ราคาทองคำร่วงลงใกล้ระดับ 3,351 ดอลลาร์ หลังทรัมป์ชะลอการตัดสินใจโจมตีอิหร่าน ขณะที่ระดับเทคนิคสำคัญบ่งชี้ถึงความเสี่ยงขาลงเพิ่มเติมหรือโอกาสในการฟื้นตัว
ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงต้นการซื้อขายตลาดเอเชียเมื่อวันศุกร์ โดยร่วงลงเกือบ 20 ดอลลาร์ในระหว่างวัน แตะระดับใกล้ 3,351 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การร่วงลงอย่างฉับพลันนี้เกิดขึ้นหลังจากคำแถลงของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งดูเหมือนจะช่วยลดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่าจะเลื่อนการตัดสินใจเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่ออิหร่านออกไปอีกไม่เกินสองสัปดาห์ โดยให้เหตุผลว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายให้อิหร่านกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของตน ท่าทีที่อ่อนลงนี้ถือว่าตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับท่าทีแข็งกร้าวก่อนหน้านี้ของเขา ทั้งการเรียกร้องให้ชาวกรุงเตหะรานอพยพ รวมถึงการเดินทางออกจากการประชุมG7ที่แคนาดาก่อนกำหนด
Bloomberg รายงานว่าการเปลี่ยนจุดยืนของทรัมป์ในครั้งนี้ อาจสะท้อนถึงความยืดหยุ่นหรือการยอมถอยในบางประเด็น ซึ่งทำให้ตลาดเกิดภาวะ “Risk-On” หรือการหันกลับไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง นักลงทุนจำนวนมากจึงเริ่มลดการถือครองทองคำและสินทรัพย์ปลอดภัยอื่น ๆ ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงอย่างรุนแรงตามมา
ตามรายงานของ Dhwani Mehta นักวิเคราะห์อาวุโสจาก FXStreet ราคาทองคำปิดการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดีแบบทรงตัว แต่ในช่วงเช้าวันศุกร์กลับร่วงลงแตะจุดต่ำสุดรายวันใหม่ที่ใกล้ระดับ 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์
Mehta ระบุว่า ราคาทองคำได้หลุดแนวรับสำคัญคือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย 21 วัน (21-day SMA) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำหน้าที่เป็นแนวรับ หากราคาทองคำไม่สามารถกลับมาปิดเหนือระดับนี้ได้ อาจนำไปสู่การปรับฐานลึกลงต่อ โดยแนวรับถัดไปอยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ที่ระดับ 3,318 ดอลลาร์ และแนวรับตามแนว Fibonacci Retracement 38.2% จากรอบขาขึ้นเดือนเมษายน ที่ระดับ 3,297 ดอลลาร์
แม้ว่าทิศทางระยะสั้นจะดูเป็นขาลง แต่ Mehta ชี้ว่าดัชนี RSI ระยะ 14 วัน ยังคงอยู่เหนือระดับกึ่งกลางที่ประมาณ 52 ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงซื้อยังไม่หมดไปโดยสิ้นเชิง แม้แนวโน้มของ RSI จะเริ่มชี้ลง
เพื่อให้ราคาทองคำกลับมาอยู่ในทิศทางบวก จำเป็นต้องมีการเบรกทะลุระดับ 3,377 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci Retracement 23.6% หากทะลุได้ แนวต้านถัดไปจะอยู่บริเวณ 3,400 ดอลลาร์ และแนวต้านถัดไปที่สำคัญคือระดับ 3,440 ดอลลาร์ ซึ่งหากผ่านไปได้ ทองคำอาจกลับไปทดสอบจุดสูงสุดรอบ 2 เดือนที่ 3,453 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แม้ว่าความเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้นจะได้รับอิทธิพลจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์เป็นหลัก แต่นักลงทุนยังคงจับตามองว่าราคาทองคำจะสามารถยืนอยู่เหนือแนวรับสำคัญได้หรือไม่ หรือจะเผชิญการปรับฐานในระยะยาวมากขึ้น ทั้งนี้ ความคืบหน้าทางการเมืองของสหรัฐฯ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์และบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก ล้วนมีบทบาทอย่างมากต่อทิศทางราคาทองคำในอนาคต
ราคาทองคำยังคงอ่อนไหวต่อข่าวสารทางภูมิรัฐศาสตร์และสัญญาณเชิงนโยบายเป็นอย่างมาก การที่ทรัมป์ชะลอการโจมตีอิหร่านช่วยลดความตึงเครียดในตลาดชั่วคราว ส่งผลให้ราคาทองคำอ่อนตัว อย่างไรก็ตาม ในเชิงเทคนิค ราคากำลังเผชิญกับบททดสอบที่แนวรับสำคัญ หากแรงขายยังคงมีต่อ อาจเห็นราคาย่อลงไปลึกกว่านี้ แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอีกครั้งหรือความเสี่ยงกลับมาเพิ่มขึ้น ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยก็อาจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น การติดตามทั้งการเคลื่อนไหวของราคาและข่าวสารทางการเมืองอย่างใกล้ชิดยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงนี้
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ราคาหุ้นของ SoftBank พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการลงทุนใน AI การฟื้นตัวของ Vision Fund และแผน IPO ขนาดใหญ่ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนในปี 2024
2025-08-08ค่าเงินปอนด์ทรงตัวในวันศุกร์ หลังจากที่สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ กำลังกลายเป็นตัวเต็งที่จะได้รับตำแหน่งประธานธนาคารกลางจากทีมของทรัมป์
2025-08-08สหรัฐฯ ตั้งภาษีทองคำแท่ง 1 กิโลกรัม กระทบตลาดทองคำโลกและศูนย์กลั่นทองคำสวิตเซอร์แลนด์ ส่อดันราคาทองคำครึ่งหลังปี 2025 พุ่งแรง
2025-08-08