Inverse Head and Shoulders คืออะไร? รูปแบบกลับตัวที่นักเทรดต้องรู้

2025-03-27
สรุป

Inverse Head and Shoulders คือเครื่องมือที่สำคัญในการจับการกลับตัวของแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น โดยนักเทรดใช้เพื่อจับโอกาสในการลงทุนเมื่อแนวโน้มตลาดเปลี่ยนทิศทาง

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders คือหนึ่งในรูปแบบการกลับตัวที่ได้รับความนิยมและถูกใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุด นักเทรดและนักลงทุนมักใช้รูปแบบนี้เพื่อระบุสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณการกลับตัวในตลาดการเงิน เช่น ตลาดหุ้นและ forex


อย่างไรก็ตาม การเข้าใจวิธีการเทรดรูปแบบ Inverse Head and Shoulders อย่างมีประสิทธิภาพนั้นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการสร้างรูปแบบ ลักษณะสำคัญ และจุดเข้าและจุดออกที่เหมาะสม ซึ่งในบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจได้อย่างครบถ้วน


ทำความเข้าใจและการระบุรูปแบบ Inverse Head and Shoulders

ทำความเข้าใจและการระบุรูปแบบ Inverse Head and Shoulders - EBC

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders คือรูปแบบการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal) ที่ปรากฏในช่วงท้ายของแนวโน้มขาลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงขายเริ่มอ่อนแรงลง และแรงซื้อเริ่มเข้าควบคุมตลาด โดยรูปแบบนี้ประกอบด้วยทั้งหมด 3 ช่วงหลัก ได้แก่

  • Left Shoulder (ไหล่ซ้าย): ราคาเริ่มปรับตัวลง พบแนวรับชั่วคราว แล้วดีดตัวขึ้นก่อนจะร่วงลงอีกครั้ง

  • Head (ศีรษะ): ราคาทำจุดต่ำใหม่ที่ต่ำกว่า Left Shoulder ก่อนจะฟื้นตัวขึ้น

  • Right Shoulder (ไหล่ขวา): ราคาลดลงอีกครั้ง แต่ไม่ต่ำเท่าจุด Head แสดงถึงแรงขายที่อ่อนกำลังลง


องค์ประกอบสำคัญของรูปแบบนี้คือ “Neckline” หรือเรียกว่าเส้นคอ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวต้าน โดยเชื่อมจุดสูงระหว่าง Left Shouder และ Right Shouder หากราคาทะลุขึ้นเหนือเส้น Neckline ไปได้ นักเทรดจะมองว่านี่คือสัญญาณยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้น


แม้ว่ารูปแบบ Inverse Head and Shoulders แบบทั่วไปจะเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด แต่ก็ยังมี “รูปแบบย่อย” ที่ควรทราบเช่น

  • Slanted Neckline: ระดับแนวต้านจะไม่เป็นแนวนอน แต่จะเอียงขึ้นหรือเอียงลง โดยเส้น Neckline ที่เอียงลงอาจสื่อถึงการกลับตัวที่อ่อนแอกว่า ขณะที่เส้น Neckline ที่เอียงขึ้นอาจบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งกว่า

  • Complex Inverse Head and Shoulders: รูปแบบนี้ประกอบ Head หรือ Shoulders มากกว่าหนึ่งชุด แม้จะดูยากขึ้น แต่หลักการยังคงเหมือนเดิม นั่นคือ เมื่อราคาทะลุเส้น Neckline ไปได้จะถือเป็นสัญญาณกลับตัวที่ชัดเจน


นักเทรดควรใช้ความอดทนในการรอการยืนยันการทะลุเส้น Neckline ก่อนตัดสินใจเข้าเทรด เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการลงทุน


กลยุทธ์การเทรดตามรูปแบบ Inverse Head and Shoulders

การเทรดด้วยรูปแบบ Inverse Head and Shoulders เริ่มจากการระบุรูปแบบให้ถูกต้องและรอการยืนยันก่อนเปิดสถานะซื้อ โดยทั่วไปแล้ว นักเทรดจะเฝ้ารอสัญญาณ “การทะลุขึ้นเหนือเส้น Neckline” ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเปิดสถานะ Long (ซื้อ)


วิธีที่นิยมคือการรอให้ราคาปิดรายวันหรือรายชั่วโมง “เหนือเส้น Neckline” เพื่อยืนยันการทะลุอย่างชัดเจน ขณะที่นักเทรดบางรายอาจรอให้ราคาย้อนกลับมาทดสอบเส้น Neckline ในฐานะแนวรับก่อนค่อยเข้าเทรด วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการทะลุปลอม (False Breakout)


สำหรับการตั้ง “เป้าหมายราคา” (Price Target) มักคำนวณจากระยะห่างระหว่างจุดต่ำสุดของ Head ถึงเส้น Neckline แล้วนำระยะดังกล่าวไปบวกกับจุดที่ราคาทะลุเส้น Neckline ขึ้นไป ซึ่งจะช่วยประเมินการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางขาขึ้นได้อย่างมีเหตุผล


ความสำคัญของปริมาณการซื้อขายและการใช้อินดิเคเตอร์อื่นร่วมกัน

ปริมาณการซื้อขาย (Volume) มีบทบาทสำคัญในการยืนยันความน่าเชื่อถือของรูปแบบ Inverse Head and Shoulders โดยในช่วงที่รูปแบบกำลังก่อตัว มักจะสังเกตเห็นว่าปริมาณการซื้อขายลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มขาลงกำลังอ่อนแรงลง และเมื่อราคาทะลุเส้นคอขึ้นไป หากมีปริมาณการซื้อขายสูงตามมาด้วย นั่นถือเป็นการยืนยันว่าการทะลุครั้งนั้นมีแรงซื้อเข้ามาอย่างชัดเจน แต่หากเกิดการทะลุเส้น Neckline ในช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำ นักเทรดควรระมัดระวังเนื่องจากมีโอกาสสูงที่จะเป็น “การทะลุปลอม” (False Breakout)


การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายจึงช่วยให้นักเทรดสามารถแยกแยะได้ระหว่างการทะลุที่แข็งแกร่งกับการทะลุที่อ่อนแรง ซึ่งถ้าปริมาณการซื้อขายมาก แสดงถึงแรงซื้อที่มั่นคงและความเชื่อมั่นของตลาด แต่ถ้าปริมาณการซื้อขาน้อย อาจสะท้อนถึงความลังเลของผู้ซื้อ การดูพฤติกรรมปริมาณการซื้อขาควบคู่กับการเคลื่อนไหวของราคาจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจเทรด และลดโอกาสที่จะเจอสัญญาณหลอก


นอกจากนี้ การใช้รูปแบบ Inverse Head and Shoulders ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเทรดเช่น:

  • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 200 วัน (50/200-Day Moving Averages): หากราคาทะลุขึ้นเหนือค่าเฉลี่ยเหล่านี้หลังจากทะลุเส้น Neckline ได้ถือเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น

  • Bollinger Bands: ช่วยบ่งชี้ว่าราคามีการขยายตัวมากเกินไปหรือไม่ หากราคาทะลุ Band ด้านบน นักเทรดอาจรอให้ราคาย่อตัวก่อนจึงเข้าเทรด

  • Fibonacci Retracement: ใช้หาจุดแนวรับสำคัญ หากเกิดการย่อลงมาทดสอบเส้น Neckline ก็สามารถดูได้ว่าราคามีโอกาสดีดกลับจากระดับใด


ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการเทรด

Inverse Head and Shoulders Mistakes to Avoid - EBC

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่นักเทรดมักทำกันบ่อยที่สุดคือการเข้าเทรดก่อนที่การยืนยันจะชัดเจน รูปแบบ Inverse Head and Shoulders จำเป็นต้องมีการทะลุเส้น Neckline  เพื่อยืนยันการกลับตัว หากเข้าเทรดเร็วเกินไปโดยยังไม่ได้รอการยืนยัน อาจทำให้เกิดการขาดทุนได้หากรูปแบบนั้นไม่สมบูรณ์ตามที่คาดไว้


อีกข้อที่ควรระวังคือการมองข้ามการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการยืนยันการทะลุ หากการทะลุเกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายต่ำ อาจเป็นสัญญาณของการทะลุปลอม การรอให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นก่อนจะทำการเปิดออเดอร์ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกให้เข้าเทรดในช่วงที่ราคาอาจย้อนกลับ


นอกจากนี้ นักเทรดควรหลีกเลี่ยงการตั้งเป้าหมายราคาที่ไม่สมจริง แม้ว่าการวัดระยะจาก Head ไปยังเส้น Neckline จะช่วยกำหนดเป้าหมายราคาได้ แต่ในตลาดที่ไม่แน่นอนการใช้ Trailing Stop แทนการตั้งเป้าหมายราคาคงที่จะช่วยให้นักเทรดสามารถรักษากำไรได้สูงสุด โดยไม่พลาดโอกาสหากราคายังคงเคลื่อนไหวขึ้นต่อไป


ตัวอย่างในสถานการณ์จริง

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders สามารถพบได้ในหลายตลาด เช่น forex และหุ้น ในการเทรด forex รูปแบบนี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดมีแนวโน้มขาลงยาวนานในคู่เงินหลัก อย่างเช่น EUR/USD หรือ GBP/USD เมื่อแรงขายเริ่มลดลงและมีการกลับตัวของแนวโน้ม


ในตลาดหุ้น รูปแบบนี้มักพบในหุ้นรายตัวหรือดัชนีหลัก เช่น S&P 500 เมื่อแนวโน้มขาลงเริ่มอ่อนแรงและนักลงทุนเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นในการซื้อ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังจากช่วงที่ตลาดถูกขายอย่างหนัก


สรุป

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders คือหนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักเทรดที่ต้องการจับการกลับตัวของแนวโน้มและใช้โอกาสจากการเคลื่อนไหวของตลาดขาขึ้น


แม้ว่ารูปแบบนี้จะมีความน่าเชื่อถือสูงแต่การมีความอดทนและระเบียบวินัยเป็นสิ่งที่สำคัญ การหลีกเลี่ยงการเข้าเทรดเร็วเกินไป การรอการยืนยันจากปริมาณการซื้อขาย (Volume) และการตั้งระดับ Stop-loss ที่เหมาะสมจะช่วยให้นักเทรดรับมือกับสภาวะตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

Bearish Divergence คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญในการซื้อขาย

Bearish Divergence คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญในการซื้อขาย

ค้นพบวิธีการทำงานของการแยกทางแบบขาลง เหตุใดจึงส่งสัญญาณว่าโมเมนตัมกำลังอ่อนตัวลง และผู้ซื้อขายใช้มันเพื่อคาดการณ์ภาวะขาลงของตลาดได้อย่างไร

2025-04-30
ราคาเศษทองแดงวันนี้: อัปเดตตลาดเดือนเมษายน 2568

ราคาเศษทองแดงวันนี้: อัปเดตตลาดเดือนเมษายน 2568

รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับราคาเศษทองแดงประจำเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ดูอัตราปัจจุบัน แนวโน้มตลาด และสิ่งที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้ขาย ผู้ซื้อ และผู้รีไซเคิล

2025-04-30
อินดิเคเตอร์ Aroon หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: ควรใช้ตัวไหนดี?

อินดิเคเตอร์ Aroon หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: ควรใช้ตัวไหนดี?

ตัวบ่งชี้ Aroon และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ติดตามแนวโน้ม แต่ตัวใดมีประสิทธิภาพมากกว่าสำหรับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้งานและกลยุทธ์ของตัวเหล่านี้

2025-04-30