รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหุ้นฟิวเจอร์ และการเทรดหุ้นฟิวเจอร์

เชื่อว่านักลงทุนทุกคนต้องรู้จักการลงทุนในหุ้น และเชื่อว่าทุกคนก็ต้องรู้อีกเช่นกันว่า เมื่อเราซื้อหุ้น สิ่งที่ต้องการคือการขายหุ้นให้ได้กำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อกับราคาขาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว บรรยากาศการซื้อ-ขายในตลาดมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ซื้อหุ้นแล้วไม่สามารถขายได้ เพราะราคาในวันที่ซื้อกับวันที่ต้องการขายกลับไม่เป็นใจ เนื่องจากราคาไม่ขึ้นอย่างที่คิด กลับกันราคากลับวิ่งลงต่ำกว่าวันที่ซื้อ ทำให้นักลงทุนต้องยอมถือหุ้นไว้อย่างนั้น เพื่อรอวันที่ราคาจะวิ่งขึ้นมา หรือในบางรายก็ยอมขายขาดทุนเพื่อการเริ่มต้นใหม่ แต่คุณทราบหรือไม่ว่ายังมีการลงทุนอีก 1 รูปแบบที่ยอมให้คุณทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและลง เรียกว่าการเทรดหุ้นฟิวเจอร์

การซื้อ-ขายสัญญาแบบฟิวเจอร์คืออะไร

              การซื้อขายแบบฟิวเจอร์มีจุดเริ่มต้นมาจากเกษตรกร ที่ต้องการขายพืชผลของตัวเองในอนาคต แต่ไม่รู้ว่าควรจะขายเท่าไหร่ดี ในปี 1851 ที่ Chicago Board of Trade (CBOT) จึงเริ่มต้นให้มีเขียนสัญญาซื้อ-ขายในอนาคตเพื่อทำการซื้อ-ขายข้าวโพดด้วยราคาคงที่ และเมื่อถึงวันครบกำหนดสัญญา ผู้ขายก็จะทำการส่งมอบสินค้า และผู้ซื้อก็จะชำระเงินตามสัญญาซึ่งกันและกัน โดยที่ไม่ต้องสนใจว่า ณ วันที่หมดสัญญาราคาของข้าวโพดจะสูงขึ้น หรือลดต่ำลง ทุกอย่างเป็นไปตามราคาที่กำหนดไว้ในสัญญา

              ในเวลาต่อมาสัญญาฟิวเจอร์ก็ได้รับความนิยม เพราะไม่เพียงสินทรัพย์โภคภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงหุ้น, ดัชนี, สกุลเงิน, น้ำมัน, ทองคำ และโลหะด้วย ที่เปิดให้มีการซื้อขายแบบฟิวเจอร์ได้

วิธีการเทรดหุ้นฟิวเจอร์ความเสี่ยงที่มาพร้อมกับกำไร

              การซื้อ-ขายสัญญาล่วงหน้าในประเทศไทย เปิดให้นักลงทุนสามารถเทรดได้ทั้งสินทรัพย์โภคภัณฑ์ และสินทรัพย์ทางการเงินโดยบริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ TFEX นักลงทุนสามารถซื้อ-ขาย SET50 Index Futures ได้ล่วงหน้า โดยจุดนี้มีข้อแตกต่างกันเล็กน้อย ตรงที่หากนักลงทุนในหุ้น กระบวนการจะจบที่ตรงนั้น คือ ซื้อแล้วรอให้ราคาวิ่งไปสู่ขาขึ้น แต่ถ้าลงทุนในหุ้นฟิวเจอร์ ทาง TFEX จะให้นักลงทุนกำหนดสถานะ ประกอบไปด้วย

1.           Long Position

สมมุติสถานการณ์ว่านักลงทุนคาดการณ์ว่า SET50 Index มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้า นักลงทุนจึงซื้อ SET50 Index Futures เก็บไว้ แบบนี้นักลงทุนจะมีสถานะเป็น Long Position คือ มีสถานะเป็นผู้ซื้อสัญญาฟิวเจอร์

2.           Short Position

เป็นสถานะที่ตรงข้ามกับ Long Position คือ สถานะผู้ขายสัญญาฟิวเจอร์ โดยสมมุติเหตุการณ์เดียวกัน นักลงทุนคาดการณ์ว่า SET50 Index มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงในอีก 2 เดือนข้างหน้า นักลงทุนจึงทำการขาย SET50 Index Futures นั่นเอง

              จึงเห็นได้ว่าการเทรดแบบฟิวเจอร์เปิดโอกาสให้นักลงทุนทำกำไรได้ทั้ง 2 ทาง คือ ถ้ามองว่าหุ้นมีโอกาสจะขึ้นก็ให้เปิดสถานะเป็นผู้ซื้อ Long Position แต่ถ้ามองว่าหุ้นมีโอกาสที่จะลงให้เปิดสัญญาเป็นผู้ขาย Short Position แต่ทั้งหมดนี้นักลงทุนจะต้องเป็นผู้ที่มีความแม่นยำ มีความรอบคอบ และมีความกล้าได้กล้าเสียร่วมด้วย เพราะการซื้อ-ขายแบบฟิวเจอร์หากคาดการณ์ผิดทั้งขาขึ้น และขาลง ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมากกว่าการเทรดหุ้นทั่วไป หรือกล่าวให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า การเทรดรูปแบบนี้มีความเสี่ยงสูง ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจำนวนมาก ดังนั้นหากต้องการเทรดรูปแบบนี้จริง ๆ นักลงทุนต้องมีความเข้าใจ และรู้จักหุ้นดีพอ

              โดยเทคนิคการฝึกฝนก่อนลงสนาม TFEX ของจริง คือ นักลงทุนจะต้องเป็นทั้งสายศึกษารอบรู้ และสายเทคนิค ทั้งการติดตามข่าวสาร การดูกราฟ และที่สำคัญคือฝึกมองจังหวะของหุ้นให้ออกว่า จะวิ่งไปสู่ทิศทางใด หากฝึกจนชำนาญแล้ว การเทรดแบบฟิวเจอร์ก็จะสร้างโอกาสให้เกิดผลตอบแทนไม่น้อยเลยทีเดียว

              การเทรดหุ้นแบบฟิวเจอร์นับเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงสูง ที่มาพร้อมกับโอกาสสร้างผลตอบแทนจำนวนมาก เพราะนักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้ทั้งตลาดขึ้นและขาลง ขอเพียงนักลงทุนมีความเชี่ยวชาญในการอ่านกราฟ มีความรู้รอบตัว และมีวินัยที่จะทำตามแผนของตัวเอง เพียงเท่านี้ก็สามารถประสบความสำเร็จได้แล้ว แต่ถ้านักลงทุนยังไม่รู้จักหุ้นดีพอ หรือยังเป็นมือใหม่ ควรฝึกฝนและทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุน