简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

Straight Through Processing (STP) คืออะไร?

เผยแพร่เมื่อ: 2025-11-06    อัปเดตเมื่อ: 2025-11-07

โบรกเกอร์แบบ Straight Through Processing (STP) จะส่งคำสั่งซื้อขายไปยังตลาดจริงโดยตรงโดยไม่มีคนกลาง ไม่มีความล่าช้า และให้การดำเนินการที่โปร่งใส


บทนำ


Straight Through Processing (STP) เป็นรูปแบบการซื้อขายที่โบรกเกอร์ใช้ในการส่งคำสั่งซื้อขายของคุณไปยังตลาดจริงโดยตรง โดยไม่มีการแทรกแซงด้วยมือจากบุคคลใด ๆ ในระบบนี้จะไม่มี Dealing Desk ซึ่งหมายความว่าโบรกเกอร์จะไม่ทำการซื้อขายในทิศทางตรงข้ามกับคุณ หรือเป็นผู้กำหนดราคาเอง


ในทางกลับกัน คำสั่งซื้อขายของคุณจะถูกส่งต่อโดยอัตโนมัติไปยังสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่เรียกว่า ผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Providers) เช่น ธนาคารหรือโบรกเกอร์รายอื่น ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการซื้อขายให้จริง


คำนิยาม

Straight Through Processing (STP)

Straight Through Processing (STP) หมายถึง ระบบที่โบรกเกอร์ใช้เทคโนโลยีในการส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าไปยัง Liquidity Providers โดยตรงเพื่อทำการซื้อขาย โดยไม่มีดีลเลอร์หรือการควบคุมด้วยมือเข้ามาเกี่ยวข้อง


โบรกเกอร์แบบ STP ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทรดเดอร์กับตลาดจริง เมื่อคุณส่งคำสั่งซื้อหรือขาย ระบบจะทำการจับคู่คำสั่งโดยอัตโนมัติกับราคาที่ดีที่สุดจากธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เชื่อมต่ออยู่ในระบบของโบรกเกอร์


โบรกเกอร์ไม่ได้สร้างกำไรจากการขาดทุนของคุณ แต่จะได้รับรายได้เล็กน้อยจาก Spread Markup (การบวกส่วนต่างของราคาในตลาดเพียงไม่กี่จุดหรือ pips) หรือเก็บค่าคอมมิชชันต่อการซื้อขายหนึ่งครั้งในอัตราเล็กน้อย


การทำงานของ Straight Through Processing


เมื่อคุณส่งคำสั่งซื้อขาย ระบบ STP จะทำการสแกนราคาจาก Liquidity Providers หลายรายเพื่อหาค่าราคาเสนอซื้อ (Bid) และราคาเสนอขาย (Ask) ที่ดีที่สุดในขณะนั้น 


ขั้นตอนการทำงานมีดังนี้:

  1. คุณส่งคำสั่งซื้อหรือขาย

  2. ระบบ STP ส่งคำสั่งนั้นไปยังเครือข่ายของ Liquidity Providers

  3. แต่ละผู้ให้บริการจะส่งกลับมาทั้งราคา Bid และ Ask

  4. ระบบจะเลือกใช้ราคาที่ดีที่สุดสำหรับคำสั่งของคุณ

  5. การซื้อขายจะถูกดำเนินการทันทีที่ราคานั้น และคุณจะได้รับการยืนยันผลการซื้อขาย

  6. ทุกขั้นตอนเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติและใช้เวลาเพียงไม่กี่มิลลิวินาที


เนื่องจากโบรกเกอร์ไม่ได้มีการแทรกแซงด้วยมือ จึงช่วยลดความล่าช้า (delay), การเลื่อนราคา (slippage), และการบิดเบือนราคาตลาด (price manipulation)


ตัวอย่าง


สมมติว่าเทรดเดอร์รายหนึ่งต้องการซื้อคู่สกุลเงิน GBP/USD ผ่านโบรกเกอร์แบบ STP เมื่อเทรดเดอร์คลิก “Buy” ระบบของโบรกเกอร์จะส่งคำสั่งไปยัง Liquidity Providers ที่เชื่อมต่ออยู่ เช่น ธนาคารขนาดใหญ่หรือสถาบันการเงินที่เสนอราคาซื้อขายแบบเรียลไทม์


หากมีผู้ให้บริการรายหนึ่งเสนอราคาที่ 1.2502 ระบบจะดำเนินการซื้อขายทันทีที่อัตรานั้น โบรกเกอร์จะไม่ถือสถานะการซื้อขายไว้เองหรือเข้าซื้อขายในฝั่งตรงข้าม แต่เพียงแค่ส่งคำสั่งผ่านไปยังตลาด และได้รับค่าคอมมิชชันหรือส่วนต่างราคาเล็กน้อย (เช่น 0.1–0.3 pips)


นี่คือหลักการของ Straight Through Processing (STP) ซึ่งช่วยให้คำสั่งซื้อขายของคุณเข้าสู่ตลาดจริงโดยตรง โดยไม่มีการแทรกแซงจากบุคคลภายนอก ความล่าช้า หรือการบิดเบือนราคา


ระบบนี้จึงมีความรวดเร็ว โปร่งใส และเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการการดำเนินการซื้อขายที่ยุติธรรมและเชื่อถือได้


ข้อดีและประโยชน์

ข้อดี / ประโยชน์ ข้อเสีย / ความเสี่ยง
การเข้าถึงราคาตลาดจริงโดยตรง สเปรดอาจกว้างขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
ไม่มี Dealing Desk หรือการแทรกแซงด้วยมือ มีการบวกส่วนต่างของราคา (markup) หรือค่าคอมมิชชันต่อการเทรดแต่ละครั้ง
การดำเนินคำสั่งซื้อขายรวดเร็วและยุติธรรมกว่า อาจเกิดการเลื่อนราคาซื้อขาย (slippage) ในตลาดที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว
ได้รับราคาที่โปร่งใสจากผู้ให้บริการหลายราย คุณภาพของการเทรดขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการสภาพคล่อง (liquidity providers)


เหตุผลที่ Straight Through Processing มีความสำคัญ


โบรกเกอร์แบบ Straight Through Processing (STP) ช่วยให้นักเทรดสามารถเข้าถึงสภาวะตลาดจริงได้ โดยที่โบรกเกอร์จะไม่ทำการซื้อขายในฝั่งตรงข้ามกับลูกค้า ซึ่งช่วยลดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และเพิ่มความโปร่งใสในการซื้อขาย


รูปแบบนี้มีประโยชน์เป็นพิเศษสำหรับนักเทรดแบบ Scalper นักเทรดที่ใช้ระบบอัตโนมัติ (Algorithmic Traders) และนักเทรดมืออาชีพที่ต้องการความรวดเร็วในการดำเนินคำสั่ง อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังเหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเข้าถึงราคาตลาดจริงอย่างเป็นธรรม โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการบิดเบือนราคา หรือความล่าช้าในการดำเนินการ


คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง


  • Non-Dealing Desk (NDD): รูปแบบของโบรกเกอร์ที่ส่งคำสั่งซื้อขายไปยัง Liquidity Providers โดยตรง แทนที่จะดำเนินการภายในเอง

  • Electronic Communication Network (ECN): ระบบที่จับคู่คำสั่งซื้อและขายโดยตรงระหว่างผู้เข้าร่วมตลาด

  • Dealing Desk: โบรกเกอร์ที่จัดการคำสั่งซื้อขายภายในบริษัทเอง และอาจทำหน้าที่เป็นคู่สัญญาในการซื้อขาย

  • ผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Provider):สถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่เสนอราคาซื้อและขายสำหรับสินทรัพย์ เช่น คู่สกุลเงินฟอเร็กซ์ หรือ CFD


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)


1. STP แตกต่างจาก Dealing Desk อย่างไร?

โบรกเกอร์แบบ Straight Through Processing (STP) จะส่งคำสั่งซื้อขายของคุณไปยัง Liquidity Providers โดยตรง ในขณะที่ Dealing Desk จะดำเนินการซื้อขายภายในบริษัทเอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างโบรกเกอร์และลูกค้าได้


2. โบรกเกอร์ STP เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นหรือไม่?

มีบางรายที่เก็บ โดยอาจบวกส่วนต่างเล็กน้อยใน Spread หรือเรียกเก็บค่าคอมมิชชันเพียงเล็กน้อยต่อการซื้อขายหนึ่งครั้ง


3. ระบบ STP เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือไม่?

เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากระบบนี้ให้การกำหนดราคาที่โปร่งใส การดำเนินคำสั่งที่รวดเร็ว และช่วยให้ผู้เริ่มต้นเข้าใจกลไกของตลาดจริง โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงจากดีลเลอร์


สรุป


Straight Through Processing (STP) เป็นระบบซื้อขายแบบอัตโนมัติที่ส่งคำสั่งของคุณไปยัง Liquidity Providers โดยตรง โดยไม่มี Dealing Desk หรือ Market Maker เข้ามาเกี่ยวข้อง


ระบบนี้มอบการดำเนินคำสั่งที่รวดเร็วขึ้น ราคาที่โปร่งใสมากขึ้น และการเข้าถึงราคาตลาดจริงอย่างยุติธรรม สำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและนักเทรดมืออาชีพ โบรกเกอร์แบบ STP ถือเป็นทางเลือกที่ให้การซื้อขายอย่างชัดเจนและปราศจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในตลาดโลก


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ