简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

Golden Cross vs Death Cross: ความแตกต่างที่นักลงทุนต้องรู้

เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-02    อัปเดตเมื่อ: 2025-10-08

ลองจินตนาการว่าคุณกำลังขับรถไปตามถนนเส้นยาว แล้วเจอทางแยกที่มีป้ายสองทาง: ทางหนึ่งชี้ไปที่ Golden Prosperity อีกทางชี้ไปที่ Deathly Caution คุณจะเลือกไปทางไหน?


นี่แหละคือความรู้สึกของนักลงทุนเมื่อเจอสัญญาณ Golden Cross หรือ Death Cross บนกราฟ สัญญาณเหล่านี้เปรียบเสมือนป้ายบอกทางในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิค มันไม่ได้การันตีเส้นทางข้างหน้า แต่ให้คำใบ้ที่สำคัญว่า ตลาดอาจกำลังจะไปทิศทางใด


ในบทความนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกว่า Golden Cross vs Death Cross คืออะไร วิธีสังเกต ความแตกต่างที่สำคัญ ตัวอย่างจริงในตลาด และสิ่งที่นักลงทุนทุกคนควรรู้ก่อนตัดสินใจลงมือ


Golden Cross คืออะไร?

Golden Cross คืออะไร

Golden Cross คือรูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Pattern) เกิดขึ้นเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (โดยทั่วไปใช้ค่าเฉลี่ย 50 วัน) ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (โดยทั่วไปคือ 200 วัน)


ลองนึกภาพเหมือนกับพระอาทิตย์ขึ้นหลังค่ำคืนอันยาวนาน ตลาดที่อาจเคยซบเซาหรือเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เริ่มแสดงสัญญาณของรุ่งอรุณใหม่ เป็นการบอกว่าฝั่งผู้ซื้อกำลังกลับมาแข็งแกร่งและมีโมเมนตัมดันราคาขึ้นไปข้างบน


คุณสมบัติหลักของ Golden Cross :

  • เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน

  • มักบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแรงกำลังจะเกิดขึ้น

  • มักมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น


ทำไมนักลงทุนถึงให้ความสำคัญ?

Golden Cross สื่อว่าแรงโมเมนตัมระยะสั้นมีพลังมากพอที่จะเอาชนะเทรนด์ระยะยาวได้ ส่งผลให้เกิดบรรยากาศเชิงบวก (Bullish Sentiment) ในตลาด ดึงดูดผู้ซื้อรายใหม่เข้ามาเสริม และบางครั้งยังดึงดูดสถาบันการเงินรายใหญ่เข้ามาร่วมด้วย


Death Cross คืออะไร?

Death Cross คืออะไร

Death Cross เป็นรูปแบบตรงกันข้ามกับ Golden Cross ซึ่งเป็นรูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง (Bearish Pattern) เกิดขึ้นเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (โดยทั่วไปใช้ 50 วัน) ตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (โดยทั่วไปคือ 200 วัน)


ลองจินตนาการเหมือนพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ความมืดเริ่มเข้ามาแทนที่ ตลาดที่เคยแข็งแรงก่อนหน้านี้เริ่มอ่อนแรงลง และแรงขายจากฝั่งผู้ขายเริ่มมีอิทธิพลเหนือผู้ซื้อ


คุณสมบัติหลักของ Death Cross :

  • เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน

  • มักบ่งชี้ถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงระยะยาว

  • มักมาพร้อมกับปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น


ทำไมนักลงทุนถึงให้ความสำคัญ?

Death Cross มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า แม้มันจะไม่ได้หมายถึงหายนะเสมอไป แต่บอกได้ว่าโมเมนตัมของตลาดได้เปลี่ยนไปในทิศทางขาลง และตลาดอาจกำลังเผชิญกับภาวะอ่อนตัวหรือเข้าสู่ขาลง


Golden Cross vs Death Cross

คุณสมบัติ Golden Cross Death Cross
ประเภทของสัญญาณ ขาขึ้น (Bullish) ขาลง (Bearish)
การตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ย เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
บรรยากาศตลาด มองบวก มีศักยภาพในการเติบโต ความระมัดระวัง เสี่ยงต่อการปรับตัวลง
พฤติกรรมปริมาณการซื้อขาย มักจะเพิ่มขึ้น มักลดลง หรือเกิดแรงขายเร่งตัว
บริบททั่วไป หลังจากการพักฐานหรือตลาดปรับตัว หลังจากแนวโน้มขาขึ้นยาวนานเริ่มอ่อนแรง


Golden Cross และ Death Cross เปรียบเสมือนภาพสะท้อนกัน คนหนึ่งส่งสัญญาณถึงความหวังและโอกาส อีกคนเป็นสัญญาณเตือนให้ระวังความเสี่ยงขาลง


ทำไมค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จึงสำคัญใน Golden Cross และ Death Cross?

เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมนักลงทุนถึงเชื่อมั่นในรูปแบบเหล่านี้ เราต้องมาทำความรู้จักกับเครื่องมือเบื้องหลังมันก่อน นั่นคือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average: MA)


  • เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เปรียบเสมือน “ความเร็วเฉลี่ย” ของตลาดในช่วงจำนวนวันที่กำหนด

  • เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน เป็นตัวแทนระยะสั้น สะท้อนความเชื่อมั่นหรือความกังวลของนักเทรดในช่วงใกล้ ๆ

  • เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน เป็นตัวแทนระยะยาว สะท้อนแนวโน้มภาพรวมของตลาด


เมื่อเส้นระยะสั้นตัดขึ้นเหนือเส้นระยะยาว ก็เปรียบเหมือนปัจจุบันที่วิ่งแซงอดีต เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นยุคขาขึ้นใหม่ (Golden Cross)


ในทางกลับกัน เมื่อเส้นระยะสั้นตัดลงต่ำกว่าเส้นระยะยาว ก็เปรียบเหมือนปัจจุบันที่กำลังล้มลงภายใต้น้ำหนักของอดีต บ่งชี้ถึงความอ่อนแอและแนวโน้มขาลง (Death Cross)


ตัวอย่างในอดีตของ Golden Cross vs Death Cross

Golden Cross vs Death Cross

ตัวอย่าง Golden Cross

1. S&P 500 ในเดือนกรกฎาคม 2020

หลังจากวิกฤตโควิด-19 ในเดือนมีนาคม 2020 เส้นค่าเฉลี่ย 50 วันได้ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ก่อให้เกิด Golden Cross ซึ่งเป็นสัญญาณนำก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่การปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องราว 12–18 เดือน


2. Bitcoin ในเดือนเมษายน 2019

BTC เกิด Golden Cross ใกล้ระดับราคา $5,000 ก่อนจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น จนไต่ขึ้นไปเกินกว่า $12,000 ภายในปีเดียวกัน


ตัวอย่าง Death Cross

1. S&P 500 ในปี 2007

นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจำนวนมากอ้างถึงการเกิด Death Cross ในช่วงเริ่มต้นของวิกฤตการเงินโลกปี 2007 แม้วันที่ของการตัดกันจะแตกต่างไปตามวิธีการทำกราฟ แต่โดยรวมถือเป็นจุดอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าสัญญาณ MA มักสอดคล้องกับการปรับตัวลงของตลาด


2. Bitcoin ในเดือนมิถุนายน 2021

ในช่วงกลางปี 2021 ค่าเฉลี่ย 50 วันของ BTC ตัดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 200 วัน (บริเวณราคา $35,000 ตามการวิเคราะห์หลายแหล่ง) ถือเป็นสัญญาณ Death Cross ที่เกิดขึ้นระหว่างการปรับฐานครั้งใหญ่ของตลาดคริปโต


ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าแม้ Golden Cross และ Death Cross จะไม่ใช่เครื่องมือทำนายอนาคตที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มักปรากฏร่วมกับการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มใหญ่ของตลาด


นักลงทุนประเภทต่าง ๆ ใช้ Golden และ Death Cross อย่างไร?

1. นักลงทุนระยะยาว

นักลงทุนอาจมองว่า Golden Cross เป็นสัญญาณให้อยู่นิ่งหรือเพิ่มการลงทุน ในขณะที่ Death Cross เป็นสัญญาณเพื่อลดความเสี่ยงหรือทำ Hedging


2. Swing Traders

ใช้สัญญาณ Cross ร่วมกับการวิเคราะห์ปริมาณซื้อขายและอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เพื่อจับโอกาสทำกำไรจากแนวโน้มระยะกลาง


3. Day Traders

แม้ Golden/Death Cross จะนิยมใช้บนกราฟรายวัน แต่บาง Day Trader นำไปประยุกต์กับ Time Frame สั้น ๆ เช่น 1 ชั่วโมง หรือ 15 นาที


มือใหม่ควรเทรดตาม Golden หรือ Death Cross หรือไม่?

สำหรับผู้เริ่มต้น สัญญาณเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจว่าตลาดสร้างและเปลี่ยนแนวโน้มอย่างไร แต่ต้องจำไว้ว่า: มันเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่การการันตี


สิ่งที่มือใหม่ควรทำ:

  1. ฝึกหัดดู Golden และ Death Cross บนกราฟย้อนหลัง

  2. ทดลองใช้ในบัญชี Demo ก่อนเสี่ยงเงินจริง

  3. ผสมผสานกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เพื่อไม่ให้พึ่งพามากเกินไป


อินดิเคเตอร์ที่ควรใช้ควบคู่

  1. การวิเคราะห์ปริมาณ: ปริมาณซื้อขายที่เพิ่มขึ้นระหว่าง Golden Cross เป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแรง

  2. ดัชนี RSI: ใช้ตรวจสอบว่าตลาดอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)

  3. MACD (Moving Average Convergence Divergence): เพิ่มมุมมองด้านโมเมนตัม

  4. แนวรับและแนวต้าน: ช่วยกำหนดจุดเข้าและออกที่สมจริง


Golden Cross vs Death Cross: ควรเชื่อถือสัญญาณไหนมากกว่ากัน?

จริง ๆ แล้วไม่มีสัญญาณใด “ดีกว่า” อีกสัญญาณหนึ่งโดยตรง ค่าของมันขึ้นอยู่กับบริบทของตลาด


  • ในตลาดขาขึ้นที่แข็งแรง Golden Cross มักมีความน่าเชื่อถือมากกว่า

  • ในตลาดที่ผันผวนหรือไม่แน่นอน Death Cross อาจส่งสัญญาณเตือนลวง (False Alarm) ได้บ่อย


สิ่งสำคัญคืออย่ามองแค่สัญญาณ Cross แต่ควรวิเคราะห์ภาพรวมของตลาดทั้งหมด


คำถามที่พบบ่อย

1. สัญญาณไหนแม่นกว่ากัน ระหว่าง Golden Cross vs Death Cross?

ไม่มีสัญญาณไหนที่แม่นยำ 100% ในอดีต Golden Cross มักนำไปสู่แนวโน้มขาขึ้นที่ยาวนานกว่า ขณะที่ Death Cross มักมีโอกาสให้สัญญาณหลอกสูงกว่า


2. สัญญาณ Golden Cross และ Death Cross สามารถหลอกได้หรือไม่?

ได้ บางครั้งราคากลับทิศทางหลังการตัดกันโดยไม่ต่อเนื่อง สัญญาณแบบนี้เรียกว่า “False Crossover” หรือ “Whipsaw”


3. Timeframe ไหนเหมาะที่สุดสำหรับ Golden และ Death Cross?

กราฟรายวัน (50 วัน vs 200 วัน) เป็นที่นิยมมากที่สุดสำหรับการเทรดระยะกลางถึงระยะยาว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางรายก็ใช้ค่าเฉลี่ยที่สั้นกว่า (20/50) หรือยาวกว่า (100/200) ขึ้นอยู่กับสไตล์และระยะเวลาที่เทรด


บทสรุป

Golden Cross vs Death Cross เป็นสัญญาณที่ทรงพลัง แต่ไม่ใช่เครื่องมือทำนายอนาคตที่สมบูรณ์แบบ จงมองมันเหมือน “ป้ายบอกทาง” บนถนนแห่งการเทรด ที่ช่วยชี้แนวทาง แต่ผู้ขับ (นักเทรด) ก็ยังต้องจับพวงมาลัยและใช้สายตาของตนเองเพื่อมองทางข้างหน้าอยู่ดี


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
MA Cross คืออะไร? รู้ทันจังหวะเข้าเทรดด้วย MA
EMA vs SMA วิธีเลือกค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่เหมาะกับคุณ
5 กลยุทธ์ Breakout Trading ที่ใช้งานได้จริง
กลยุทธ์เทรดน้ำมัน ยังไงให้เหมือนมือโปร
Golden Cross คืออะไร? วิธีเทรดรูปแบบนี้อย่างมืออาชีพ