5 เรื่องสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้เกี่ยวกับ HYG ETF

กองทุน HYG ETF (iShares iBoxx $ High Yield Corporate Bond) ถือเป็นหนึ่งในกองทุนรวม ETF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง (High-Yield Bond) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยกองทุนนี้ออกแบบมาเพื่อติดตามผลการดำเนินงานของพันธบัตรบริษัทที่ออกในรูปแบบเงินดอลลาร์สหรัฐ และมีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าระดับที่ลงทุนได้ (ต่ำกว่า Investment Grade) HYGมอบโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นแก่ผู้ลงทุนแต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากขึ้นเช่นกันแล้วกองทุนนี้เหมาะกับพอร์ตของคุณหรือไม่?

ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นลงทุนในตราสารหนี้ หรือกำลังมองหาทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงด้วยสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ นี่คือ 5 สิ่งสำคัญที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ HYG ETF

5 เรื่องสำคัญที่ต้องรู้เกี่ยวกับ HYG ETF

1. HYG ติดตามตลาดพันธบัตรองค์กรที่มีผลตอบแทนสูง

หัวใจสำคัญของ HYG คือ สะท้อนผลการดำเนินงานของดัชนี Markit iBoxx USD Liquid High Yield ดัชนีนี้ประกอบด้วยพันธบัตรบริษัทที่มีสภาพคล่องสูง (Liquid Corporate) ของสหรัฐฯ ซึ่งหมายถึงพันธบัตรที่ออกโดยบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าระดับที่ลงทุนได้ (หรือที่เรียกว่า “พันธบัตรขยะ”)

โดยทั่วไปแล้ว พันธบัตรเหล่านี้มักให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ ดังนั้น เมื่อคุณลงทุนใน HYG ETF ก็เท่ากับว่าคุณได้รับการกระจายการลงทุนในกลุ่มพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงนี้ในตลาดตราสารหนี้ของบริษัท

กองทุน HYG มีพันธบัตรหลายร้อยรายการจากหลากหลายอุตสาหกรรม แม้จะเน้นหนักในกลุ่มพลังงาน โทรคมนาคม และบริการผู้บริโภค โดยกองทุนจะปรับสมดุลการลงทุนทุกเดือนเพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของดัชนีอย่างแม่นยำ

2. ให้รายได้ประจำเดือน

หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของกองทุน HYG ETF คือการจ่ายเงินปันผลรายเดือน เนื่องจากกองทุนนี้ถือครองพันธบัตรบริษัทที่ให้ดอกเบี้ย จึงจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นประจำ สำหรับนักลงทุนที่มุ่งเน้นสร้างรายได้ เช่น ผู้เกษียณอายุ หรือผู้ที่ต้องการเสริมกระแสเงินสด กองทุนนี้อาจเป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจ

อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด อัตราดอกเบี้ย และคุณภาพเครดิตของพันธบัตรอ้างอิง แม้ว่าผลการดำเนินงานในอดีตจะไม่ได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคต แต่ HYG เคยให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับลงทุน

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าผลตอบแทนที่สูงขึ้นมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านสินเชื่อและความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนได้

3. สภาพคล่องและขนาดกองทุนเป็นข้อได้เปรียบสำคัญ

ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ HYG จึงเป็นหนึ่งในกองทุน ETF พันธบัตรที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุด การมีสภาพคล่องสูงนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้โดยมีต้นทุนส่วนต่างราคาซื้อขาย (สเปรด) ต่ำแม้ในช่วงที่ตลาดผันผวน

สำหรับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย สภาพคล่องถือเป็นปัจจัยสำคัญ ขนาดกองทุนที่ใหญ่ของ HYG หมายความว่ามีช่วงราคาเสนอซื้อ-เสนอขายที่แคบและมีปริมาณการซื้อขายที่สม่ำเสมอ ซึ่งสามารถลดต้นทุนและความคลาดเคลื่อนสำหรับนักเทรดที่ใช้งานอย่างต่อเนื่องหรือผู้จัดการพอร์ตขนาดใหญ่

นอกจากนี้ กองทุนนี้ยังซื้อขายในตลาด NYSE Arca ซึ่งทำให้เข้าถึงได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์มโบรกเกอร์ส่วนใหญ่

4. HYG มาพร้อมกับความเสี่ยงด้านเครดิตและระยะเวลา

เหมือนการลงทุนทั่วไป HYG ETF ก็มีความเสี่ยง โดยเฉพาะเนื่องจากกองทุนถือพันธบัตรที่มีอันดับเครดิตต่ำ

ความเสี่ยงด้านเครดิต คือความเป็นไปได้ที่ผู้ออกพันธบัตรจะผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจาก HYG ลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงหรือพันธบัตรขยะ ความเสี่ยงในการผิดนัดจึงสูงกว่าพันธบัตรที่มีอันดับเครดิตลงทุนได้ ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยหรือวิกฤติทางการเงิน ราคาพันธบัตรเหล่านี้มักลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของกองทุน

นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงด้านระยะเวลาครบกำหนด (Duration Risk) ซึ่งหมายถึงความไวของมูลค่ากองทุนต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาของพันธบัตรที่มีอยู่จะลดลง ด้วยระยะเวลาครบกำหนดเฉลี่ยของ HYG ที่อยู่ในช่วงประมาณ 3 ถึง 4 ปี กองทุนจึงมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในระดับปานกลาง

นักลงทุนจึงต้องชั่งน้ำหนักความเสี่ยงเหล่านี้อย่างรอบคอบเทียบกับโอกาสในการรับรายได้ที่สูงขึ้นจากกองทุนนี้

5. HYG ใช้เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในพอร์ตลงทุนได้

HYG ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับทุกคน แต่สามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยง

นักลงทุนบางรายใช้ HYG เพื่อเพิ่มรายได้ในสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ บางรายลงทุนใน HYG เพื่อแสวงหาโอกาสในการลงทุนในวงจรสินเชื่อ โดยคาดการณ์ว่าการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทต่างๆ จะยังคงอยู่ในระดับต่ำและราคาพันธบัตรจะทรงตัว อีกทั้ง HYG ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (hedge) หรือเสริมกับการถือครองหุ้น โดยเฉพาะเมื่อคาดว่าตลาดหุ้นจะมีความผันผวนสูง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก HYG ลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง มันมักจะมีพฤติกรรมคล้ายกับหุ้นในช่วงตลาดขาลง หมายความว่าอาจไม่สามารถปกป้องเงินลงทุนได้เท่ากับกองทุนพันธบัตรแบบดั้งเดิม

การนำ HYG เข้ามาในพอร์ตควรสอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนโดยรวม ระดับความเสี่ยงที่รับได้ และระยะเวลาการลงทุนของคุณ และควรตรวจสอบพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเมื่อต้องการ

สรุป

HYG ETF คือเครื่องมือทรงพลังสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้และการเข้าถึงพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูง ด้วยการกระจายความเสี่ยงที่กว้าง รายได้ประจำเดือน และสภาพคล่องสูง ทำให้กองทุนนี้ได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนที่สูงกว่าก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านคุณภาพเครดิตและความไวต่ออัตราดอกเบี้ย

การเข้าใจบทบาทของ HYG ในกลยุทธ์การลงทุนโดยรวมจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากคุณกำลังพิจารณาการลงทุนในพันธบัตรบริษัท โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่นอกระดับเครดิตลงทุน กองทุน HYG ถือเป็นทางเลือกที่เรียบง่าย โปร่งใส และคุ้มค่าต่อค่าใช้จ่าย

ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ