE คืออะไร แตกต่างจาก NASDAQ อย่างไร?

A: NYSE คือ ตลาดหุ้นที่มีการซื้อขายแบบผสมระหว่างระบบอิเล็กทรอนิกส์และการประมูลโดยโบรกเกอร์ใน trading floor ขณะที่ NASDAQ เป็นตลาดอิเล็กทรอนิกส์ล้วน โดยทั่วไป NASDAQ มักเน้นบริษัทเทคโนโลยี ส่วน NYSE เน้นบริษัทบลูชิปและอุตสาหกรรมดั้งเดิม


Q: นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อขายหุ้นใน NYSE ได้หรือไม่?

A: ได้ นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อขายหุ้น NYSE ผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ได้รับอนุญาต หรือซื้อผ่านกองทุน ETF และกองทุนรวมที่อ้างอิงกับดัชนี NYSE


Q: เวลาซื้อขาย NYSE มีผลอย่างไรกับนักลงทุนไทย?

A: เนื่องจากเวลาเปิดปิดของ NYSE ตรงกับช่วงกลางคืนของไทย นักลงทุนจึงต้องวางแผนติดตามตลาดล่วงหน้า หรือใช้คำสั่งซื้อขายอัตโนมัติ เพื่อไม่พลาดจังหวะสำคัญ โดยเฉพาะช่วงเปิดตลาดและปิดตลาดซึ่งมักมีความผันผวนสูง


สรุป


NYSE คือศูนย์กลางของตลาดทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่าตลาดรวมของหุ้นที่จดทะเบียนบน NYSE สูงกว่าตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ทำให้การเคลื่อนไหวของหุ้นในตลาดนี้มีผลสะท้อนไปทั่วเศรษฐกิจโลก นักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยจับตาการเปลี่ยนแปลงของดัชนีหลัก เช่น Dow Jones, S&P 500 และ NYSE Composite เพราะสามารถบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของตลาดได้อย่างแม่นยำ


โครงสร้างและกลไกของ NYSE มีความแตกต่างจากตลาดอื่น ๆ ด้วยระบบการซื้อขายแบบ Hybrid Market ที่ผสมผสานระหว่างการซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์และการประมูลผ่าน floor trader ทำให้ราคาหุ้นมีความเสถียรและสภาพคล่องสูง การกำกับดูแลเข้มงวดและเกณฑ์เข้าจดทะเบียนที่เข้มข้นยังสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั่วโลก อีกทั้งหุ้นที่จดทะเบียนส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่และผู้นำอุตสาหกรรม ทำให้ NYSE เป็นจุดสังเกตสำคัญของเศรษฐกิจอเมริกาและเศรษฐกิจโลก


ผลกระทบของ NYSE ต่อเศรษฐกิจโลกยังไม่จำกัดเพียงตลาดสหรัฐฯ การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นและราคาหุ้นรายบริษัทมีอิทธิพลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อัตราแลกเปลี่ยน และการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ นักลงทุนทั่วโลกจึงมักใช้ NYSE เป็นตัวชี้วัดสภาพคล่อง ความเสี่ยง และโอกาสในการลงทุน การเข้าใจ NYSE ไม่เพียงแต่ช่วยให้วิเคราะห์หุ้นรายตัวได้แม่นยำ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกโดยรวม


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
McClellan Oscillator: เครื่องมือจับจังหวะตลาดใหม่ของคุณใช่หรือไม่?
รู้จัก S&P 500 คืออะไร ดัชนีที่ครองใจนักลงทุนทั่วโลก
เปิดข้อมูล สภาพคล่อง คืออะไร 4 ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่เทรดเดอร์ต้องรู้
High Frequency Trading คืออะไรและทำงานอย่างไร?
ไขคำตอบ ดัชนีหุ้นสหรัฐ คืออะไร แจกเช็กลิสต์กลุ่มหุ้นน่าสนใจ