เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-30

คู่สกุลเงิน EUR/USD หรือที่เทรดเดอร์เรียกกันติดปากว่า "Fiber" ถือเป็น "คู่สกุลเงินหลัก" (Major Pair) ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาด Forex ด้วยสภาพคล่องที่สูงและความเคลื่อนไหวที่น่าติดตาม สำหรับใครที่กำลังจับตาดู แนวโน้มค่าเงินยูโร ในช่วงปี 2025-2026 บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกมิติ ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา ปัจจัยขับเคลื่อนราคา ไปจนถึงการคาดการณ์อนาคตว่า "จะรุ่งหรือจะร่วง" พร้อมเทคนิคการทำกำไรที่คุณสามารถเริ่มได้ทันที
จากข้อมูลล่าสุด แนวโน้มค่าเงินยูโร มีสัญญาณของการ "ฟื้นตัว" โดยมีเป้าหมายราคาที่อาจขยับขึ้นไปทดสอบระดับ 1.20-1.23 ในช่วงกลางปี 2026 หากเศรษฐกิจยูโรโซนยังคงรักษาเสถียรภาพได้ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เรามาทำความเข้าใจรากฐานสำคัญกันก่อน
ก่อนที่จะมาเป็นสกุลเงินที่ทรงอิทธิพลอันดับสองของโลก สกุลเงินยูโร (EUR) ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปลายยุค 90 (ปี 1999) เพื่อใช้แทนหน่วยบัญชียุโรปเดิม และสร้างความเสมอภาคทางเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป (EU) ทดแทนสกุลเงินเดิมอย่าง ดอยซ์มาร์ก หรือ ฟรังก์ฝรั่งเศส
1999: เริ่มใช้ EUR ในรูปแบบตัวเลขทางบัญชี (ไม่ใช่เงินสด) ช่วงแรกราคาร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 0.8200
2002: เริ่มใช้ธนบัตรและเหรียญจริง
2008: ทำสถิติสูงสุดตลอดกาล (All-time high) ที่ 1.6039
ปัจจุบัน: เป็นคู่เงินที่มีปริมาณการซื้อขายมหาศาล และเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจโลกระหว่างฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกา
เพื่อให้คุณเทรดได้อย่างแม่นยำ การเข้าใจปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) คือหัวใจสำคัญ นี่คือ 5 ตัวแปรที่ส่งผลต่อกราฟ EUR/USD โดยตรง:
นี่คือพระเอกตัวจริง! การงัดข้อกันระหว่าง ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) คือตัวขับเคลื่อนหลัก หาก Fed ขึ้นดอกเบี้ย เงินดอลลาร์จะแข็ง (กดดันยูโร) แต่ถ้า ECB เข้มงวดนโยบายการเงินบ้าง ค่าเงินยูโรก็จะดีดตัวขึ้น
เงินเฟ้อคือเงาตามตัวของดอกเบี้ย หากยูโรโซนมีเงินเฟ้อสูง ECB อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัด ซึ่งมักจะทำให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น ในปี 2025 นักลงทุนต้องจับตาดูตัวเลข CPI อย่างใกล้ชิด
เศรษฐกิจดี ค่าเงินก็ดีตาม ข้อมูลอย่าง GDP และการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ เป็นตัวชี้วัดที่สร้างความผันผวนได้เสมอ หากยุโรปฟื้นตัวได้ดีกว่าสหรัฐฯ กราฟ EUR/USD ก็มีโอกาสพุ่งขึ้น
ความขัดแย้ง สงคราม หรือข้อพิพาททางการค้า มักทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง (เช่น ยูโร) และหันไปถือดอลลาร์ที่เป็น Safe Haven แทน
อารมณ์ของตลาดมีผลในระยะสั้น หากตลาดโลกสดใส (Risk-on) เงินจะไหลเข้าหายูโร แต่ถ้าตลาดกังวล (Risk-off) ดอลลาร์จะกลับมาเป็นพระเอก

ปัจจุบัน EUR/USD ซื้อขายอยู่ที่ระดับประมาณ 1.1750 และมีโมเมนตัมขาขึ้นที่น่าสนใจ (+8.87% ในรอบ 6 เดือน) นักวิเคราะห์มองว่า แนวโน้มค่าเงินยูโร ในระยะกลางถึงยาวมีทิศทาง "เชิงบวก" โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวดังนี้:
ระยะสั้น-กลาง: คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1.16 - 1.19
เป้าหมายปี 2026: มีโอกาสทดสอบระดับ 1.20 - 1.23
เพื่อให้คุณวางแผนเทรดได้รัดกุม เราแบ่งสถานการณ์ออกเป็น 2 ด้าน:
กรณีแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Case)
ยูโรโซนรักษาการเติบโต GDP ได้ดี และราคาพลังงานทรงตัว
ECB ดำเนินนโยบายการเงินสอดคล้องหรือเข้มงวดกว่า Fed
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว ทำให้ Fed ต้องเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย
สัญญาณทางเทคนิค (RSI, MACD) สนับสนุนแรงซื้อ
กรณีแนวโน้มขาลง (Bearish Case)
เศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งเกินคาด ทำให้ Fed คงดอกเบี้ยสูงยาวนาน (Higher for Longer)
ปัญหาสงครามหรือความขัดแย้งในยุโรปปะทุขึ้นอีกครั้ง
นักลงทุนหนีความเสี่ยงเข้าหาดอลลาร์ ทำให้ยูโรอาจร่วงกลับไปที่โซน 1.12 - 1.14
การรู้แนวโน้มตลาดเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความสำเร็จ อีกครึ่งหนึ่งคือการเลือก "สนามรบ" ที่ได้เปรียบ ในสภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูงจากนโยบายดอกเบี้ยปี 2025 การเลือกโบรกเกอร์ที่มีความเสถียรคือสิ่งจำเป็น
โดยสรุปแล้ว แนวโน้มค่าเงินยูโร ในปี 2025-2026 มีทิศทางที่สดใสขึ้น โดยมีโอกาสปรับตัวขึ้นหากปัจจัยเศรษฐกิจยุโรปเอื้ออำนวยและสหรัฐฯ เริ่มลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกยังคงมีอยู่ การติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ที่ไว้ใจได้อย่าง EBC Financial Group จะช่วยให้คุณเปลี่ยนความผันผวนให้เป็นโอกาสทำกำไรได้อย่างยั่งยืนครับ
ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ