เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-22
22 ต.ค. 2025 - ตลาดหุ้นทั่วโลกอ่อนตัวในวันพุธ ขณะที่ราคาทองคำร่วงแรงจากการปรับฐาน หลังการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำให้มูลค่าสินทรัพย์หลายประเภทเริ่มถูกตั้งคำถามว่าสูงเกินจริง นักลงทุนจึงเร่งขายทำกำไรออกมา ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์กลับมาสั่นคลอนบรรยากาศลงทุนอีกครั้ง หลังการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ถูกเลื่อนออกไป รวมถึงความไม่แน่นอนของการพบปะระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เจ้าตัวบอกเองว่า “อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้”
ราคาทองคำร่วงลงแรงกว่า 5% ในคืนวันอังคาร โดยไม่มีปัจจัยกระตุ้นชัดเจน ก่อนดีดกลับมาซื้อขายที่ระดับ 4,098.89 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือลดลงอีก 0.6% ระหว่างวัน ปีนี้ทองคำยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ทำผลงานดีที่สุด โดยราคาพุ่งขึ้นกว่า 50% จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก รวมถึงความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
โทนี ไซมอร์ นักวิเคราะห์จาก IG กล่าวว่า “ตลาดทองคำอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (overbought) และมีแรงซื้อเพราะกลัวพลาดโอกาส (FOMO) สะสมมามากเกินไป” พร้อมชี้ว่าภาวะเดียวกันนี้เกิดขึ้นในตลาดเทคโนโลยีอย่าง Nasdaq ด้วย ซึ่งเริ่มเห็นแรงขายระยะสั้นและความผันผวนเป็นระยะ
ดัชนี MSCI Asia-Pacific ไม่รวมญี่ปุ่น ลดลง 0.24% ขณะที่ฟิวเจอร์ส Nasdaq ร่วง 0.2% และ S&P 500 ฟิวเจอร์สลดลง 0.07% หลังการซื้อขายที่ผันผวนในวอลล์สตรีท หุ้น Netflix ร่วงเกือบ 6% หลังผลประกอบการไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาด ขณะที่หุ้น General Motors พุ่งขึ้น 15% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรทั้งปี ส่วนฟิวเจอร์สยุโรปเคลื่อนไหวในแดนลบ โดย EUROSTOXX 50 ร่วง 0.5%, FTSE ลด 0.15% และ DAX อ่อนลง 0.26%
ในญี่ปุ่น ดัชนี Nikkei ร่วง 0.9% หลังสองวันก่อนหน้าพุ่งแรงจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้ผู้นำใหม่ ซาเนะ ทาคาอิจิ ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Julius Baer มองว่า “ซาเนะโนมิกส์” จะเป็นบวกต่อหุ้นญี่ปุ่น โดยเฉพาะจากแรงหนุนด้านการปฏิรูประบบบริษัทและนโยบายกระตุ้นการเติบโต ส่วนดัชนี CSI300 ของจีนลดลง 0.2% ส่วนฮ่องกง Hang Seng ร่วง 0.42%
ค่าเงินเยนยังอ่อนต่อเนื่อง หลังร่วงเกือบ 0.8% เมื่อวันก่อน เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าทาคาอิจิอาจทำให้เส้นทางขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซับซ้อนขึ้น โดย BOJ มีกำหนดประชุมสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley MUFG Securities ระบุว่า “โอกาสที่ BOJ จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมยังคงต่ำมาก แต่ถ้อยแถลงของผู้ว่าการคาซูโอะ อุเอดะ อาจให้สัญญาณถึงทิศทางการประชุมเดือนธันวาคมได้”
ฝั่งสหรัฐฯ เฟดเตรียมประกาศผลการประชุมสัปดาห์หน้าเช่นกัน โดยตลาดเกือบทั้งหมดคาดว่าจะลดดอกเบี้ย 0.25% ขณะที่การชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 สัปดาห์ ทำให้ขาดข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญและเพิ่มความไม่แน่นอนในการตัดสินใจ
ทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอของพรรคเดโมแครตให้เจรจาจนกว่าการชัตดาวน์จะสิ้นสุด ส่งผลให้ค่าเงินส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยดอลลาร์ทรงตัวจากแรงหนุนของเยนอ่อน ค่าของยูโรอยู่ที่ 1.1604 ดอลลาร์ และปอนด์อังกฤษที่ 1.3370 ดอลลาร์
ขณะที่ราคาน้ำมันขยับบวกเล็กน้อย โดยน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 0.31% อยู่ที่ 61.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบสหรัฐ (WTI) ปรับขึ้น 0.38% สู่ระดับ 57.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ภาพรวมตลาดสะท้อนให้เห็นภาวะ “พักฐานหลังความร้อนแรง” ของสินทรัพย์ทั่วโลก นักลงทุนเริ่มหันกลับมาประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ หลังช่วง FOMO-buying ทำให้ราคาทะยานเกินพื้นฐาน ทั้งทองคำ หุ้นเทคโนโลยี และตลาดเกิดใหม่ต่างเข้าสู่ช่วงทดสอบความแข็งแรงของแรงซื้ออีกครั้งในสัปดาห์นี้
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ