Forex กับ หุ้น มือใหม่เลือกเทรดแบบไหนดี?

2025-09-01

การลงทุนในตลาดการเงินไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น หรือการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว ตัวเลือกที่นักลงทุนมือใหม่มักจะให้ความสนใจเป็นพิเศษคือตลาด Forex กับ หุ้น ทั้งสองตลาดมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป บางคนมองว่า Forex คือสนามรบของนักเก็งกำไรที่รวดเร็วและท้าทาย ในขณะที่หุ้นคือการลงทุนที่มั่นคงและเติบโตไปพร้อมกับบริษัทที่เราเป็นเจ้าของ การเลือกเส้นทางที่ถูกต้องจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะกำหนดทิศทางการลงทุน ของคุณบทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจในเชิงลึกถึงธรรมชาติของแต่ละตลาด เพื่อให้คุณสามารถประเมินได้ว่ารูปแบบการลงทุนแบบไหนที่สอดคล้องกับบุคลิก ความรู้ และเป้าหมายทางการเงินของคุณมากที่สุด


Forex: ตลาดแห่งการเก็งกำไรที่รวดเร็วและท้าทาย

Forex

Forex หรือ Foreign Exchange Market คือตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าการซื้อขายมหาศาลกว่าล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน สิ่งนี้ทำให้การเทรด Forex มีสภาพคล่องสูงมาก คุณสามารถซื้อขายสกุลเงินต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD, GBP/USD หรือ JPY/USD ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีไลฟ์สไตล์ไม่จำกัดเวลาทำการของตลาด


จุดเด่นสำคัญของ Forex คือการใช้ Leverage หรืออัตราทด ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมเงินลงทุนจำนวนมหาศาลได้ด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่น หาก Leverage เป็น 1:100 คุณสามารถใช้เงิน 100 ดอลลาร์ในการเทรดตำแหน่งที่มีมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ได้ ซึ่งหมายความว่ากำไรหรือขาดทุนจะถูกคูณด้วยอัตรานี้เช่นกัน Leverage จึงเป็นเครื่องมือที่เพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้สูง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงมหาศาลเช่นกัน


ข้อดีของการเทรด Forex


  • สภาพคล่องและยืดหยุ่นสูง: ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว

  • เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเวลาไม่จำกัด

  • ใช้ Leverage ได้: เพิ่มโอกาสในการทำกำไรสูงด้วยเงินทุนที่น้อยลง

  • ต้นทุนต่ำ: ค่าธรรมเนียมการเทรดอยู่ในรูปของสเปรด (Spread) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะต่ำกว่าค่าคอมมิชชั่นการซื้อขายหุ้น

  • ลงทุนได้ทั้งช่วงขาขึ้นและขาลง: สามารถทำกำไรได้จากการเปิดสถานะ Long (ซื้อ) หรือ Short (ขาย) ในคู่เงินต่าง ๆ


ข้อเสียของการเทรด Forex


  • ความผันผวนและความเสี่ยงสูง: ราคาอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคและการเมือง

  • ความเสี่ยงจาก Leverage: หากไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี อาจทำให้เงินทุนหมดไปอย่างรวดเร็ว

  • ต้องใช้ความรู้เชิงลึก: การวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และการวิเคราะห์ทางเทคนิคซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น

  • ไม่มีทรัพย์สินอ้างอิง: คุณไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินใด ๆ เหมือนกับการซื้อหุ้นแต่เป็นการเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคา


หุ้น: การลงทุนที่มั่นคงและสร้างความมั่งคั่งระยะยาว

หุ้น


ตลาดหุ้นคือตลาดที่ให้นักลงทุนเข้าไปซื้อและขายหลักทรัพย์หรือหุ้นของบริษัทต่าง ๆ การลงทุนในหุ้น คือการที่เราได้เข้าไปเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัทนั้น ๆ การลงทุนในหุ้นจึงมีความผันผวนน้อยกว่า Forex ในภาพรวม และเหมาะสำหรับการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว เพราะนอกจากจะได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคา (Capital Gain) แล้ว ยังสามารถได้รับเงินปันผล (Dividend) ที่บริษัทจ่ายให้ผู้ถือหุ้นซึ่งถือเป็นรายได้แบบ Passive Income ที่น่าสนใจ


การลงทุนในหุ้นยังมาพร้อมกับการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับตัวบริษัท ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการ งบการเงิน สภาพธุรกิจ และข่าวสารต่าง ๆ ทำให้คุณสามารถเลือกลงทุนในบริษัทที่คุณมีความเข้าใจได้ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้จัก


ข้อดีของการลงทุนในหุ้น


  • ความเสี่ยงต่ำกว่า (ในภาพรวม): การลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานดีมีความมั่นคงสูงกว่าการเก็งกำไรค่าเงิน

  • มีปันผล: ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทที่ลงทุนเป็นประจำ

  • เป็นเจ้าของกิจการ: การเป็นผู้ถือหุ้นทำให้คุณมีสิทธิ์ในบริษัทและสามารถเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นได้

  • มีข้อมูลให้ศึกษาเยอะ: มีข้อมูลสาธารณะมากมายให้วิเคราะห์ เช่น งบการเงิน รายงานประจำปี และข่าวสารบริษัท

  • เหมาะกับการลงทุนระยะยาว: สามารถถือลงทุนได้นานเพื่อสร้างความมั่งคั่งไปพร้อมกับการเติบโตของบริษัท


ข้อเสียของการลงทุนในหุ้น


  • สภาพคล่องต่ำกว่า (บางตัว): หุ้นบางตัวอาจมีปริมาณการซื้อขายน้อยทำให้ขายออกได้ยาก

  • ตลาดจำกัดเวลาเปิด-ปิด: ไม่สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง

  • ต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงกว่า: การซื้อหุ้นบางตัวอาจต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นที่สูงกว่าการเทรด Forex

  • ความเสี่ยงเฉพาะตัว: ราคาหุ้นขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ข่าวสาร และการบริหารงานของบริษัทนั้น ๆ


ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Forex กับ หุ้น

ปัจจัยที่ใช้เปรียบเทียบ

Forex

หุ้น

สินทรัพย์ที่ลงทุน

ซื้อขายคู่เงิน เช่น EUR/USD, GBP/JPY

ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทต่าง ๆ เช่น หุ้นสามัญ, หุ้นกู้

ความเป็นเจ้าของ

เป็นการเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคา ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์

เป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัท (ผู้ถือหุ้น)

เวลาทำการ

ตลอด 24 ชั่วโมง, 5 วันต่อสัปดาห์ (ตลาดเปิดต่อเนื่องทั่วโลก)

มีเวลาทำการที่แน่นอน (ประมาณ 4-8 ชั่วโมงต่อวัน)

ปริมาณการซื้อขาย

สูงมาก (มากกว่าล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน) สภาพคล่องสูงมาก

มีความหลากหลาย บางหุ้นมีสภาพคล่องต่ำ

การทำกำไร

สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้น (Long) และขาลง (Short)

โดยทั่วไปทำกำไรจากขาขึ้น (แต่สามารถทำ Short Sell ได้ในบางกรณี)

Leverage (อัตราทด)

ใช้ได้สูง ทำให้สามารถทำกำไรได้มากด้วยเงินทุนน้อย

มีการใช้ Leverage จำกัดหรืออาจไม่มี (ขึ้นอยู่กับประเภทการซื้อขาย)

ปัจจัยที่ส่งผล

ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค การเมือง นโยบายธนาคารกลาง

ผลประกอบการบริษัท ข่าวสาร สภาพเศรษฐกิจในประเทศ


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)


1. Forex กับ หุ้นอันไหนเสี่ยงกว่ากัน?


โดยทั่วไป Forex มีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้น เนื่องจากปัจจัยเรื่อง Leverage และความผันผวนที่สูงกว่าของค่าเงิน อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นก็ขึ้นอยู่กับหุ้นแต่ละตัวเช่นกัน การลงทุนในหุ้นปั่นมีความเสี่ยงไม่แพ้กับการเทรด Forex


2. มือใหม่ควรเริ่มจาก Forex หรือหุ้นก่อน?


ขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุนและความสนใจ หากเน้นความมั่นคงและเรียนรู้การวิเคราะห์พื้นฐาน หุ้นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีกว่า เพราะมีความซับซ้อนน้อยกว่าในแง่ของเครื่องมือและปัจจัยภายนอก แต่หากสนใจการเทรดที่รวดเร็วและใช้ Leverage ได้ Forex ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ


3. ใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะเริ่มเทรด Forex หรือหุ้นได้?


สำหรับการเทรด Forex สามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย (หลักร้อยบาท) ในขณะที่หุ้น จะต้องใช้เงินมากขึ้น (หลักพันบาทขึ้นไป) เพื่อซื้อหุ้นอย่างน้อย 100 หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเรียกว่า 1 บิ๊ก (Board Lot)


สรุป: มือใหม่ควรเลือกอะไรดี?


ไม่มีคำตอบตายตัวว่า Forex หรือหุ้น จะเหมาะกับทุกคน แต่คุณสามารถพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจ:

  • สไตล์การลงทุน: หากคุณเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ความรวดเร็ว และยอมรับความเสี่ยงได้สูง Forex อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่หากคุณเป็นคนที่มีเป้าหมายในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว เน้นความมั่นคง และต้องการได้รับเงินปันผลหุ้นจะตอบโจทย์ได้มากกว่า

  • เงินทุนเริ่มต้น: หากมีเงินทุนเริ่มต้นไม่มากและต้องการลองลงทุน Forex ที่มี Leverage อาจจะเริ่มต้นได้ง่ายกว่า ในขณะที่หุ้นอาจต้องใช้เงินเริ่มต้นที่มากกว่า

  • เวลาที่มี: หากคุณมีเวลาติดตามตลาดไม่จำกัด Forex สามารถเทรดได้ 24 ชั่วโมง แต่ถ้ามีเวลาจำกัดหุ้นสามารถลงทุนในระยะยาวได้จะจัดการเวลาได้ง่ายกว่า


ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นทางใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นจากการศึกษาหาความรู้ ทำความเข้าใจความเสี่ยง และบริหารจัดการเงินลงทุนอย่างมีวินัย การลองลงทุนในบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนด้วยเงินจำลองจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้และฝึกฝนกลยุทธ์ต่าง ๆ โดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงินที่แท้จริงซึ่งเป็นก้าวแรกที่ดีก่อนเข้าสู่สนามจริงเสมอ


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ


บทความแนะนำ
วิธีเทรดหุ้น จุดเริ่มต้นโอกาสลงทุน สำหรับมือใหม่มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง
คู่มือเริ่มต้นเทรดดัชนีสังเคราะห์
เทคนิคสังเกตสัญญาณการเทรด forex แบบ swing trade
กลยุทธ์เทรดระยะสั้น จับจังหวะทำกำไรอย่างรวดเร็ว