ทำความรู้จัก 4 ดัชนีหลักแห่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และความหมายที่แท้จริงของ 'ดาวโจนส์'
简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

ทำความรู้จัก 4 ดัชนีหลักแห่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และความหมายที่แท้จริงของ 'ดาวโจนส์'

ผู้เขียน: Blair Cornelia

เผยแพร่เมื่อ: 2025-12-24

Gemini Generated Image (7).jpeg

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโอกาสในการเติบโตทางการเงิน การก้าวเข้าสู่ "ตลาดหุ้นอเมริกา" นับเป็นประตูบานใหญ่ที่น่าสนใจที่สุด แต่สำหรับมือใหม่ คำศัพท์และตัวย่อต่างๆ อาจดูน่าสับสน ไม่ว่าจะเป็น S&P 500, Nasdaq หรือ Dow Jones


บทความนี้ EBC Financial Group จะพาคุณไปทำความเข้าใจแบบกระชับ เข้าใจง่าย ว่าดัชนีเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไร และที่สำคัญ ดาวโจนส์ คืออะไร? เพื่อให้คุณพร้อมลงสนามเทรดได้อย่างมั่นใจและเป็นมืออาชีพ


1. S&P 500: มาตรฐานวัดชีพจรตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ดัชนี S&P 500 (Standard & Poor's 500) เปรียบเสมือน "เกจวัดสุขภาพ" ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวม เพราะดัชนีนี้รวบรวมบริษัทขนาดใหญ่ที่สุด 500 แห่งในสหรัฐฯ มาไว้ด้วยกัน

จุดเด่น: ใช้วิธีคำนวณน้ำหนักตามมูลค่าตลาด (Market Cap) ยิ่งบริษัทใหญ่ ยิ่งมีผลต่อดัชนีมาก

บริษัทที่คุ้นเคย: Apple, Microsoft, Amazon, Facebook (Meta)

เหมาะกับใคร: นักลงทุนและนักวิเคราะห์ใช้ S&P 500 เป็นเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) เพื่อดูภาพรวมว่าตลาดกำลัง "รุ่ง" หรือ "ร่วง"


2. Dow Jones: พี่ใหญ่แห่งวงการ (The Blue Chip)

มาถึงไฮไลต์สำคัญที่หลายคนสงสัยว่า ดาวโจนส์ คืออะไร?

ดาวโจนส์ คือ (Dow Jones Industrial Average - DJIA) ดัชนีตลาดหุ้นที่เก่าแก่และได้รับการติดตามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1896 โดยติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทระดับ "Blue Chip" หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีความมั่นคงสูงจำนวน 30 แห่งในสหรัฐฯ


ความแตกต่าง: ดาวโจนส์ใช้วิธี "ถ่วงน้ำหนักด้วยราคาหุ้น" (Price-weighted) หมายความว่า หุ้นที่มีราคาสูงจะมีอิทธิพลต่อการขึ้นลงของดัชนีมากกว่าหุ้นราคาต่ำ ซึ่งต่างจาก S&P 500 ที่ดูมูลค่าบริษัท

บริษัทในดัชนี: Coca-Cola, Goldman Sachs, Boeing, McDonald's


มุมมอง Expert: เมื่อดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้น มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจอเมริกา ในทางกลับกันหากร่วงลง ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงสภาวะถดถอยได้เช่นกัน


3. Nasdaq Composite: ศูนย์รวมหุ้นเทคโนโลยี

ถ้าคุณชอบความหวือหวาและเทคโนโลยีล้ำสมัย ต้องยกให้ Nasdaq Composite ดัชนีนี้ติดตามบริษัทกว่า 3,000 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ

จุดเด่น: เป็นดัชนีชี้วัดเทรนด์โลกอนาคต หากหุ้นกลุ่ม Tech ขึ้น ดัชนีนี้จะพุ่งแรง

บริษัทสำคัญ: Google (Alphabet), Tesla, NVIDIA, Intel


4. Nasdaq 100: คัดเน้นๆ เฉพาะตัวท็อป

Nasdaq 100 คือการคัดกรองเอาเฉพาะ 100 บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาด Nasdaq (โดยไม่รวมสถาบันการเงิน) ออกมา

ทำไมต้องดู: เพราะนี่คือกลุ่มบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูง (Growth Stocks) นักเทรดที่ชอบความผันผวนและโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างราคามักจะจับตามองดัชนีนี้เป็นพิเศษ


เปิดโลกการลงทุนระดับโลกไปกับ EBC Financial Group

เมื่อคุณเข้าใจแล้วว่าตลาดหุ้นอเมริกามีโครงสร้างอย่างไร และ ดาวโจนส์ คือดัชนีที่ทรงอิทธิพลขนาดไหน ขั้นตอนต่อไปคือการเลือก "พาร์ทเนอร์" ในการเทรดที่ไว้ใจได้


ทำไมต้องเทรดดัชนีสหรัฐฯ กับ EBC Financial Group?

การเลือกโบรกเกอร์ไม่ใช่แค่เรื่องของกราฟสวย แต่คือเรื่องของ "ความมั่นคง" และ "สภาพแวดล้อมการเทรดที่ดีที่สุด"

ความน่าเชื่อถือระดับสากล: EBC ได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานชั้นนำ (อาทิ FCA สหราชอาณาจักร และ ASIC ออสเตรเลีย) ให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยของเงินทุน

Execution ที่รวดเร็ว: ในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่าง Nasdaq หรือ Dow Jones ความเร็วในการส่งคำสั่งคือหัวใจ EBC มอบประสบการณ์การเทรดที่ลื่นไหลระดับมิลลิวินาที

บริการมืออาชีพ: เรามีทีมซัพพอร์ตที่พร้อมดูแลและให้คำปรึกษา เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกจังหวะสำคัญของตลาด

ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาให้เป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรนำไปใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ ความเห็นใดๆ ที่ปรากฏในเนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่าการลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือกลยุทธ์การลงทุนใดๆ เหมาะสมสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
รู้จัก 6 ดัชนีหุ้นหลักระดับโลก เจาะลึกรายตัวโดดเด่นอะไรบ้าง
ดัชนี Nifty 50 คืออะไร? คู่มือสำหรับมือใหม่
เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!
XAUUSD คืออะไร? เจาะลึกการ "เทรด ทอง" ยุคใหม่
ทำความรู้จักกับดารลงทุนกองทุนดัชนี