ตลาดจับตา US Retail Sales เดือนกรกฎาคม คาดโต 0.5% สะท้อนการใช้จ่ายผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง พร้อมวิเคราะห์ผลต่ออัตราดอกเบี้ย Fed, USD และ EUR/USD
ยอดขายปลีกสหรัฐ หรือ US Retail Sales เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด เนื่องจากสะท้อนถึงการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นมากกว่า 60% ของ GDP สหรัฐ ในเดือนกรกฎาคม 2025 ตลาดกำลังจับตาว่าตัวเลขยอดขายปลีกจะเติบโตต่อเนื่องจากเดือนมิถุนายนหรือไม่ หลังจากที่ผู้บริโภคเริ่มตอบสนองต่อโปรโมชั่นฤดูร้อนและความกังวลเรื่อง ภาษีนำเข้า (Tariff) ที่อาจทำให้ราคาสินค้าพุ่งขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนต่างให้ความสนใจตัวเลขเหล่านี้ เพราะไม่เพียงสะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ยังมีผลต่อ นโยบายอัตราดอกเบี้ยของ Fed, ค่าเงิน USD, และการเคลื่อนไหวของคู่เงิน EUR/USD
สำนักงานสำรวจสำมะโนสหรัฐ (United States Census Bureau) เตรียมเปิดเผยตัวเลข US Retail Sales สำหรับเดือนกรกฎาคมในวันศุกร์นี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากเดือนมิถุนายนเติบโต 0.6% ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายผู้บริโภค แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากภาษีนำเข้าและราคาสินค้าที่สูงขึ้น ผู้บริโภคยังคงเร่งจับจ่ายสินค้าก่อนที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น
ในเดือนพฤษภาคม 2025 ยอดขายปลีกลดลง 0.9% แต่ในเดือนมิถุนายนกลับฟื้นตัวอย่างเหนือความคาดหมาย โดย Retail and Food Services เติบโต 0.6% รวมมูลค่า 720.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หากไม่นับยอดขายรถยนต์ (Core Retail Sales) ยอดขายของสินค้าประเภทอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 0.5% เทียบกับเดือนก่อนหน้า การฟื้นตัวนี้ถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐ เพราะแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงมีความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย
1. โปรโมชั่นช่วงฤดูร้อน: ผู้บริโภคตอบสนองต่อส่วนลดและโปรโมชั่นมากขึ้น
2. ความคาดการณ์ราคาสินค้าสูงขึ้น: ผู้บริโภคเร่งซื้อสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงราคาสินค้าแพงจากการขึ้น Tariff
3. การฟื้นตัวของตลาดรถยนต์: รถยนต์ยังคงเป็นตัวกระตุ้นหลักของยอดขายปลีกต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง
นักเศรษฐศาสตร์จาก Wells Fargo ระบุว่า “การเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์และราคาสินค้าที่สูงขึ้นในเดือนกรกฎาคมเป็นปัจจัยหลักของตัวเลขยอดขายที่ ‘แข็งแกร่ง’ แต่ผู้บริโภคเริ่มแสดงอาการเหนื่อยจากการใช้จ่ายและระมัดระวังมากขึ้น”
ข้อมูล US Retail Sales เดือนกรกฎาคมมีผลโดยตรงต่อค่าเงิน USD และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของ Fed ดัชนี USD Index (DXY) ลดลงประมาณ 2.3% ในเดือนสิงหาคม จนแตะต่ำกว่า 98.00 ตลาดคาดว่า Fed อาจลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน หากตัวเลขยอดขายปลีกไม่ร้อนแรงเกินไป
นักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวปานกลางของยอดขายปลีกถือเป็นตัวเลข Goldilocks คือไม่แรงเกินไป แต่ก็ไม่อ่อนเกินไป ช่วยให้ Fed ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนตัว
ตลาดแทบจะราคาเต็ม (fully priced) สำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed นักลงทุนและนักวิเคราะห์คาดการณ์แน่นอนว่าการประชุมครั้งนี้ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยเพื่อตอบสนองต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนตัว
บทบาทของ US Retail Sales:
- ตัวเลขยอดขายปลีกเดือนกรกฎาคมเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ Fed ใช้ประเมินความแข็งแกร่งของการบริโภค ซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
- หากตัวเลขใกล้เคียงกับความคาดหมาย (0.5%) จะช่วยยืนยันว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่งพอสมควร แต่ไม่ได้ร้อนแรงจนสร้างแรงกดดันให้ Fed ต้องชะลอการลดดอกเบี้ย
ผลต่อการตัดสินใจของ Fed:
หากยอดขายปลีกชะลอตัวเล็กน้อย (ต่ำกว่า 0.5%) แสดงถึงการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ระมัดระวัง อาจเป็นสัญญาณให้ Fed ลดดอกเบี้ยอย่างสมดุลโดยไม่เสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย
Fed อาจใช้โอกาสนี้ปรับลดดอกเบี้ยอย่างมีขั้นตอน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนในตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนตัว
- Core Retail Sales (ไม่รวมรถยนต์) คาดโต 0.3% หลังจากเดือนมิถุนายนโต 0.5%
- การชะลอตัวเล็กน้อยสะท้อนการใช้จ่ายที่ระมัดระวังของผู้บริโภค
- รถยนต์ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของยอดขายปลีก
- สินค้าอื่น ๆ เช่น เสื้อผ้า อาหาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คาดเติบโตจากเดือนก่อนหน้า
นักวิเคราะห์มองว่าตัวเลข Core Retail Sales เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ Fed ใช้ประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจริง
ตัวเลข US Retail Sales เดือนกรกฎาคมมีผลโดยตรงต่อค่าเงิน USD และสะท้อนต่อคู่เงิน EUR/USD
แนวโน้มระยะสั้นของ EUR/USD:
- ในเดือนสิงหาคม EUR/USD ฟื้นตัวเกือบ 3% จากความอ่อนค่าของ USD หลังตัวเลขแรงงานสหรัฐออกมาชะลอตัว และความคาดหวังว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ย
- การลดดอกเบี้ยของ Fed จะลดแรงหนุนให้ USD แข็งค่า ทำให้เงินยูโรมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
ปัจจัยพื้นฐานที่ต้องพิจารณา:
หากตัวเลข US Retail Sales อ่อนกว่าคาด จะสนับสนุนการลดดอกเบี้ย ส่งผลให้นักลงทุนมีแนวโน้มซื้อ EUR มากขึ้น โดยตัวเลข Core Retail Sales ชะลอตัว จะเป็นสัญญาณว่า USD อาจอ่อนค่าต่อเนื่อง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนและอัตราดอกเบี้ย ECB เป็นตัวแปรกำหนดทิศทาง EUR/USD
แนวรับ-แนวต้านทางเทคนิค:
แนวต้านแรก: 1.1735
แนวต้านถัดไป: 1.1785 – 1.1830
แนวรับสำคัญ: 1.1650
นักลงทุนควรจับตาตัวเลข US Retail Sales อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินทิศทาง USD และ EUR/USD ในระยะสั้น
หากยอดขายปลีกเดือนกรกฎาคมคาดเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 0.5% แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายผู้บริโภค แม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันจาก ภาษีนำเข้า (Tariff) และราคาสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคเริ่มมีความระมัดระวัง
โดยรถยนต์ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักต่อเนื่อง ขณะที่สินค้าอื่น ๆ เช่น เสื้อผ้า อาหาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คาดเติบโตปานกลาง ด้าน Core Retail Sales ชะลอตัวเล็กน้อยแต่สะท้อนความมั่นคงของเศรษฐกิจ
ข้อมูลนี้สนับสนุนความคาดหวังว่า Fed อาจลดอัตราดอกเบี้ย ในเดือนกันยายน การฟื้นตัวปานกลางของการใช้จ่ายช่วยให้ Fed มีพื้นที่ในการปรับนโยบายการเงินได้อย่างสมดุล และยังส่งผลต่อแนวโน้มค่าเงิน USD และคู่เงิน EUR/USD ในระยะสั้น นักลงทุน ตลาดหุ้น และนักวิเคราะห์เศรษฐกิจควรจับตาตัวเลข US Retail Sales เดือนกรกฎาคมอย่างใกล้ชิด
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใด ๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใด ๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ตลาดจับตาความสัมพันธ์ระหว่างยูโรกับดอลลาร์สหรัฐอย่างใกล้ชิด เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อแนวโน้มระยะใกล้ของยูโร
2025-08-15เงินปอนด์เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบสามสัปดาห์เมื่อวันศุกร์ หลังตัวเลขเงินเฟ้อแข็งแกร่งกว่าคาด ทำให้นักลงทุนลดความคาดหมายการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed
2025-08-15หุ้นเอเชียทยาน ขณะที่ดัชนี Nikkei 225 ทำ All Time High โดย GDP ของญี่ปุ่นออกมาเหนือความคาดหมาย และความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนดัชนี CSI300 การฟื้นตัวนี้จะยืนได้ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่หลากหลายหรือไม่?
2025-08-15