เจาะลึกปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำพุ่ง ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสัญญาณเทคนิค พร้อมเทคนิคเก็งกำไร XAUUSD ในจังหวะทองขึ้น
ราคาทองคำไม่เคยนิ่งอยู่กับที่ และหนึ่งในคำถามสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้คำตอบคือ ทองขึ้นเพราะอะไร ปัจจัยที่ผลักดันราคาทองมีตั้งแต่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย ไปจนถึงวิกฤตการเมืองระหว่างประเทศ บทความนี้จะพาไปรู้จักกลไกเบื้องหลังการขึ้นของทอง พร้อมเทคนิคเก็งกำไรในจังหวะที่ตลาดทองพุ่งแรง
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าทองคำถูกมองว่าเป็น Safe-Haven Asset หรือสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนจะหันเข้าหาในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูง ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤตทางการเงิน ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ หรือมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession)
ทำให้นักลงทุนจะพากันเข้าซื้อทองคำในในตลาดโลกจนดันราคาทองคำ (Gold Spot) ตามหลักอุปสงค์และอุปทาน เนื่องจากทองคำเป็นแร่ที่มีปริมาณจำกัด แม้จะมีความพยายามในการขุดทองคำและรีไซเคิลก็ตาม แต่สุดท้ายปริมาณทองคำที่ขุดได้ใหม่ก็มีจำกัด และความต้องการทองคำก็ยังคงมีอยู่ ทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าและราคาสูง
นอกจากปัจจัยพื้นฐานที่จะสามารถดันราคาทองขึ้นแล้วนั้น ยังมีสัญญาณทางเทคนิคเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนเหมือนกัน โดยเฉพาะกราฟทางเทคนิค ที่จะมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองระยะสั้นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อราคาทะลุแนวต้านสำคัญ หรือเกิดแพทเทิร์นเชิงบวก เช่น Breakout หรือ Cup & Handle
โดยเทรดเดอร์สายเทคนิคมักจับตาระดับแนวรับ แนวต้าน และอินดิเคเตอร์อย่าง RSI, MACD, EMA เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อ เมื่อกราฟส่งสัญญาณขาขึ้นแบบชัดเจน ก็อาจเกิดแรงซื้อตาม (Follow Buy) จากกลุ่มนักลงทุนจำนวนมากในเวลาไล่เลี่ยกัน
สรุปปัจจัยหนุนราคาทองคำ
ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset)
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง
อุปสงค์สูง แต่อุปทานจำกัด
แรงซื้อในตลาดโลก (Gold Spot Market)
สัญญาณทางเทคนิค (Technical Signals) - ราคาทะลุแนวต้านสำคัญ,เทรนด์ขาขึ้น
ต่อมาหลังจาก ราคาทองเริ่มขึ้นจากปัจจัยต่าง ๆ แล้วเหล่านักลงทุนที่หูตาไวจะเริ่มเล็งหาจังหวะทำกำไรในตอนนี้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ตั้งแต่ซื้องแท่งมาเก็บไว้ หรือลงทุนใน ETF ทองแบบระยะยาว แต่สำหรับเทรดเดอร์ Forex นั้น จะพุ่งเป้าไปที่ XAUUSD เพื่อเก็งกำไรจากส่วนต่างราคา ซึ่งจะมีเทคนิคหลัก ๆ ที่ใช้กันตามดังนี้
1. วิเคราะห์แนวโน้มด้วยกราฟเทคนิค
ก่อนจะเปิดออเดอร์ซื้อทอง ลองเช็กกราฟดูก่อนครับ ว่าราคากำลังขึ้นจริงไหม โดยดูจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ว่ากำลังชี้ขึ้น หรือใช้ RSI ดูว่าราคายังไม่ถึงจุดที่ซื้อมากเกินไป และ MACD ก็ช่วยบอกว่าราคาเริ่มมีแรงซื้อหรือเปล่า พวกนี้จะช่วยให้เรามั่นใจขึ้นว่าไม่เข้าออเดอร์ผิดจังหวะ
Moving Average (EMA/SMA)
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะช่วยให้เห็นแนวโน้มหลัก เช่น ถ้า EMA ระยะสั้น (เช่น 20 วัน) ตัดขึ้นเหนือ EMA ระยะยาว (เช่น 50 วัน) จะถือเป็นสัญญาณขาขึ้น (Golden Cross) ซึ่งบ่งบอกว่าราคากำลังเริ่มแรงขึ้น นักลงทุนจะมองหาโอกาสซื้อในจังหวะนี้
RSI (Relative Strength Index)
RSI เป็นตัวชี้วัดว่าราคาอยู่ในโซนซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) ถ้า RSI ต่ำกว่า 30 แสดงว่าราคาถูกขายมาก อาจเป็นจังหวะดีในการซื้อ แต่ถ้า RSI สูงกว่า 70 หมายถึงราคาซื้อเกินไปและอาจปรับตัวลง ช่วงที่ RSI เคลื่อนตัวจากโซน Oversold ขึ้นมา จะช่วยยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
MACD (Moving Average Convergence Divergence)
MACD จะบอกสัญญาณการเปลี่ยนแปลงเทรนด์ได้ดี เมื่อเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal เป็นสัญญาณเริ่มขาขึ้น นักลงทุนเทคนิคจะใช้เป็นจุดเข้าเทรด
2. รอจังหวะ “Breakout” แนวต้านสำคัญ
แนวต้านคือระดับราคาที่ราคาทองเคยขึ้นไปแต่ถูกขายทำกำไร ทำให้ราคายากจะผ่านจุดนั้นไปได้ แต่เมื่อแรงซื้อเข้มแข็งมากพอ ราคาทองจะทะลุผ่านแนวต้านนี้ได้ เรียกว่าการ “Breakout” ซึ่งมักตามมาด้วยแรงซื้อต่อเนื่องและราคาพุ่งขึ้นเร็ว
เทรดเดอร์จึงนิยมรอราคาทองทำ Breakout ที่แนวต้านสำคัญก่อนเข้าซื้อ เพราะเป็นการยืนยันว่าตลาดกำลังเข้าสู่เทรนด์ขาขึ้นจริง การเข้าเทรดหลัง Breakout มักมีโอกาสทำกำไรสูง แต่ต้องระวัง Fakeout (การหลอก Breakout) ซึ่งราคาหลอกให้ทะลุแนวต้านแล้วกลับตัวลงเร็ว
3. อย่าลืมใช้ Stop Loss - ตั้ง Take Profit ให้ชัดเจน
การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และเป้าหมายกำไร (Take Profit) อย่างชัดเจนช่วยบริหารความเสี่ยงและรักษากำไรได้ดี ควรวาง Stop Loss ในจุดที่แสดงว่าแนวโน้มเริ่มเปลี่ยน เพื่อจำกัดขาดทุนส่วนเกิน ส่วน Take Profit ควรกำหนดระดับราคาที่เหมาะสมตามแนวต้านหรือเป้าราคาที่คำนวณไว้ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสทำกำไรในช่วงราคาทองขึ้น ทั้งสองอย่างนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เทรดอย่างมีวินัยและไม่ปล่อยให้ความโลภหรือความกลัวควบคุมการตัดสินใจ
Q: XAUUSD คืออะไร และแตกต่างจากทองคำจริงอย่างไร?
A: XAUUSD คือรหัสแทนราคาทองคำเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในตลาด Forex ซึ่งเป็นรูปแบบการเทรดทองคำผ่านตลาดเงิน ไม่มีทองคำจริงส่งมอบทันทีแต่เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาทองในระยะสั้น
Q:ทำไมราคาทองคำถึงผันผวนตลอดเวลา?
A: ราคาทองผันผวนเนื่องจากถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานในตลาดโลก พร้อมกับได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เศรษฐกิจ การเมือง และนโยบายทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
Q: ลงทุนทองคำมีความเสี่ยงอย่างไร?
A: แม้ว่าทองคำจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ก็มีความผันผวนของราคาในระยะสั้น นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาทองกายภาพ และจะไม่มีดอกเบี้ยหรือเงินปันผลเหมือนสินทรัพย์ประเภทหุ้นหรือพันธบัตร
ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนทั่วโลกมักหันมาถือครองในช่วงที่ตลาดเกิดความผันผวนสูง เช่น วิกฤตทางการเงิน หรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งทำให้เกิดแรงซื้อทองคำในตลาดโลกจนดันราคาทองขึ้นตามหลักอุปสงค์และอุปทาน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองสูงขึ้น คือ ความต้องการทองคำที่ยังคงมีอยู่มาก ในขณะที่ปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นใหม่มีจำกัด อีกทั้งทองคำยังเป็นทรัพยากรที่หาได้ยากและมีปริมาณจำกัดในธรรมชาติ
นอกจากปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ สัญญาณทางเทคนิค เช่น การทะลุแนวต้านสำคัญ หรือเกิดแพทเทิร์นกราฟเชิงบวกอย่าง Breakout หรือ Cup & Handle ก็มีอิทธิพลสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองในระยะสั้น โดยเทรดเดอร์มักใช้เครื่องมืออย่าง RSI, MACD และ EMA เพื่อจับจังหวะเข้าซื้อ เมื่อกราฟส่งสัญญาณขาขึ้นชัดเจน มักจะเกิดแรงซื้อในตลาดตามมา
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ดัชนี S&P 500 คือกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทชั้นนำสหรัฐฯ ที่สะท้อนเศรษฐกิจอเมริกา เจาะลึกโครงสร้างเกณฑ์คัดเลือก พร้อมแนะนำกองทุน ETF S&P 500
2025-08-08ดัชนีหุ้นทั่วโลกคือเครื่องมือสำคัญที่สะท้อนภาพรวมราคาหุ้นจากหลากหลายประเทศ ช่วยบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจโลก ความเชื่อมั่นนักลงทุน และทิศทางตลาดทุนในแต่ละภูมิภาค
2025-08-08เรียนรู้ว่าตลาดหลักทรัพย์ทำงานอย่างไรในฐานะตลาดที่มีการควบคุมสำหรับหลักทรัพย์ ส่งเสริมสภาพคล่อง ความโปร่งใส และราคาที่ยุติธรรม
2025-08-08